ตอน บทที่ 116 โอกาสครั้งใหญ่ จาก เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 116 โอกาสครั้งใหญ่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง ที่เขียนโดย เฟยจูจู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เที่ยงวันนั้นเธอถือโอกาสตอนพักเที่ยง ไปที่ทำการไปรษณีย์ นำต้นฉบับแปลที่เหลือส่งให้เซียวเจียเสวี่ย
นอกจากนี้ เธอยังส่งรูปภาพเฉิงเทียนฟางให้พ่อแม่ด้วย กำชับให้พวกเขาระวังอากาศหนาว ดูแลสุขภาพให้ดี
จากนั้นเธอก็กลับมาทำงานต่อ
ที่เธอทำงานได้อย่างราบรื่น ส่วนที่เฉิงเทียนหยวนโดนเถ้าแก่คุณหวงด่าจนเละเทะ
“นี่นายหละหลวมไปครึ่งเดือนกว่า! ที่สหกรณ์ต้องเอาสินค้าเข้าเอาสินค้าออก ทุกวันมีรายการบัญชีมากมายต้องเคลียร์! ทางนั้นต้องคำนวณรายรับรายจ่าย ทางนี้ต้องชำระเงิน โคตรยุ่งเลย!”
เฉิงเทียนหยวนพูดเรียบๆ “คุณหวง นี่เป็นสิ่งที่นักบัญชีควรทำ ผมได้รับเงินเดือนแค่พนักงานขายนะครับ”
หลังจากสหกรณ์เปลี่ยนจากภาครัฐเป็นภาคเอกชน นักบัญชีไม่ค่อยอยากทำ รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมมากมาย ไว้ใจคนไม่น่าเชื่อถือ
เถ้าแก่อย่างคุณหวงก็จู้จี้จุกจิกมาก มักขัดหูขัดตาเขา ต่อมาก็หาข้ออ้างไล่เขาออก
งานของนักบัญชีมีไม่น้อย โดยเฉพาะต้องนำสินค้าเข้าและออกในสหกรณ์ทุกวัน และลงบันทึกอย่างเหน็ดเหนื่อย
คุณหวงไม่ค่อยอยากจ้างนักบัญชีเพิ่ม ตัวเองก็เคยเรียนเลขมาบ้าง เลยลงมือจับปากกาทำเอง
โชคดีที่เฉิงเทียนหยวนเคยเรียนมัธยมปลายมา เก่งพื้นฐานคณิตศาสตร์ ดีดลูกคิดดังต๊อกแต๊ก เลยให้ช่วยคิดบัญชีมานานแล้ว คุณหวงถึงได้แอบอู้จนอ้วน
พอเขาลางาน คุณหวงก็ต้องทำด้วยตัวเองทุกอย่าง บางครั้งต้องทำล่วงเวลาจนดึกด้วยซ้ำ เลยบ่นกล่าวโทษอยู่เต็มอก
“เฮ้! นายอย่าลืมนะ ฉันขึ้นเงินเดือนให้นายทุกปี! เฉินหมินแก่กว่านายสองสามปี เขาได้แค่หนึ่งร้อยสี่สิบเอง”
เฉิงเทียนหยวนยิ้มเล็กน้อย พูดอย่างวางตัวดี “ผมก็ได้แค่หนึ่งร้อยสี่สิบ แต่ผมต้องจดบัญชีเข้าออก งานเยอะกว่าเขามากเลย”
คุณหวงหมดคำจะพูดไปสักพัก พูดเสียงอู้อี้ “อย่าพูดไร้สาระ! รีบจดบัญชีซะ! ที่นี่ฉันไม่เลี้ยงคนขี้เกียจหรอกนะ!”
เฉิงเทียนหยวนคิดว่ายังไงทำอีกหนึ่งเดือนกว่าๆ ก็จะลาออกแล้ว เลยไม่ได้หาเรื่องที่เขาพูดจาแย่ๆ หันหลังไปทำงาน
วันนั้นเลิกงานปิดร้าน คุณหวงก็โยนสมุดบัญชีหนึ่งเล่มให้เขา
“คืนนี้นายกลับไปตรวจสอบหน่อย แล้วพรุ่งนี้มาส่ง”
เฉิงเทียนหยวนอดทนไม่โกรธ พยักหน้าไป
เฉินหมินผู้ซื่อสัตย์ที่อยู่ข้างๆ ทนมองไม่ไหว จ้องสมุดบัญชีหนาเล่มนั้น
“นี่เลิกงานแล้ว ยังให้นายกลับไปทำงานล่วงเวลาตอนกลางคืนอีก นี่มันเป็นงานของนักบัญชีนะ เขาไม่จ้างนักบัญชี ตัวเองก็ไม่ทำ เอาแต่โยนงานให้นาย!”
เฉิงเทียนหยวนคิดว่าสองสามวันนี้ตอนกลางคืนไม่ต้องช่วยภรรยาคัดลอกงานฉบับสมบูรณ์แล้ว ก็เลยไม่คิดเล็กคิดน้อย
“ช่างเถอะ ยังไงอากาศหนาวไม่มีที่จะไปอยู่แล้ว ก็ว่างอยู่เหมือนกัน”
เฉินหมินแอบสบถด่าคุณหวง แล้วถามขึ้น “จริงสิ พี่ฉันไปหาพวกเธอสองคนหรือยัง? เขาน่าจะกลับมาแล้ว”
เฉิงเทียนหยวนพลิกตัวขึ้นจักรยาน แล้วตอบ “ยังเลย น่าจะคืนนี้แหละ”
ทั้งสองรีบบอกลากัน เฉิงเทียนหยวนไปรับเซวียหลิง จากนั้นก็ไปที่บ้านเช่า
ระหว่างทางทั้งสองเห็นมีคนขายมันเทศเผาริมถนน เซวียหลิงกระโดดลงไปซื้อมาหกอัน ร้อนๆ ห่ออยู่ในกระดาษเคลือบน้ำมัน
“กลับไปกินกับพ่อแม่กัน!”
เฉิงเทียนหยวนตอบตกลง ถีบขาปั่นจักรยานอย่างมั่นคงบนถนนอีกครั้ง
ในเวลานี้มีเสียงตะโกนดังขึ้นด้านหลัง “สหายอาหยวน! เสี่ยวเซวีย! อาหยวน! เสี่ยวเซวีย! รอเดี๋ยว!”
เซวียหลิงหันไปมองด้านหลัง แล้วรีบตะโกนด้วยความประหลาดใจ “พี่อาหู่!”
เฉิงเทียนหยวนรีบจอดรถ
“ไม่ดีกว่า” อาหู่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “แม่ฉันรอฉันอยู่ที่บ้าน เธอรู้ว่าฉันจะกลับมาตอนเย็น ต้องทำอาหารรอฉันไว้แน่ๆ ฉันกลับไปเร็วหน่อยดีกว่า ไม่อยากให้เธอเป็นห่วง”
เขากินมันเทศหมดอย่างไว แล้วหยิบผ้าจากกระเป๋าออกมาเช็ดมือ
“จริงสิ เสี่ยวเซวียฉันมีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาเธอ”
เซวียหลิงถาม “เรื่องอะไร?”
อาหู่ยิ้มชอบใจ แล้วอธิบาย “ก่อนหน้านี้ฉันบอกเธอว่าตั้งใจจะทำธุรกิจบางอย่าง เธอบอกว่าถ้ามีช่องทางดีๆ ให้บอกเธอล่วงหน้า นี่ฉันมีช่องทางแล้วนะ? อยากลากพวกเธอสองคนมาร่วมมือกัน!”
เซวียหลิงและเฉิงเทียนหยวนมองหน้ากัน เอ่ยถามขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “ธุรกิจอะไร?”
อาหู่สูดน้ำมูก กดเสียงต่ำ “ไม่กี่วันก่อนริมแม่น้ำมีการก่อสร้างที่ดินบางส่วน มีคนงานหลายกลุ่มกำลังทำอยู่ มีเครื่องจักรต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่าใหญ่โต! ฉันนับดูแล้ว มีคนงานอย่างน้อยหลายร้อยนายกำลังทำอยู่”
“ฉันสอบถามมาแล้ว วัสดุก่อสร้างโรงงานต่างๆ ส่งมาจากท่าเรือ แค่เอาขึ้นมา ก็ใช้มันได้ทันที ได้ยินว่าหลังปีใหม่จะมีสองโรงงานที่จะรับสมัครงานแล้วเริ่มทำงานเลย”
เขาหัวเราะเสียงทุ้ม ชูนิ้วทั้งห้าที่ทั้งหยาบและดำขึ้นมา
“ฉันถามด้วยว่า หกถึงเจ็ดโรงงานต้องใช้คนงานอย่างน้อยห้าพันคน”
เฉิงเทียนหยวนประหลาดใจเล็กน้อย แล้วถามขึ้น “คนเยอะขนาดนี้เชียว?”
อาหู่พยักหน้าซ้ำๆ แล้วพูดขึ้น “รวมผู้จัดการต่างๆ แล้วต้องไม่ใช่แค่นั้นแน่! คนงานต้องเข้างานเป็นกะ ในโรงงานต้องมีหอพัก รับสมัครแค่คนงานละแวกนี้ไม่ได้ ต้องรับสมัครจากที่ไกลๆ ด้วย ไม่งั้นคนจะพอที่ไหนล่ะ!”
เซวียหลิงตาสองข้างเป็นประกาย ถามขึ้น “คุณวางแผนจะทำธุรกิจอะไร? ขายของให้คนงานพวกนี้?”
“เฮ้! เสี่ยวเซวียฉลาดมากอ่ะ!” อาหู่ยกนิ้วโป้งขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันอยากสร้างอาคารหลังใหญ่ตรงกลางตึก ขายของใช้ประจำวันและของกินโดยเฉพาะ ห้าพันกว่าคนเต็มๆ ของจำเป็นสำหรับกินดื่มและใช้ ต้องเป็นตลาดใหญ่แน่!”
เฉิงเทียนหยวนก็ดวงตาเป็นประกายเช่นกัน มองเซวียหลิงด้วยความตื่นเต้น
โคตรเหมาะกับเขาเลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง