เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 402

สรุปบท ตอนที่ 402 ท่านพี่เย่ โอกาสของท่านมาถึงแล้ว: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 402 ท่านพี่เย่ โอกาสของท่านมาถึงแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายแปลทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 402 ท่านพี่เย่ โอกาสของท่านมาถึงแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 402 ท่านพี่เย่ โอกาสของท่านมาถึงแล้ว

หลังจากที่เย่ฉางชิงชักกระบี่จื่อชิงออกมา เหมียวต้าจวงก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวเป็นอย่างมาก นี่ยังมิต้องพูดถึงว่าคุณสมบัติในการฝึกเซียน รวมทั้งพลังของอีกฝ่ายเป็นเช่นไร ! เพียงแค่ใบหน้านั้นก็หล่อเหลากว่าเขามิรู้กี่เท่าต่อกี่เท่าแล้ว

ด้วยเหตนี้จึงทำให้เขารู้สึกราวกับว่าชีวิตนี้ได้เดินมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว เช่นนั้นสำหรับเขาแล้ว การประลองในครั้งนี้จึงมิมีผลใด ๆ ต่อเขาอีก

แต่สิ่งที่เขาคาดมิถึงมากที่สุดก็คือ แค่อีกฝ่ายเพียงแค่ชักกระบี่ออกมา ก็เหมือนสะกดเขาเอาไว้ให้ยอมจำนนแต่โดยดี

กระบี่เทพอันน่าเกรงขาม เพียงแค่ไอพลังของมัน ก็ทำให้คนรู้สึกราวกับหายใจมิออกได้จริง ๆ

ส่วนดาบยักษ์สีดำเล่มนี้ของเขา แม้จะนับได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่ง แต่ก็มิอาจรู้ได้ว่าห่างชั้นกับกระบี่เทพของอีกฝ่ายมากเพียงใด

แต่สำหรับเขาที่มาจากสำนักระดับล่างแล้ว ดาบยักษ์เล่มนี้นับได้ว่าเป็นหนึ่งในอาวุธวิญญาณที่หาได้ยากมากแล้ว และหากทั้งสองประลองกันจริง ๆ เกรงว่าประมาทเพียงนิดเดียว ดาบของเขาเล่มนี้คงถูกอีกฝ่ายฟันจนหัก กลายเป็นเศษเหล็กภายในพริบตาอย่างแน่นอน เช่นนั้นตอนนี้เหมียวต้าจวงจึงมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น

ทางแรกก็คือยอมแพ้ไปซะ ส่วนอีกทางก็คือประลองโดยรู้ผลแพ้ชนะอยู่แล้ว ส่วนดาบในมือของเขาก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นเศษเหล็ก

เหมียวต้าจวงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

‘ทำไมกัน ! ’

‘ข้า เหมียวต้าจวง มุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรมาตลอด ! เหตุไฉนเพียงแค่การประลองรอบแรก ข้าต้องมาพบกับผู้ที่ครอบครองกระบี่เทพเช่นนี้เสียแล้ว ! ’

‘สวรรค์ ! ’

‘ฟ้าดิน ! ’

‘ช่างมิให้โอกาสกับข้าบ้างเลย ! ’

ตอนนั้นเอง เมื่อเห็นสีหน้าท้อแท้ใจของเหมียวต้าจวง และดวงตาที่เออคลอไปด้วยน้ำตา เย่ฉางชิงจึงอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าขาวใสไร้ตำหนิเผยสีหน้าสงสัยออกมา

‘เหมียวต้าจวงผู้นี้เป็นอันใดไป ? เพียงแค่ข้าชักกระบี่ออกมา เหตุใดถึงทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเช่นนั้นเล่า ? ’

จากนั้นเย่ฉางชิงก็เหลือบไปเห็นกระบี่จื่อชิงอันล้ำค่าในมือ ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกายขึ้นมา ‘หรือเป็นเพราะกระบี่จื่อชิงเล่มนี้ ?’

‘ใช่แล้ว ! บางทีอาจเป็นเพราะกระบี่จื่อชิงเล่มนี้ ทำให้เขาคิดถึงผู้ล่วงลับบางคนขึ้นมา จึงได้เผยท่าทางเช่นนี้ออกมา คิดมิถึงว่าบุรุษที่ดูซื่อ ๆ ผู้นี้ จะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหวเช่นนี้ได้’

เย่ฉางชิงถอนหายใจออกมาน้อย ๆ แววตาที่มองเหมียวต้าจวงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขารู้ดีว่าในการประลองเช่นนี้ มีเพียงการแพ้หรือชนะเท่านั้น ไร้ซึ่งความเห็นใจใด ๆ ทั้งสิ้น

อีกทั้งเขายังเฝ้ารอการประลองครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ

“เชิญ ! ” เย่ฉางชิงยิ้มเรียบ ๆ ออกมา ก่อนจะชี้กระบี่จื่อชิงไปทางเหมียวต้าจวง

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เหมียวต้าจวงที่ตัดสินใจได้แล้วก็กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ก่อนจะเก็บดาบในมือของตัวเองลง ท่ามกลางสายตาของทุกคน

ในเมื่อมิว่าเยี่ยงไรก็ต้องแพ้อยู่แล้ว เหตุใดยังต้องเอาดาบของตนเล่มนี้ไปกับแลกกับศักดิ์ศรีอันต้อยต่ำด้วยเล่า ?

เห็นเช่นนั้นเย่ฉางชิงก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

‘พี่ชาย ! ’

‘ท่านหมายความเช่นไรกัน ? ’

‘นี่ท่านดูถูกข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? หรือท่านคิดว่าการสู้กับข้ามิจำเป็นต้องออกกระบี่เยี่ยงนั้นหรือ ! ’

ระหว่างที่เย่ฉางชิงกำลังงุนงงอยู่นั้น เหมียวต้าจวงก็ทำหน้าเข้ม พร้อมกับประสานมือให้แก่เย่ฉางชิงอีกครั้ง “ข้า… ขอยอมแพ้”

เมื่อสิ้นเสียงเหมียวต้าจวงก็มองเย่ฉางชิงด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนจะหมุนกายลงจากเวทีประลองในทันที

เย่ฉางชิงที่เห็นภาพตรงหน้าก็ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ ภายในใจกลับยิ่งรู้สึกสับสน

“คิดมิถึงว่าคนผู้นี้จะมีกระบี่เทพ อีกทั้งยังสามารถควบคุมกระบี่เทพเล่มนั้นได้อีกด้วย มิธรรมดาดังเช่นที่คิดเอาไว้จริง ๆ ” หม่าเป่ากั้วที่ยืนอยู่มิไกลเอ่ยขึ้น

เนื่องจากถูกเย่ฉางชิงแย่งความสนใจไปจนหมด ภายในใจของเขาจึงอดมิได้ที่จะรู้สึกมิพอใจขึ้นมา เช่นนั้นสายตาที่เขามองเย่ฉางชิงในเวลานี้ แม้จะมิได้เย่อหยิ่งดังก่อนหน้านี้ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านแทน

หลังจากที่เย่ฉางชิงเผยไพ่ตายของตนออกมาแล้ว มิเพียงทำลายความคิดเดิมของเขาจนสิ้น แต่กลับกระตุ้นเลือดนักสู้ของเขาให้พลุ่งพล่านขึ้นอีกด้วย

“แม้เจ้าจะมีฝีมือที่มิธรรมดา ตรงข้ามกับที่ข้าคิดเอาไว้ แต่ในยุคนี้ข้า หม่าเป่ากั้ว ต่างหากเล่าที่จะเป็นตัวเอก ส่วนเจ้าก็เป็นไปได้แค่ก้อนหินรองเท้าก้อนหนึ่งที่เอาไว้ให้ข้าได้เหยียบย่ำบนเส้นทางของข้าก็เท่านั้น” หม่าเป่ากั้วหรี่ตาลง มองเย่ฉางชิงด้วยสายตาหมายมาด พร้อมกับเอ่ยขึ้น

………………………

จนเวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม

แต่ละเวทีการประลอง ล้วนมีการต่อสู่เกิดขึ้นอีกหลายสิบครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีคนเกือบครึ่ง ที่ต้องจากไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่พ่ายแพ้

ส่วนเย่ฉางชิงและชวี่เหวินเซี่ยนั้น ทั้งสองคนแม้จะผ่านการประลองมาแล้วคนละสิบกว่ารอบ แต่ทุกคนที่ได้ประลองกับเย่ฉางชิง หลังจากเห็นเขาชักกระบี่จื่อชิงออกมา อีกฝ่ายก็มักจะลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่จะขอยอมแพ้ไป

ส่วนชวี่เหวินเซี่ยนั้นกลับอาศัยความสามารถของตนเอง เอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ทุกครั้ง เช่นนั้นเวลานี้เย่ฉางชิงจึงรู้สึกเอือมระอาเป็นอย่างมาก เพราะเขาปรารถนาที่จะได้ประลองฝีมือมากจริง ๆ

เนื่องจากนับตั้งแต่มาที่โลกบำเพ็ญเพียรใบนี้ เขาก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรมาตลอดเพื่อเข้าร่วมการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์ในครั้งนี้ เขายังได้ทุ่มสุดชีวิตเพื่อเปิดจุดเซินชาง และเริ่มต้นบำเพ็ญเพียรจนบรรลุระดับ

แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันประลองจริง ๆ คู่ต่อสู้ที่เขาเจอกลับขอยอมแพ้หรือไม่ก็ขอสละสิทธิ์แทบจะทั้งสิ้น มิเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงฝีมือเสียด้วยซ้ำ

“ทุกคนทำเช่นนี้หมายความว่าเยี่ยงไรกันแน่ จะประลองกับข้าสักครามิได้เลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เย่ฉางชิงที่อยู่ท่ามกลางสตรี อดมิได้ที่จะทอดถอนใจออกมา พร้อมกับกุมขมับ

ตอนนั้นเองสตรีที่มีรูปร่างงดงามอ่อนช้อยนางหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่เย่ โอกาสของท่านมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน