เธอไม่ได้เพิกเฉยต่อคำว่า 'ต่อจากนี้' ที่ออกมาจากปากเขา
จากช่วงก่อนหน้านี้ที่ได้ทำความรู้จักกัน ท่าทางของเขาที่มีต่อเธอค่อนข้างจะห่างเหิน
นับจากคืนนั้นที่เธอสารภาพรักต่อเขา ดูเหมือนว่าเขาจะสนิทสนมกับเธอมากกว่าเดิม อย่างเช่นการพูดจาล้อเล่นที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน และคำสัญญาที่อบอุ่นเมื่อสักครู่นี้
ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณที่ดี
ในใจของเซวียหลิงรู้สึกอิ่มเอม เธอกินอาหารอย่างมีความสุข
"พี่หยวนคะ กะหล่ำปลีพวกนี้มันกรอบมากเลยค่ะ อร่อยจริงๆ" เธอกัดเข้าไปคำหนึ่งจากนั้นก็รีบหยิบอาหารในจานส่งไปให้เฉิงเทียนหยวนกิน
เฉิงเทียนหยวนเพิ่งจะกลืนหมั่นโถวเข้าไปคำหนึ่ง เมื่อเธอยื่นกับข้าวมาเช่นนั้น โดยสัญชาตญาณเขาจึงอ้าปากแล้วกลืนเขียวกะหล่ำปลีลงไป ฟันของเขากัดไปถูกตะเกียบของเธอด้วย
หืม?
เธอกำลังป้อนเขาเหรอ?
หลังได้สติกลับคืนมา ใบหูของเขาก็แดงเรื่อแล้วรีบกัดหมั่นโถวเข้าไปคำโต
"......อืม หวาน......อร่อยมากครับ"
เซวียหลิงหัวเราะคิกคัก แสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางเคอะเขินของเขาแล้วพยักหน้าให้ความร่วมมือ "ถ้าอร่อยก็ทานให้เยอะๆ นะคะ"
พวกเขาทั้งสองคนร่วมกันรับประทานอาหารในบ้านใหม่ด้วยกันครั้งแรกอย่างมีความสุข
หลังรับประทานอาหารเสร็จ เฉิงเทียนหยวนก็ทำการจัดเก็บโต๊ะอาหารแล้วเดินถือจานชามเข้าไปล้างด้วยตนเอง
เซวียหลิงพูดขึ้นด้วยท่าทางเขินอายเบาๆ ว่า "นายเป็นคนทำอาหาร จะให้ล้างจานอีกได้ยังไง ฉันล้างเองค่ะ"
เฉิงเทียนหยวนส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ฉันเก็บเรียบร้อยทุกอย่างแล้วไม่เป็นไรหรอกครับ สองวันมานี้เธอก็เหนื่อยมาก นั่งพักก่อนดีกว่า แค่จานชามไม่กี่ใบไม่ได้ยากเลย"
แม้ว่าเขาจะเกิดในชนบท ครอบครัวมีผู้ชายเป็นหลักเมื่ออยู่ข้างนอก ผู้หญิงเป็นหลักเมื่ออยู่ในบ้าน งานบ้านเหล่านี้ควรที่จะเป็นผู้หญิงซึ่งเป็นคนทำ แต่สำหรับครอบครัวของเขาแตกต่างกัน
ตั้งแต่พ่อเสียแขนไป แม่ก็ต้องดูแลทั้งเรื่องภายในบ้านและนอกบ้าน
ตัวเขากลัวว่าแม่จะเหนื่อยจนเกินไปจึงได้ช่วยทำงานบ้านตั้งแต่เด็ก
ในสายตาของเขานั้น งานบ้านไม่ว่าจะหนักเบาเพียงใด หากทำได้ก็ควรช่วยทำไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกชายหญิง
เซวียหลิงก้าวเข้ามาด้านหน้าพูดว่า "ไม่เอาค่ะ ถ้านายล้างจานฉันจะเช็ดให้เอง"
ท่าทางการล้างจานของเฉิงเทียนหยวนดูเป็นชำนาญและคล่องแคล่ว เขาพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นว่า "ทำไมไม่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนล่ะ หน้าต่างตรงห้องนั่งเล่นลมแรงดีน่าจะเย็นสบาย"
"ไม่ล่ะค่ะ" เซวียหลิงยิ้มขึ้นแล้วพึมพำว่า "ฉันอยากอยู่กับนายที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนกัน"
สายตาของเฉิงเทียนหยวนสั่นคลอนเล็กน้อย เขายื่นชามที่ล้างเสร็จแล้วไปให้เธอ จากนั้นหยิบผ้าขี้ริ้วที่ไม่ได้ดูใหม่เท่าไรนัก ซักล้างให้สะอาดแล้วส่งไปให้เธอ
"ระวังอย่าทำแตกนะ"
ไฟในห้องครัวดูสลัวเล็กน้อย เขาหันหลังให้กับแสงไฟ เซวียหลิงมองไม่เห็นท่าทางการแสดงออกของเขา แต่ตอนที่เขาเอ่ยวาจาออกมานั้นดูเหมือนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงไม่ได้เย็นชาแข็งทื่อเหมือนตามปกติ ทว่าดูอ่อนนุ่มด้วยความปีติยินดีเล็กน้อย ช่างน่าฟังเหลือเกิน
เธอรีบตอบรักอย่างร่าเริงว่า "แหม รู้แล้วล่ะค่ะ"
เมื่อล้างชามเสร็จเขาก็ยื่นมาให้เธอ
เธอรับไปแล้วเช็ดออกจนแห้ง ก่อนจะวางจานเอาใส่ไว้ในที่คว่ำจานอันใหม่
แม้ว่าทั้งสองคนจะยังไม่เคยทำงานอะไรร่วมกันมาก่อน แต่ก็ให้ความร่วมมือกันได้อย่างดี ทำไปทำมาพวกเขาก็สามารถเข้ากันได้อย่างคล่องแคล่ว เขาล้างจานเร็ว แต่เธอก็ไม่ช้า พวกเขาล้างจานชามตะเกียบเช็ดจนแห้งในเวลาอันรวดเร็ว
เฉิงเทียนหยวนปิดช่องระบายอากาศใต้เตาถ่านอย่างแน่นหนา จากนั้นดับไฟข้างในไปกว่าครึ่ง ก่อนจะนำกาน้ำร้อนที่ต้มเสร็จแล้วยกขึ้น รินน้ำร้อนใส่ลงไปในกระติกเก็บความร้อน
"เอาล่ะเสร็จแล้วครับ ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ น้ำในกาน้ำร้อนนี้เพียงพอสำหรับเราที่จะดื่มในตอนกลางคืน ไม่ต้องลงมาอีกแล้ว"
เซวียหลิงพยักหน้าแล้วถามว่า "ประตูข้างนอกปิดสนิทแล้วหรือยังคะ"
เฉิงเทียนหยวนตอบว่า "ก่อนที่จะทานข้าว ฉันปิดไว้เรียบร้อยแล้วครับ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง