ตอนที่ 413 ผู้อาวุโสสูงสุดเหลิ่งซินหาน
“ทุกท่านอาจจะยังมิรู้”
“เมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ในที่สุดท่านบรรพจารย์หนิงก็เกิดการรู้แจ้งในวิถีดนตรี ช่วงเวลานี้จึงกำลังเข้าฌานเพื่อบรรลุตบะบารมี ส่วนท่านบรรพจารย์ขงแม้จะกลับมาแล้ว แต่เขาได้รับวาสนามาเช่นกัน ตอนนี้จึงกำลังเข้าฌานเพื่อทำความเข้าใจอยู่”
“ส่วนท่านบรรพจารย์ท่านนั้น คิดว่าพวกเจ้าเองก็คงจะทราบกันดี หลายปีมานี้เขาเข้าฌานมาโดยตลอด หากมิวิกฤตจริง ๆ ห้ามไปรบกวนการเข้าฌานของเขาอย่างเด็ดขาด”
“แต่เช่นนี้ก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะเมื่อถึงระดับของท่านบรรพจารย์หนิงและท่านบรรพจารย์ขง การจะรู้แจ้งหรือบรรลุได้อีก ช่างยากเย็นยิ่งนัก ! ”
“จริงด้วย หากเป็นเช่นนั้นจริง นิกายกระบี่สวรรค์ของเราก็ควรจะต้องมีโชคหนุนนำสิ เหตุใดจู่ ๆ โชคที่เคยมีถึงหายไปเกือบครึ่งได้ ? ”
“เฮ้อ โชคนั้นเป็นสิ่งลึกลับยิ่งนัก แม้จะอยู่ในระดับท่านบรรพจารย์ เกรงว่าก็คงยากจะอธิบายได้เช่นกัน”
“ก็จริง แม้สิ่งที่เรียกว่าโชคจะเป็นเรื่องที่คลุมเครือ แต่กลับเกี่ยวพันถึงผลกรรมอันน่ากลัว ต่อให้พวกท่านบรรพจารย์จะทราบว่าคือสิ่งใด ก็คงมิกล้านำมาเปิดเผยอย่างแน่นอน”
“……”
“……”
ระหว่างที่เหล่าผผู้อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น
ศิษย์ที่เฝ้าอยู่หน้าตำหนักผู้หนึ่ง ก็เดินเข้ามาในตำหนักอย่างรีบร้อน
“ท่านประมุข ซ่งจืออวี่ ศิษย์สายในผู้รับผิดชอบการทดสอบรอบนี้ มาขอพบขอรับ”
ศิษย์ผู้นั้นคุกเข่าลง พร้อมกับประสานมือรายงาน
“ซ่งจืออวี่ ? ”
“ศิษย์ของแต่ละสำนักกำลังทดสอบอยู่มิใช่หรือ แล้วเขามาที่นี่ตอนนี้ทำไมกัน ? ”
เหยาห้าวหยานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะยกแขนขึ้นพร้อมกับเอ่ยเรียบ ๆ ว่า “ให้เขาเข้ามาได้”
มิกี่อึดใจต่อมา
ซ่งจืออวี่ที่มีสีหน้าซีดเซียว ขมับชื้นไปด้วยเหงื่อ ก็ได้เดินเข้ามาภายในตำหนักพันกระบี่ด้วยความรีบร้อน
ตามหลักแล้วศิษย์สายในที่มีคุณสมบัติสูงส่งเช่นเขา นอกจากเวลาอยู่ต่อหน้าเหล่าบรรพจารย์แล้ว คนอื่น ๆ เขามิจำเป็นต้องคุกเข่าลงคารวะแต่อย่างใด
ทว่าหลังจากที่เขาก้าวเข้ามาภายในตำหนักพันกระบี่ กลับรีบคุกเข่าลงกับพื้นโดยมิลังเล
ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า มิเพียงแต่เหยาห้าวหยานที่นิ่งตะลึงไป แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นเองก็อดมิได้ที่จะมีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
ซ่งจืออวี่ผู้มีนิสัยหยิ่งจองหองมาขอเข้าพบในเวลานี้ อีกทั้งยังคุกเข่าลงคำนับโดยมิลังเล แสดงว่าการทดสอบจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นเป็นแน่
“ศิษย์ซ่งจืออวี่คารวะท่านประมุข รวมทั้งผู้อาวุโสทุกท่านขอรับ”
ซ่งจืออวี่ก้มหน้าลงกับพื้น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงฝืดเฝื่อน
ทันทีที่สิ้นเสียง เหลิ่งซินหานที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วน้อยๆ แววตามีประกายเฉียบคมพาดผ่าน พร้อมเอ่ยออกมาตรงๆ ว่า
“จืออวี่ การทดสอบเกิดเรื่องอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ”
เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งซินหานก็คืออาจารย์ ที่ให้ความสำคัญกับซ่งจืออวี่นั่นเอง มิเช่นนั้นก็คงมิมอบโอกาสในการดูแลการทดสอบที่เขาไปแย่งมา ให้กับซ่งจืออวี่และหลวนผิงเป็นแน่
เพราะการทดสอบศิษย์นั้นสำคัญอย่างยิ่ง อีกทั้งงานนี้ยังได้รับความสนใจ จากผู้อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์อีกด้วย ดังนั้น หากการทดสอบเกิดปัญหาขึ้น นิกายกระบี่สวรรค์คงมิมีทางปล่อยไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
“ท่านอาจารย์……”
เสียงของซ่งจืออวี่สั่นน้อย ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ พูดออกมา
พร้อมกับหยิบศิลายันต์ที่ซ่อนเอาไว้ในอกเสื้อออกมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะวางไว้บนมือทั้งสองข้าง พร้อมกับชูขึ้นเหนือหัว
ศิลายันต์งั้นหรือ ?
ทันทีที่เห็นศิลายันต์ เหล่าผู้อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์ต่างก็สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ในทันที พลางหันไปมองเหยาห้าวหยานที่นั่งอยู่ด้านบน
การทดสอบเพิ่งจะเริ่มต้น ซ่งจืออวี่กลับนำศิลายันต์ก้อนนี้มาที่นี่ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าโลกศิลายันต์จะต้องเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน
และสำหรับนิกายกระบี่สวรรค์แล้ว ศิลายันต์ก้อนนี้หมายความว่าเยี่ยงไรนั้น ทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
ทันใดนั้น สีหน้าของเหยาห้าวหยานพลันเข้มขึ้น ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นศิลายันต์ในมือของซ่งจืออวี่ก็ลอยมาอยู่ในมือของเขา
วินาทีต่อมา ขณะที่เหยาห้าวหยานพบรอยแตกร้าวบนศิลายันต์ ก็มีสีหน้ามิสู้ดีขึ้นมาทันที
“ซ่งจืออวี่ บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับศิลายันต์ก้อนนี้กันแน่ ? ”
เหยาห้าวหยานจ้องมองด้วยแววตาวาวโรจน์ เสียงดังกึกก้องราวกับระฆังทองคำ ก่อนจะสะท้อนอยู่ในหูของซ่งจืออวี่ ขณะเดียวกันก็แผ่ความน่าเกรงขามออกมาในพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน