เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 320

ตอนที่​ 320 ต้อง​ให้​ผู้อาวุโส​เย่​ช่วย​

เวลา​สอง​เดือน​ผ่าน​ไป​ไว​ราวกับ​กระพริบตา​

วันนี้​

ณ ตำหนัก​ไท่​เสวียน​ ภายใน​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ไท่​เสวียน​

เจ้าสำนัก​ของ​ทั้ง​ห้า​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ใหญ่​แห่ง​จงหยวน​ได้มา​รวมตัวกัน​อีกครั้ง​

“พี่​เห​อ​ นับตั้งแต่​ฝ่าย​มาร​บุก​โจมตี​จงหยวน​ พวกเขา​ก็​ยึด​ครองเมือง​โบราณ​หลาย​แห่ง​ของ​ดินแดน​ทางเหนือ​แล้ว​ แต่กลับ​มิได้​มีอะไร​มากกว่า​นั้น​”

เจ้าสำนัก​จื่อ​ชิง สวี​ฉิงเทียน​ ลูบ​หนวด​ของ​ตนเอง​พลาง​เอ่ย​ออกมา​อย่าง​กระปรี้กระเปร่า​ “ดูเหมือนว่า​ผู้อาวุโส​เย่​จะยื่นมือ​เข้ามา​ช่วย​แล้ว​จริง ๆ​ หรือไม่​ก็​คง​ออกหน้า​ด้วยตัวเอง​ จึงทำให้​กองทัพ​มาร​นับ​แสน​หวั่นเกรง​ และ​มิกล้า​ทำ​อะไร​อีก​”

“ข้า​เห็นด้วย​กับ​ที่​พี่​สวี​พูด​ ความเก่งกาจ​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​หา​ใช่สิ่งที่​พวกเรา​จะคาดเดา​ได้​จริง ๆ​ ”

เจ้าสำนัก​ต้า​หลัว​มิได้​มีหน้าตา​ซึมเศร้า​ดังเช่น​ก่อนหน้านี้​อีก​ พร้อม​เอ่ย​ด้วย​ท่าทาง​ร่าเริง​ว่า​ “พวก​ท่าน​ต้อง​คิด​มิถึงเป็นแน่​”

“เมื่อ​หลาย​เดือนก่อน​ หลังจากที่​ปีศาจ​เผ่า​ต่าง ๆ​ ได้​เข้ามา​ใน​ดินแดน​จงหยวน​ ข้า​กับ​ผู้ติดตาม​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​ก็ได้​ไป​ยัง​ดินแดน​บรรพบุรุษ​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ ได้​เห็น​มากับ​ตา​ว่า​ผู้ติดตาม​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​ท่าน​นั้น​ สังหาร​ชิว​หลง​ที่​เป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​ก้าว​เข้าสู่​ระดับ​จักรพรรดิ​เช่นไร​”

“ช่างแข็งแกร่ง​ยิ่งนัก​ แม้ข้า​จะรู้​ว่า​ผู้ติดตาม​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​มิมีทาง​ทำร้าย​ข้า​ แต่​สถานการณ์​ใน​ตอนนั้น​ทำให้​ข้า​รู้สึก​กดดัน​ แม้แต่​หายใจ​ยัง​ยากลำบาก​เลย​”

สิ้น​เสียง​ เจ้าสำนัก​หยิน​หยาง​ ต้วน​ฉางเต๋อ​ ซึ่งในที่สุด​ก็ได้​ฟื้นฟู​ร่างกาย​จน​หาย​เป็นปกติ​ดีแล้ว​ อด​มิได้​ที่จะ​กลอกตา​ใส่หลัว​ชุน​เฟิง

“ตา​เฒ่าหลัว​ มิใช่ข้า​อยาก​จะว่า​เจ้าหรอก​นะ​ แต่​คำพูด​เช่นนี้​มีเพียง​เจ้าเท่า​นั้นแหละ​ที่จะ​กล้า​พูด​ออกมา​”

ต้วน​ฉางเต๋อ​เอ่ย​เยาะเย้ย​อย่าง​มิเกรงใจ​ “จาก​ที่​ข้า​รู้​มา ตอนนั้น​เจ้าเพียง​เป็น​แค่​ผู้นำทาง​ให้​แก่​ผู้ติดตาม​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​เท่านั้น​ จากนั้น​ก็​รีบ​กลับ​มายัง​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ต้า​หลัว​ทันที​มิใช่หรือ​”

“คน​ที่​มีชีวิต​มาหลาย​พันปี​เช่น​เจ้า กล้า​โกหก​ต่อหน้า​ทุกคน​ได้​อย่าง​มิสะทกสะท้าน​ได้​เยี่ยง​ไร​ ? ”

“ต้วน​ฉางเต๋​อ.​.. เจ้า ! ”

พลัน​หลัว​ชุน​เฟิงก็​มีสีหน้าเขียว​คล้ำ​ สายตา​จ้องเขม็ง​ไป​ยัง​ต้วน​ฉางเต๋อ​

ต้วน​ฉางเต๋อ​กลับ​ยิ้มเยาะ​ออกมา​ และ​ปรายตา​มอง​หลัว​ชุน​เฟิงที่​กำลัง​โมโห​ ก่อน​จะเงียบ​ไป​

ตอนนั้น​เอง​ นักพรต​อี่​เจ๋อ​ เจ้าสำนัก​ชั่วคราว​ของ​ดินแดน​ศักดิ์​กู่​หัว​ ที่​ขึ้น​รับ​ตำแหน่ง​แทน​นักพรต​ไท่​หัว​ที่​ต้อง​จบชีวิต​ลง​ใน​ศึก​แดน​ใต้​ ก็​หัวเราะ​ออกมา​เพื่อ​หวัง​ทำลาย​บรรยากาศ​ตึงเครียด​ใน​ตอนนี้​ “ท่าน​ทั้งสอง​ ความสามัคคี​เป็น​สิ่งสำคัญ​นะ​ ! ”

“ศึก​ใหญ่​ของ​แดน​เหนือ​และ​แดน​ใต้​ เรียก​ได้​ว่า​เป็นการ​สูญเสีย​ครา​ประวัติการณ์​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​ก็​ว่า​ได้​ บัดนี้​แม้ปีศาจ​เผ่า​ต่าง ๆ​ จะล่า​ถอยกลับ​เทือกเขา​แดน​ใต้​แล้ว​ แต่​กองทัพ​มาร​นับ​แสน​ยังคง​ปักหลัก​อยู่​ที่​เมือง​โบราณ​หลาย​เมือง​ใน​ดินแดน​ทางเหนือ​ เช่นนั้น​พวกเรา​จะประมาท​มิได้​อย่าง​เด็ดขาด​ ! ”

“พี่​อี่​เจ๋อ​พูด​มามีเหตุผล​”

สวี​ฉิงเทียน​เอ่ย​สนับสนุน​ “เวลานี้​ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​ควร​ร่วมแรงร่วมใจ​กัน​ และ​ช่วยกัน​คิด​หา​วิธี​ว่า​จะทำให้​สถานการณ์​ของ​จงหยวน​หลังจากนี้​ มั่นคง​ขึ้น​ได้​เยี่ยง​ไร​จะดีกว่า​”

“ขณะเดียวกัน​ หลังจาก​ศึก​ใน​ครา​นี้​พวกเรา​ควร​ตระหนัก​ให้​มากขึ้น​ว่า​ นับตั้งแต่​สมัย​บรรพกาล​จนถึง​ปัจจุบัน​ ลัทธิ​เต๋า​ของ​เรา​มิใช่เพียง​ย่ำอยู่กับที่​ ทว่า​ยัง​ก้าว​ถอยหลัง​อย่าง​ต่อเนื่อง​อีกด้วย​ ช่างน่าละอาย​และ​ทำให้​บรรพบุรุษ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ผิดหวัง​จริง ๆ​ ”

สิ้น​เสียง​ หลัว​ชุน​เฟิงก็​ถอนใจ​ออกมา​ พร้อมกับ​นั่งลง​อีกครั้ง​

ต้วน​ฉางเต๋อ​เม้มริมฝีปาก​เล็กน้อย​ แล้ว​หันไป​สบตา​กับ​หลัว​ชุน​เฟิง ใบหน้า​ชรา​นั้น​เผย​ให้​เห็น​ความ​สับสน​ได้​อย่าง​ชัดเจน​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ ทั้ง​สี่คน​ก็​พึ่ง​รู้สึก​ว่า​นักพรต​ฉางเสวียน​ เอาแต่​นั่ง​ทำ​หน้า​เคร่งเครียด​อยู่​ตรงนั้น​มาโดยตลอด​ ท่าทาง​ราวกับ​มีเรื่อง​ให้​คิดหนัก​

“พี่​เห​อ​ ท่าน​เป็น​อะไร​ไป​อีก​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ”

สวี​ฉิงเทียน​กวาดตา​มอง​อีก​สามคน​ที่​เหลือ​ จากนั้น​จึงเอ่ย​ถามนักพรต​ฉางเสวียน​

หลังจาก​เงียบ​ไป​นาน​ ในที่สุด​นักพรต​ฉางเสวียน​ก็​ได้สติ​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ ก่อน​จะหันไป​มอง​และ​ทอดถอนใจ​กับ​พวก​สวี​ฉิงเทียน​ “ทุกท่าน​ มีบาง​เรื่อง​เกิดขึ้น​ แต่​ข้า​คิด​ว่า​มิมีความจำเป็น​ที่จะ​ต้อง​ปิดบัง​ทุกท่าน​อีกต่อไป​แล้ว​”

“พี่​ฉางเสวียน​ ท่าน​หมายความว่า​อย่างไร​กัน​ ? ”

หลัว​ชุน​เฟิงเอ่ย​ด้วย​ความ​ฉงน​

นักพรต​ฉางเสวียน​จึงเอ่ย​ออกมา​ว่า​ “ทุกท่าน​อาจจะ​ยัง​มิทราบ​ ความจริง​แล้ว​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​ ท่าน​บรรพ​จารย์เย่​เป็น​คน​ปล่อย​นาง​ออกมา​เอง​”

“นี่​หมายความว่า​ มิว่า​จะเป็น​ศึก​ทางเหนือ​หรือว่า​ศึก​ทางใต้​ ล้วนแล้วแต่​มีท่าน​บรรพ​จารย์เย่​คอย​เติม​เชื้อไฟ​อยู่​เบื้องหลัง​ทั้งสิ้น​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ”

“มิหนำซ้ำ​ตอนนี้​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​ก็​ยัง​คงอยู่​ที่​เมือง​เสียว​ฉือ​ และ​พำนัก​อยู่​ที่​เรือน​ของ​ท่าน​บรรพ​จารย์เย่​อีกด้วย​”

ทันใดนั้น​ภายใน​ตำหนัก​ไท่​เสวียน​พลัน​ไร้​ซึ่งเสียง​ใด​ ๆ บรรยากาศ​เต็มไปด้วย​ความ​เงียบสงัด​

โดยเฉพาะ​พวก​สวี​ฉิงเทียน​เจ้าสำนัก​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ใหญ่​ทั้ง​สี่ท่าน​ที่​ถึงกับ​แข็ง​ค้าง​ไป​ราวกับ​หิน​ ท่าทาง​ของ​ทุกคน​เต็มไปด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​อย่าง​มาก​

พวกเขา​มิเคย​คาดคิด​มาก่อน​เลย​ว่า​ ผู้​ที่อยู่​เบื้องหลัง​ศึก​ใหญ่​ใน​จงหยวน​ครั้งนี้​จะเป็น​ผู้อาวุโส​เย่​

แต่​เหตุใด​ผู้อาวุโส​เย่​ต้อง​ทำ​เช่นนั้น​ด้วย​เล่า​ ?

เพราะ​การต่อสู้​ขัดขวาง​กองทัพ​ปีศาจ​และ​กองทัพ​มาร​มิให้​รุกราน​เข้าสู่​จงหยวน​ใน​ครั้งนี้​ ทำให้​คน​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ล้มตาย​ไป​นับ​แสน​คน​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หนึ่ง​ใน​ห้า​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ใหญ่​ ที่​ต้อง​สูญเสีย​เจ้าสำนัก​กู่​หัวใน​ศึก​แดน​ใต้​ครั้งนี้​อีกด้วย​ !

หรือว่า​เมื่อ​อยู่​ใน​ระดับ​สูงสุด​เช่น​ผู้อาวุโส​เย่​แล้ว​ จะมีนิสัย​เลือดเย็น​ขึ้น​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน