เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 398

ตอนที่ 398 มิให้โอกาสแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น รอบกายของเย่ฉางชิงก็มีแสงหลากสีสันไหลวน เจิดจ้าไร้ที่เปรียบ ราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน

ขณะเดียวกันก็มีไอหยินหยางหลายสายหมุนวน

ผมยาวสลวยและชุดคลุมสีเขียวอ่อนปลิวไสว

วินาทีนี้ราวกับร่างของเขาซ้อนทับไปกับร่างขนาดใหญ่ในนิมิต ที่ปกคลุมด้านหลังของเขาเอาไว้ก็มิปาน

น่าเกรงขามยิ่งนัก !

เพียงมองแค่แวบเดียวก็ทำให้คนอดมิได้ที่จะเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมา

และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ

เมื่อเวลาผ่านไปอีกมิกี่อึดใจ

ห้วงอากาศทางด้านหลังของเขาก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้น พลังโกลาหลจำนวนมหาศาลปะทุออกมา

มินานภาพที่ดูเลือนลาง ทว่าน่าตื่นตระหนกก็ปรากฏสู่สายตา

ภาพอาณาจักรแห่งเทพที่มีรูปปั้นสูงตระหง่านองค์หนึ่งตั้งอยู่ ด้านหน้าของรูปปั้นมีผู้คนมารวมตัวกันจนมืดฟ้ามัวดิน ราวกับสาวกผู้ศรัทธา

ทุกคนต่างคุกเข่าอยู่กับพื้น พนมมือทั้งสองข้างก่อนยกขึ้นเหนือหัว จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้มหัวลงที่พื้น

เห็นได้ชัดว่าในกลุ่มคนที่มาบูชาด้วยความเลื่อมใสศรัทธานั้น

รอบกายของบางคนก็มีวงแสงอันเจิดจ้าปกคลุมอยู่ มีแสงหลากสีสันไหลเวียนไปทั่วร่าง และแผ่ความน่าเกรงขามออกมา

บางคนก็สวมชุดสีขาวธรรมดา มิมีสิ่งใดปกคลุมบนกาย มิมีอันใดต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีคนชราที่มีศีรษะขาวโพลน มีเด็กน้อยที่หน้าตาไร้เดียงสารวมอยู่ด้วย

ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตระหนกยิ่งนัก

เมื่อเห็นภาพอัศจรรย์ตรงหน้า

ชวี่เหวินเซี่ยแม้จะมีฐานะสูงส่ง แต่เนื่องด้วยตอนเด็กนางมิชอบอ่านหนังสือเท่าไรนัก

จึงทำให้นางมิรู้ว่าเวลานี้ ควรจะบรรยายความรู้สึกของตนเองออกมาเช่นไรดี

อีกทั้งต้องยอมรับว่า ตั้งแต่เล็กจนโตมาจนถึงตอนนี้ นางยังมิเคยเห็นนิมิตอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน และมิรู้ว่าภาพที่เห็นทั้งหมดนี้หมายถึงสิ่งใด

และนิมิตก็ปกคลุมกายของเย่ฉางชิงอยู่เยี่ยงนั้นไปจนถึงวันรุ่งขึ้น

ส่วนชวี่เหวินเซี่ย

เนื่องจากปราณวิญญาณฟ้าดินภายในเรือนแห่งนี้เหือดแห้งไปจนเกือบหมด จึงทำให้นางมิอาจที่จะบำเพ็ญเพียรต่อได้

แต่นางหาได้ใส่ใจไม่ ตอนนี้นางมีตบะแดนสร้างแก่นแล้ว การจะผ่านการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์ จึงมิใช่เรื่องยากอีกต่อไป

วันต่อมา

เมื่อแสงตะวันค่อย ๆ ส่องขึ้นมาตามเส้นขอบฟ้า

หลังจากนิมิตต่าง ๆ ที่ปกคลุมรอบกายมลายหายไป

ในที่สุดเย่ฉางชิงก็ยกยิ้มออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

“สร้างรากฐาน นี่คือความรู้สึกของการสร้างรากฐานเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เย่ฉางชิงพึมพำกับตนเองด้วยใบหน้าที่แฝงรอยยิ้มยินดี

ทว่าขณะที่เขากุมมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันโดยมิได้ตั้งใจนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างห้ามมิได้

สร้างรากฐาน !

ใช่แล้ว !

เขาก้าวเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้สำเร็จแล้ว

แต่สิ่งที่เขาคาดมิถึงก็คือ

สัญญาณต่าง ๆ ในร่างกายของเขาบ่งชี้ว่า เวลานี้เขามีตบะบารมีอยู่ในระดับการสร้างรากฐานขั้นท้ายแล้ว

เพิ่งจะก้าวสู่การสร้างรากฐาน ก็สามารถบรรลุระดับการสร้างรากฐานขั้นสุดท้ายเลยเยี่ยงนั้นหรือ

นี่มันเรื่องอันใด ?

เย่ฉางชิงรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

ตามคู่มือการบำเพ็ญเพียรที่ศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนให้มานั้น

ต่อให้เป็นอัจฉริยะในการบำเพ็ญ หลังจากก่อเกิดรากฐานแห่งมหามรรคาแล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะสามารถเลื่อนขั้นไประดับสร้างรากฐานขั้นท้ายได้

แต่ตัวเขาเพิ่งจะก้าวเข้าสู่การสร้างรากฐานได้มินาน ก็สามารถบรรลุถึงระดับสร้างรากฐานขั้นท้ายได้แล้ว

หรือเมื่อมีการสะสมพลังได้มากพอ พลังนั้นก็จะปะทุและแสดงออกมาในคราเดียว อย่างที่ในตำนานกล่าวไว้

อืม !

คงมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะสามารถอธิบายได้

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เย่ฉางชิงก็มิเก็บมาใส่ใจอีก

ผู้ที่อยู่บนโลกบำเพ็ญเพียรมาแล้วสองโลก

โลกที่แล้วเพราะไร้รากวิญญาณ จึงต้องอยู่แต่ในเมืองเสี่ยวฉือมาหลายปี

มาโลกนี้แม้ว่าคุณสมบัติของเขาจะมิได้สูงส่งพอ ที่จะบำเพ็ญเพียรในสำนักเซียนลึกลับอย่างสำนักชิงหยาง แต่คุณสมบัติก็มิได้แย่เกินไปนัก

เช่นนั้นการก้าวกระโดดมาถึงระดับสร้างรากฐานขั้นท้ายเช่นนี้ ก็ดูมิได้เกินจริงมากนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน