เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 31

ตอนที่ 31 นี่คือของที่ระลึกจากท่านผู้อาวุโส !

“ท่านบรรพบุรุษมีอะไรหรือเปล่าขอรับ ? ”เยี่ยนหยางเหนียนเห็นท่าทางเคร่งเครียดของเยี่ยนเทียนซานจึงเอ่ยถามขึ้น

“ท่านบรรพบุรุษ ภาพอักษรพู่กันภาพนี้มาจากฝีมือของท่านเย่เจ้าค่ะ” เยี่ยนปิงซินเหลือบมองเยี่ยนหยางเหนียน ก่อนเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น

เยี่ยนเทียนซานจับจ้องไปบนตัวอักษร ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ลายเส้นของภาพอักษรพู่กันนี้ลื่นไหลเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ การจัดวางละเอียดประณีต ภาพอักษรพู่กันนี้หากเผยออกไปภายนอกคงทำให้เหล่านักปราชญ์ต้องตกตะลึงและอับอายเป็นแน่”

“แต่สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของภาพอักษรพู่กันนี้คือเจตจำนงที่แท้จริงของกระบี่ที่แฝงเอาไว้ภายใน ข้าบำเพ็ญเพียรวิถีดาบมาหลายพันปี แต่เมื่อเทียบกับเจตจำนงที่แท้จริงของกระบี่ที่แฝงอยู่ในภาพนี้แล้ว ยังด้อยกว่ามากนัก”

เอ่ยถึงตรงนี้เยี่ยนเทียนซานก็ได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลางเอ่ยต่ออย่างถอดถอนใจว่า “คาดมิถึงว่าในโลกนี้จะมีผู้ที่รู้แจ้งในวิถีแห่งกระบี่ถึงเพียงนี้ วันนี้ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาขึ้นจริง ๆ ! ”

หัวใจของเยี่ยนหยางเหนียนบีบรัดแน่นและมีสีหน้าหม่นหมองทันที ที่ได้ยินความเห็นของท่านบรรพบุรุษที่มีต่อภาพอักษรพู่กันนี้

เนื่องจากเขามีจุดประสงค์สองอย่างในการมาครั้งนี้

จุดประสงค์แรกก็คือให้ท่านบรรพบุรุษใช้เคล็ดวิชา ตรวจสอบว่ามีเครื่องหมายใดบนร่างกายของเยี่ยนปิงซินหรือไม่

อย่างไรเสียเยี่ยนปิงซินก็ยังอายุยังน้อย ตบะบำเพ็ญเพียรยังมิแก่กล้ามากนัก อาจถูกคนหลอกใช้เอาได้

จุดประสงค์ที่สองคือท่านบรรพบุรุษมีตบะแก่กล้าและมีฝีมือที่ยอดเยี่ยม

อีกทั้งภาพอักษรพู่กันภาพนี้ยังแฝงเจตจำนงแท้จริงของกระบี่เอาไว้ด้วย ด้วยความแตกฉานในวิถีดาบของท่านบรรพบุรุษ การจะหาเบาะแสจากภาพนี้ย่อมมิใช่ปัญหาอยู่แล้ว

ไม่แน่อาจคาดเดาตบะบำเพ็ญเพียรของอีกฝ่าย จากเจตจำนงแท้จริงของกระบี่ที่แฝงอยู่ก็เป็นได้

แต่ท่านบรรพบุรุษถึงกลับกล่าวว่าเป็นการได้เปิดหูเปิดตาเยี่ยงนี้

แสดงว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้แตกฉานในวิถีกระบี่อย่างมิอาจประมาณได้ อีกทั้งยังเป็นคนที่น่ากลัวอย่างยิ่งอีกด้วย !

ขณะนั้นเองเยี่ยนเทียนซานจึงหันไปเอ่ยถามเยี่ยนปิงซินด้วยความตื่นเต้นว่า “เด็กน้อย เมื่อครู่เจ้าบอกว่าผู้อาวุโสที่เขียนภาพนี้อยู่ในเขตของดินแดนศักดิ์สิทธ์ไท่เสวียนเยี่ยงนั้นหรือ”

เยี่ยนปิงซินงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ

“เรียนท่านบรรพบุรุษ ท่านเย่อยู่ในแดนจิตแห่งหนึ่งของดินแดนไท่เสวียนที่ชื่อว่าเมืองเสี่ยวฉือเจ้าค่ะ”

เยี่ยนปิงซินมิกล้าปิดบังใด ๆ ต่อท่านบรรพบุรุษ

เยี่ยนเทียนซานจึงเอ่ยถามต่อว่า “ผู้อาวุโสท่านนี้เคยออกจากเมืองเสี่ยวฉือหรือไม่ ? ”

“ไม่เจ้าค่ะ”

ทันทีที่ได้ยิน ดวงตาดำขลับของเยี่ยนปิงซินก็มีประกายบางอย่างแวบผ่าน จากนั้นพลันส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยถามท่านเย่ เขาบอกว่าตอนนี้ยังมิมีความคิดที่จะไปจากที่นั่น อีกทั้งก่อนที่ข้าจะจากมา ท่านเย่ยังตอบตกลงให้ข้ากลับไปเยี่ยมเยียนเขาได้อีกด้วยเจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ ? ” เยี่ยนเทียนซานชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยบังเกิดความตื่นเต้นยินดีขึ้นมาในทันใด

เยี่ยนปิงซินนั้นเป็นคนมีไหวพริบ เพียงแค่มองก็รู้ถึงความคิดของท่านบรรพบุรุษแล้ว

“ท่านบรรพบุรุษเองก็อยากพบท่านเย่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”เยี่ยนปิงซินเอ่ยถามพลางกะพริบตาปริบ ๆ

เยี่ยนเทียนซานทำได้เพียงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ผู้อาวุโสท่านนี้อาจจะสำเร็จถึงขั้นสูงสุดของวิถีกระบี่แล้วก็เป็นได้ หากข้ามีโอกาสได้พบเขาสักครั้ง ไม่แน่อาจจะดีกว่าการบำเพ็ญตบะพันปีเสียอีก”

“หากโชคดีได้พบผู้อาวุโสท่านนี้จริง แม้มิอาจบรรลุการบำเพ็ญตบะได้ แต่ชีวิตนี้ข้าก็มิเสียดายอะไรอีกแล้ว”

เยี่ยนเทียนซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างปล่อยวาง

ขณะนั้นเองเยี่ยนหยางเหนียนจึงเอ่ยขึ้นอย่างลังเลว่า “ท่านบรรพบุรุษขอรับ เมื่อหลายวันก่อนปิงซินและกลุ่มคนของท่านหลิวได้หยุดพักที่เมืองชิงเหอ แต่มิรู้ว่าเป็นฝีมือของท่านผู้อาวุโสท่านนั้นหรือไม่ ปิงซินจึงไปปรากฏตัวยังที่พำนักของท่านผู้อาวุโสในเมืองเสี่ยวฉือเข้าพอดีขอรับ”

“จริงหรือปิงซิน ? ” เยี่ยนเทียนซานได้ยินดังนั้นก็หันไปมองทางเยี่ยนปิงซินทันที

เยี่ยนปิงซินพยักหน้ารับแต่โดยดี

เยี่ยนหยางเหนียนแอบมองท่านบรรพบุรุษเยี่ยนเทียนซานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างกริ่งเกรงว่า “ท่านบรรพบุรุษ ท่านคิดว่าผู้อาวุโสท่านนี้ต้องการให้ปิงซินทำอะไรบางอย่าง หรือว่า…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน