ตอนที่ 53 ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินรับ
ในที่สุดสวีฉิงเทียนก็เริ่มเดินหมากอีกครั้ง นักพรตฉางเสวียนเห็นเช่นนั้น ก็เผยรอยยิ้มออกมา
แต่เมื่อเห็นตำแหน่งที่สวีฉิงเทียนวางหมาก ก็เกิดอาการตกตะลึงพลางขมวดคิ้วแน่น
“พี่สวีนี่ท่านหมายความเช่นไรกัน ? ”
นักพรตฉางเสวียนเงยหน้าขึ้นมองท่าทางหนักแน่นของสวีฉิงเทียน จึงเอ่ยถามขึ้น
สวีฉิงเทียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเอ่ยออกมาอย่างจนใจว่า “ในเมื่อเจ้ามองกลหมากของข้าออกแล้ว เช่นนั้นข้าจึงทำได้เพียงพลิกกระดานใหม่เท่านั้น”
“พลิกกระดานใหม่งั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนเม้มริมฝีปากแน่น สายตาจับจ้องไปยังกระดานหมาก พร้อมกับเหลือบมองสวีฉิงเทียนไปด้วย
‘ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่คิดจะทำอันใดกันแน่ ? ’
‘หากเดินตามหมากที่เขาวางเอาไว้ อีกมิเกิน 20 หมาก ข้าก็จะเอาชนะได้แล้ว’
ขณะนี้ จู่ ๆ สวีฉิงเทียนก็กลับเปลี่ยนวิธีการเดินหมากไปอย่างสิ้นเชิง นั่นทำให้เขารู้สึกลนลานมิน้อย
เพียงพริบตานักพรตฉางเสวียนที่เดิมชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม กลับมีสีหน้ามิสู้ดีขึ้นมาทันใด สายตาจับจ้องไปยังกระดานหมากมิกระพริบ
‘เจ้าสวีฉิงเทียน ต้องบังเอิญคิดบางอย่างออกในเวลาสำคัญเป็นแน่’
‘หากข้าก้าวพลาดไปแม้เพียงก้าวเดียว จนติดกับดักที่สวีฉิงเทียนวางเอาไว้ล่ะก็ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นเป็นแน่’
‘มิได้ ข้าต้องหาช่องโหว่ของสวีฉิงเทียนให้เจอจงได้’
นักพรตฉางเสวียนคิดได้เช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาจับจ้องไปบนกระดานหมาก เพื่อวิเคราะห์และหาวิธีแก้เกมของสวีฉิงเทียน
เวลานี้กลับเป็นนักพรตฉางเสวียนที่เริ่มปวดหัวขึ้นมาบ้าง
เห็นท่าทางร้อนรุ่มใจของนักพรตฉางเสวียนแล้ว สวีฉิงเทียนจึงได้เล่าเหตุการณ์ให้ผู้ที่อยู่อีกฝั่งของศิลาสื่อใจได้รับทราบ “ผู้อาวุโสหนานกง ดูท่าหมากกระดานนี้มีโอกาสที่เราจะชนะแล้วขอรับ”
“ดูท่าคนที่แก้กลหมากสี่มังกรพ่นวารีของข้าได้ คงมิใช่ผู้ที่เป็นคู่ต่อสู้ของท่าน แต่เป็นผู้อื่นสินะ ! ”
หนานกงเสวียนจีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา
หลังจากที่ได้รู้ว่านักพรตฉางเสวียนมิใช่คนที่แก้กลหมากสี่มังกรพ่นวารีได้ หนานกงเสวียนจีก็ดูมีท่าทีผิดหวัง
สวีฉิงเทียนจึงเอ่ยถามต่อว่า “ผู้อาวุโสหนานกง ตอนนี้มีโอกาสชนะได้มากเท่าใดแล้วขอรับ ? ”
หนานกงเสวียนจีตอบเรียบๆ ว่า “หากปรมาจารย์วิถีหมากท่านนั้นมิได้มาเอง คู่ต่อสู้ของท่านก็มิมีโอกาสชนะแล้ว”
“จริงหรือขอรับ ? ” เมฆหมอกภายในใจของสวีฉิงเทียนเลือนหายไปทันที
“เจ้าสำนักจื่อชิง เจ้าสงสัยในตัวข้างั้นหรือ ? ”
ผู้ที่อยู่อีกฝั่งของศิลาสื่อใจแค่นเสียงตอบกลับมา
“ผู้อาวุโสหนานกง ท่านเข้าใจข้าผิดแล้วขอรับ”
………………………..
เวลาผ่านไปกว่าห้าชั่วยามแล้ว แต่นักพรตฉางเสวียนก็ยังคงมิพบสิ่งใด
“พี่เหอ ดูท่าทางคงมิรู้ว่าควรจะเดินต่อเช่นไรแล้วกระมัง ? ”
สวีฉิงเทียนแสยะยิ้มหลังจากเห็นท่าทางจนปัญญาของนักพรตฉางเสวียน
นักพรตฉางเสวียนมองค้อนสวีฉิงเทียนอย่างมิเกรงใจ “คนแซ่สวี เจ้าอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ข้าก็รอเจ้ามาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน”
“เหตุใดรึ เพิ่งผ่านไปเพียงมิกี่ชั่วยาม เจ้ากลับทนมิได้แล้วอย่างนั้นหรือ ? ”
เอ่ยเพียงเท่านั้นนักพรตฉางเสวียนก็ลุกขึ้นยืน พลางเอามือไพล่หลังและเดินออกจากศาลาไป “ข้าขอจัดการความคิดหน่อย การเดินหมากของเจ้าเช่นนี้มีบางอย่างแปลกไป”
ทันทีที่ฟังจบ ทุกคนต่างก็หันมองหน้ากันอย่างอดมิได้ ขณะเดี๋ยวกันนักพรตฉางเสวียนก็หายไปในอากาศทันที
หลี่ชิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นนักพรตฉางเสวียนจากไปอย่างกะทันหัน และเห็นสวีฉิงเทียนมีสีหน้าขบขันเช่นนั้น จึงกล่าวอธิบายขึ้นว่า “หมากตานี้เกี่ยวพันถึงเรื่องสำคัญ ควรไตร่ตรองให้ละเอียด ศิษย์พี่ฉางเสวียนอยากจัดการความคิดเสียหน่อย ย่อมถูกต้องแล้ว”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ! ”
เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
สวีฉิงเทียนยิ้มออกมา “มิเป็นไร งานประลองของศิษย์สองสำนักยังจัดต่ออีกหลายวัน ต่อให้ข้าจะรออยู่ที่นี่หลายวันก็มิเป็นไร”
‘หลายวันงั้นหรือ ? ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน