เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 405

สรุปบท ตอนที่ 405 เจ้าระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

สรุปตอน ตอนที่ 405 เจ้าระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน – จากเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 405 เจ้าระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน ของนิยายนิยายแปลเรื่องดัง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 405 เจ้าระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน

ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของทุกคน รวมถึงหม่าเป่ากั้ว

มิกี่อึดใจต่อมา เย่ฉางชิงก็ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ และจิ้มปลายกระบี่ไปที่หว่างคิ้วของหม่าเป่ากั้ว

วินาทีต่อมา หม่าเป่ากั้วรู้สึกสิ้นหวังและยอมแพ้ในที่สุด

งูสีเงินอันดุร้ายสิบตัวที่อยู่ด้านหลังของเย่ฉางชิง พลันมลายหายไปในอากาศ

ทันใดนั้น ลานประลองอันกว้างใหญ่ก็เงียบสงัดลงทันที จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มที่ตกพื้น

ขณะเดียวกัน บรรยากาศก็อึมครึมและกดดันเป็นอย่างมาก จนรู้สึกหายใจลำบาก

จากนั้นหม่าเป่ากั้วก็ได้ทรุดลงกับพื้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน

เขาเอาแต่ก้มลงกับพื้น ดวงตาหลับลง น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจ พลันรินไหลออกมา ก่อนจะร้องไห้ราวกับเด็กน้อย

“เพราะอะไร เพราะอะไรกัน……”

หม่าเป่ากั้วร่างกายสั่นเทา พร้อมกับสะอึกสะอื้นมิหยุด

เย่ฉางชิงส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเพ่งสมาธิเก็บกระบี่จื่อชิงเข้าไปไว้ในแหวนเก็บสมบัติ

ผ่านไปมิกี่อึดใจ

ขณะที่เย่ฉางชิงเตรียมจะลงจากเวทีประลอง

หม่าเป่ากั้วก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยกับเย่ฉางชิงว่า “ข้าอยากรู้……เหตุใดข้าถึงแพ้ ? ”

เย่ฉางชิงชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบเบา ๆ ด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “มิมีอันใดมาก แค่ระดับตบะบารมีของข้าสูงกว่าเจ้าหนึ่งระดับก็เท่านั้น”

“ส่วนสาเหตุที่เจ้ามิอาจทำอันใดข้าได้ เป็นเพราะข้ารู้แจ้งในกระบวนท่าของเคล็ดวิชากระบี่ไร้สิ้นสุด จึงได้ใช้คลื่นพลังบางอย่างพลิกแพลงกระบวนท่าที่เจ้าใช้โจมตีข้าเสีย”

เอ่ยถึงตรงนี้เย่ฉางชิงก็หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “และระหว่างที่ข้ารู้แจ้งในภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดนั้น กระบวนท่าแส้ปัญจอสนีบาตและแส้ทศอสนีบาตอันใดนั่นของเจ้า หาได้เป็นกระบวนท่าที่ซับซ้อนแต่อย่างใดไม่”

สิ้นเสียง เย่ฉางชิงก็เดินไปที่ข้างเวทีประลอง ก่อนจะกระโดดลงเวทีไปทันที

ส่วนหม่าเป่ากั้วก็ยังคงคุกเข่าอยู่บนเวทีประลอง มิได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เพราะสมองของเขาตอนนี้ได้ขาวโพลนไปหมดแล้ว

‘ภาพกระบี่ไร้สิ้นสุด ? ’

‘แส้ปัญจอสนีบาตรและแส้ทศอสนีบาตเป็นแค่กระบวนท่าธรรมดาทั่วไป ! ’

‘จะเป็นไปได้เยี่ยงไร ! ’

‘แล้วภาพกระบี่ไร้สิ้นสุดนั่นคืออะไรกันแน่ ! เหตุใดถึงมีกระบวนท่าของแส้ปัญจอสนีบาตและแส้ทศอสนีบาตอยู่ในนั้นด้วย ? ’

‘เป็นไปมิได้ ! ใต้หล้านี้จะมีเพลงกระบี่ที่น่ากลัวเช่นนั้นได้เยี่ยงไรกัน ! ’

‘จริงสิ ! ’

‘เขายังบอกอีกว่ามีระดับตบะบารมีที่สูงกว่าข้าหนึ่งระดับ ! ’

เมื่อคิดทบทวนถึงตรงนี้ หม่าเป่ากั้วก็มีสีหน้าดุดันขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองแผ่นหลังของเย่ฉางชิงที่อยู่ด้านล่างเวที

“มิใช่ เจ้ามันขี้โกงต่างหากเล่า ! ”

หม่าเป่ากั้วเอ่ยกับเย่ฉางชิง พลางขบกรามแน่นจนมีเสียงดัง กร๊อด ๆ

ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ทุกคนที่อยู่ล่างเวทีก็มีสีหน้าเปลี่ยน พร้อมกับหันไปมองเย่ฉางชิงจนเป็นตาเดียว

‘ขี้โกงงั้นหรือ ? ’

เย่ฉางชิงหมุนกายไปมองหม่าเป่ากั้วที่อยู่บนเวที ก่อนจะยักไหล่และเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? ”

“ข้ายอมรับว่าความแตกฉานในวิถีกระบี่ของข้าสู้เจ้ามิได้”

หม่าเป่ากั้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมิพอใจ “แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนถูกค่ายกลของเมืองกระบี่สวรรค์สะกดเอาไว้ จึงทำให้ตบะบารมีเหลือเพียงระดับสร้างรากฐานปราณเท่านั้น แล้วเหตุใดถึงมีเพียงเจ้าที่มีตบะบารมีในระดับสร้างรากฐานปราณขั้นสุดท้ายได้ ? ”

เมื่อได้ยินดังนั้นเย่ฉางชิงก็นิ่งตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชวี่เหวินเซี่ยที่อยู่ข้างกาย

“ศิษย์พี่ชวี่ จริงหรือขอรับ ? ”

ชวี่เหวินเซี่ยนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะลอบปรายตามองหม่าเป่ากั้วที่มีสภาพย่ำแย่ แล้วจึงฉีกยิ้มออกมา

ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนต่างก็สบตากัน ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย ต่อมาทุกคนก็เผยสีหน้าโล่งใจออกมา

ฐานะของชายชราผู้นี้เป็นใครนั้น พวกเขามิอาจจะรู้ได้ แต่การที่คนผู้นี้สามารถปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร้ร่องรอย ก็พอจะอธิบายถึงอำนาจของชายชราผู้นี้ได้แล้ว

อีกทั้งข่าวลือเกี่ยวกับเมืองกระบี่สวรรค์นั้น พวกเขาต่างก็เคยได้ยินมา ขณะที่อยู่ในสำนักของตนแล้ว เช่นนี้ก็แสดงว่าตำแหน่งในนิกายกระบี่สวรรค์ของชายชราผู้นี้ ย่อมมิอาจดูแคลนได้

ดังนั้นเมื่อชายชราผู้นี้ยอมออกหน้าช่วยอธิบาย พวกเขาย่อมต้องเชื่อฟังอย่างไร้ข้อกังขาอยู่แล้ว

ผ่านไปสักพักขงซิงเจี้ยนก็กวาดตามองทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะส่งสายตาสื่อสารกับชวี่เหวินเซี่ย พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

‘ต้องยอมรับว่าตอนที่หม่าเป่ากั้วเอ่ยปากถามเย่ฉางชิงออกไปเช่นนั้น’

‘เขารู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะหากหม่าเป่ากั้วเอ่ยความจริงบางอย่างออกมา แล้วไปสะกิดทำให้เย่ฉางชิงปลดผนึกความทรงจำและตบะบารมีขึ้นมาก่อนกำหนด’

‘เกรงว่านิกายกระบี่สวรรค์จะต้องพบกับหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน อีกอย่างเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงความแตกฉานในวิถีกระบี่และวิถีดนตรีอันน่าสะพรึงกลัวของเย่ฉางชิงด้วยตนเองมาแล้ว’

‘หากทำให้เย่ฉางชิงปลดผนึกความทรงจำและตบะบารมีขึ้นก่อนเวลา ถึงตอนนั้นเยฉางชิงจะต้องมิพอใจอย่างแน่นอน ต่อให้เป็นเขาก็เชื่อว่ายังมิสามารถต้านทานเย่ฉางชิงได้ กลับกันเขาอาจจะติดร่างแหไปด้วยก็เป็นได้’

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ขงซิงเจี้ยนก็พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งอย่างอดมิได้

หลังจากนิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ ขงซิงเจี้ยนก็ถอนสายตากลับมา พร้อมกับดีดนิ้วเบา ๆ ผนึกที่สะกดร่างของหม่าเป่ากั้วอยู่พลันปลดออก

“เจ้าหนุ่ม เดิมทีด้วยคุณสมบัติของเจ้า ข้าสามารถให้เจ้าเข้าไปเป็นศิษย์ในของนิกายกระบี่สวรรค์ได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้ากลับกล้าสงสัยในอำนาจของนิกายกระบี่สวรรค์ของข้า”

ขงซิงเจี้ยนเอ่ยกับหม่าเป่ากั้วด้วยสายตาวาวโรจน์

หม่าเป่ากั้วมองเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก่อนจะโค้งตัวลงแล้วเอ่ยว่า “ศิษย์ผิดไปแล้ว ขอผู้อาวุโสอภัยให้ด้วยขอรับ”

ขงซิงเจี้ยนจึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “เจ้าจงจำเอาไว้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าอย่าได้เปิดปากพูดสิ่งใดออกมาอีก และให้บำเพ็ญเพียรอยู่นอกสำนักเป็นเวลาสิบปี จึงจะสามารถเข้าไปบำเพ็ญเพียรในนิกายกระบี่สวรรค์ได้ เจ้าจะยอมหรือไม่ ? ”

หม่าเป่ากั้วถึงกับสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบตอบรับอย่างโศกเศร้าว่า “ศิษย์……น้อมรับคำสั่งขอรับ”

“เจ้าระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน”

ขงซิงเจี้ยนแค่นเสียงข่มออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้าด้วยรอยยิ้มให้แก่เย่ฉางชิง

“ประลองต่อได้” ขงซิงเจี้ยนหันไปทางพวกซูหรัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ แล้วจึงเหาะขึ้นฟ้าและหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน