เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 306

ตอนที่​ 306 คุณหนู​ท่าน​นี้​ ท่าน​คงจะ​จำคน​ผิด​แล้ว​

เมื่อ​เห็น​เช่นนั้น​ มิเพียง​คน​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ที่​นิ่งอึ้ง​ไป​เท่านั้น​ แม้แต่​คน​ของ​ฝ่าย​มาร​เอง​ก็​อด​มิได้​ที่จะ​หยุดชะงัก​ลง​

“จักรพรรดิ​มาร​กำลัง​สู้กับ​ผู้อาวุโส​ซือ​ถูอยู่​มิใช่หรือ​ ? ”

“เหตุใด​จู่ ๆ จึงหนี​ไป​เช่นนั้น​เล่า​ ! ”

“ท่าน​จักรพรรดิ​สัมผัส​ได้​ถึงอัน​ใด​กัน​แน่​ ! ”

“เหตุใด​จึงมิสนใจ​พวกเรา​ แล้ว​เข้าไป​ใน​จงหยวน​เพียงลำพัง​เช่นนี้​ได้​ ? ”

เวลา​ผ่าน​ไป​มิกี่​อึดใจ​

จอม​มาร​ตน​หนึ่ง​ที่​ยืน​อยู่​กลางอากาศ​ เอ่ย​ด้วย​เสียง​ดังลั่น​ขึ้น​ว่า​ “ทุกท่าน​ มิต้อง​ลังเล​อะไร​อีกแล้ว​ พวกเรา​ต้อง​รีบ​ตาม​ท่าน​จักรพรรดิ​เข้าไป​ใน​จงหยวน​ให้ได้​”

สิ้น​เสียง​ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​หลาย​ตน​ก็​สบตา​กัน​ ก่อน​จะทยอย​ใช้เคล็ด​วิชา​ลับ​โบราณ​ด้วย​ท่าทาง​ดุดัน​

ทันใดนั้น​ มาร​บาง​ตน​ที่​มีรอยสัก​ประหลาด​เต็มตัว​ พลัน​รอบกาย​ก็​มีพลัง​พลุ่งพล่าน​ขึ้น​มา ส่วน​มาร​ที่​เหลือ​แม้ทั่ว​ร่าง​จะเต็มไปด้วย​เลือด​ ทว่า​กลับ​มีใบหน้า​และ​ท่าทาง​ดุดัน​ขึ้น​…

ทันทีที่​เห็นภาพ​ตรงหน้า​ นักพรต​ฉางเสวียน​ที่​เสื้อผ้าอาภรณ์​ขาดวิ่น​ก็​เพ่ง​กระแสจิต​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​สูญเสีย​ไป​มิน้อย​ ดูท่า​คง​มิอาจ​หยุดยั้ง​ฝ่าย​มาร​มิให้​เข้าสู่​จงหยวน​ได้​อีกแล้ว​”

เจ้าสำนัก​จื่อ​ชิง สวี​ฉิงเทียน​ จึงตอบ​กลับมา​ว่า​ “ตอนนี้​ดูท่า​พวกเรา​คง​ทำได้​เพียง​ถอยกลับ​ไป​ยัง​สำนัก​ของ​ตน​ก่อน​ จากนั้น​ค่อย​ไป​เชิญผู้อาวุโส​เย่​มาช่วยเหลือ​แล้ว​ล่ะ​”

“เท่านี้​ก็​มาก​เกิน​พอแล้ว​ หาก​ปล่อย​เอาไว้​ต่อไป​เกรง​ว่า​หลังจาก​ศึก​ใน​ครา​นี้​ ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​คง​มิอาจ​กลับมา​ผงาด​ได้​อีกแล้ว​”

“เช่นนั้น​ก็​ถอย​กัน​ก่อน​เถอะ​ ! ”

ทันใดนั้น​ หลังจากที่​เหล่า​ผู้นำ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ที่​เหลือ​รอด​ ได้​ปรึกษาหารือ​กัน​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​

“ศิษย์​ลัทธิ​เต๋า​ทั้งหมด​ถอยทัพ​ ! ”

“ศิษย์​ลัทธิ​เต๋า​ทั้งหมด​ถอยทัพ​ ! ”

เสียง​อัน​เคียดแค้น​ดังก้อง​ไป​ทั่ว​

ศิษย์​ลัทธิ​เต๋า​ที่​มีท่าทาง​อ่อนล้า​เต็มที​ เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​ก็​สบตา​กัน​เล็กน้อย​ ก่อน​จะทยอย​เหาะ​ไปหา​เจ้าสำนัก​ของ​ตน​

มินาน​หลังจากที่​คน​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ที่​เหลืออยู่​มิมาก​แยกย้าย​กัน​แล้ว​

กองทัพ​ฝ่าย​มาร​ที่​เหลืออยู่​นับ​แสน​ตน​ หลังจากที่​ผู้​แข็งแกร่ง​ระดับ​จอม​มาร​หลาย​ตน​ได้​ทะลวง​กำแพง​แดน​เหนือ​แล้ว​ ต่าง​ก็​หลั่งไหล​เข้าไป​ยัง​จงหยวน​ตาม​ช่อง​ต่าง ๆ​ ของ​กำแพง​ทันที​

ขณะเดียวกัน​ ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ที่​คุกเข่า​ลง​ข้าง​หนึ่ง​ และ​เตรียมพร้อม​ที่จะ​สู้จนตัวตาย​ จู่ ๆ ร่าง​ทั้ง​ร่าง​พลัน​แข็ง​ค้าง​ ใบ​หน้าที่​เปรอะเปื้อน​ไป​ด้วย​เลือด​มีสีหน้า​ตกตะลึง​เป็นอย่างมาก​ เมื่อ​เห็น​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​จากไป​อย่าง​มิมีปี่​มีขลุ่ย​

‘นี่​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​ ! ’

‘เหตุใด​จู่ ๆ จักรพรรดิ​มาร​ถึงมิลงมือ​ มิหนำซ้ำ​ยัง​จากไป​อย่าง​มิมีปี่​มีขลุ่ย​เช่นนี้​อีก​ ? ’

หลังจาก​นิ่งเงียบ​อยู่​ตรงนั้น​พักใหญ่​ ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ก็​ได้สติ​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ ก่อน​จะหวน​คิดถึง​ใบ​หน้าที่​งดงาม​ทว่า​กลับ​เย่อหยิ่ง​ของ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​

ใบ​หน้าที่​เย็นชา​ราวกับ​คน​ไร้ความรู้สึก​ อยู่ดี ๆ​ ก็​อ่อนโยน​ขึ้น​อย่าง​ยาก​ที่​เชื่อ​

‘คิด​มิถึงว่า​จักรพรรดิ​มาร​ที่​เด็ดขาด​และ​เลือดเย็น​ จะมีด้าน​ที่​อ่อนโยน​เช่นนี้​ซ่อน​อยู่​ด้วย​’

‘การ​ที่​นาง​จากไป​อย่าง​กะทันหัน​ หรือว่า​จะเป็น​เพราะ​ใคร​บางคน​ ? ’

‘หรือ​ว่าการ​ที่​จักรพรรดิ​มาร​นำ​คนใน​เผ่า​นับ​ล้าน​บุก​โจมตี​จงหยวน​ ก็​เพราะ​ใคร​บางคน​ ? ’

‘คง​มิใช่กระมัง​ ! ’

‘นี่​มัน​ดู​ไร้สาระ​เกินไป​ ! ’

‘อีก​อย่าง​… คน​เช่นไร​กันที่​ทำให้​จักรพรรดิ​มาร​ถึงกับ​ยกทัพ​มาเช่นนี้​ได้​ ? ’

จน​เวลา​ผ่าน​ไป​อีก​หนึ่ง​ก้านธูป​

ดวงตา​ของ​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ก็​มีประกาย​บางอย่าง​แวบ​ผ่าน​

‘หรือว่า​จะเป็น​… ผู้อาวุโส​เย่​ ? ’

คิดถึง​ตรงนี้​ แม้ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​จะรู้สึก​สงสัย​มาก​เพียงใด​ ทว่า​ร่างกาย​กลับ​กระอัก​เลือด​ออกมา​อย่าง​ห้าม​มิอยู่​

ศึก​ใน​ครั้งนี้​เขา​บาดเจ็บสาหัส​จริง ๆ​ !

หาก​มิใช่เพราะ​แข็งใจ​เอาไว้​ บางที​เขา​คงจะ​ล้ม​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​

บัดนี้​เมื่อ​สิ้นแรง​เฮือกสุดท้าย​ บาดแผล​ที่อยู่​ทั่ว​ร่างกาย​จึงเริ่ม​แสดงอาการ​ขึ้น​มา

……………………….

วันนี้​นับตั้งแต่​พวก​เทพ​หลิว​จากไป​

จน​แสงตะวัน​เตรียม​จะลับ​ฟ้าจน​เป็น​สีแดงเข้ม​

ในที่สุด​เย่​ฉางชิงก็ได้​หยุด​ดีด​พิณ​

ทว่า​ระหว่าง​ที่​มุมปาก​ของ​เขา​ยกขึ้น​เป็น​รอยยิ้ม​ฝืด​เฝื่อน​ ดวงตา​ที่​เอ่อ​คลอ​ไป​ด้วย​หยาด​น้ำตา​ทั้งสอง​ข้าง​ และ​ค่อย ๆ​ ลืม​ขึ้น​มานั้น​

จู่ ๆ ก็​มีร่าง​อรชร​ร่าง​หนึ่ง​ ที่​สวม​อาภรณ์​สีม่วง​ปรากฏตัว​ขึ้น​สู่สายตา​

ขณะเดียวกัน​ น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​เสียง​หนึ่ง​ก็​ค่อย ๆ​ ดัง​ขึ้น​

“กี่​ปี​แล้ว​ กี่​ปี​แล้ว​ คิด​มิถึงว่า​ข้า​จะยัง​ได้​พบ​เจ้าอีก​ครา​ บน​โลก​ที่​สับสนวุ่นวาย​แห่ง​นี้​”

เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ที่​เต็มไปด้วย​อารมณ์​ความรู้สึก​เช่นนี้​

เย่​ฉางชิงจึงรู้สึก​ราวกับ​ทั้งหมด​นี้​คือ​ความฝัน​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน