ทั้งสองคนกำลังทำอาหารเย็นอยู่ภายในห้องครัวและสนทนากันไปมาโดยไม่รู้ว่าบัดนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ภายในห้องครัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้งของขาหมูพะโล้อันน่าดึงดูด
เซวียหลิงแอบกลืนน้ำลายลงคอ เธอเปิดกระเป๋าแล้วหยิบ ขนมก้อนเล็กสองก้อนออกมา
"พี่หยวนคะ กินอันนี้ก่อนสิ กินร้องท้องไปก่อนนะ"
เฉิงเทียนหยวนหันหลังกลับไปมอง พบว่าเป็นเยว่ปิ่ง*ที่ค่อนข้างจะสดใหม่ เขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า "เอามาจากไหนกันครับ เธอซื้อมาเหรอ?"
เซวียหลิงยิ้มขึ้นตอบว่า "เปล่าค่ะ พอดีที่สำนักงานแจกเยว่ปิ่งกับทุกคน ผอ.หลิวบอกว่าเดิมทีต้องการจะสั่งซื้อเยว่ปิ่งชิ้นใหญ่แต่ว่าเวลาไม่ทัน จึงได้ให้แม่ครัวในห้องอาหารไปซื้อเยว่ปิ่งชิ้นเล็กๆ มาให้ทุกคน คนละแปดชิ้น ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่มอบให้ทุกคน"
"ดีจังเลย" เฉิงเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ในสหกรณ์ร้านค้าก็มักจะแจกของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ทุกเทศกาลเหมือนกัน น่าเสียดายตั้งแต่ถูกเถ้าแก่อ้วนเข้ามาครอบครองเป็นนายจ้าง ของขวัญเล็กน้อยเหล่านี้ก็หมดไป
พรุ่งนี้นอกจากหยุดงานหนึ่งวันแล้วก็ไม่มีอะไรให้อีกเลย
เซวียหลิงยื่นให้เขาแล้วพูดขึ้นว่า "รีบกินเร็วเข้า"
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้ไปตลาดเธอก็ได้ยินเสียงท้องของเขาร้องแล้ว
เตาถ่านรวงผึ้งทำอาหารได้ค่อนข้างช้า จนตอนนี้ยังทำอาหารเย็นไม่เสร็จต้องกินอย่างอื่นรองท้องไปก่อน
เฉิงเทียนหยวนเช็ดมือกับเศษผ้าที่อยู่ด้านข้างแล้วเอื้อมมือมารับไว้ใส่เข้าไปในปากทันที
เยว่ปิ่งไส้ถั่วเขียวชิ้นไม่ใหญ่ เขากินได้ชิ้นละคำพอดี
เซวียหลิงรู้ว่าเขาคงจะต้องหิวโหยอย่างแน่นอนจึงได้หยิบขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง
"กินอีกสักชิ้นสิคะ"
"พอแล้วครับ" เฉิงเทียนหยวนยิ้มขึ้น "วันนี้พวกเราซื้อของมาตั้งเยอะแยะ ถ้ามัวแต่กินขนมเดี๋ยวคงจะกินข้าวเย็นไม่หมด พรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางกลับหมู่บ้านแต่เช้า พวกเราก็ไม่ได้เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ถ้ามีของกินเหลือคงน่าเสียดาย"
เซวียหลิงได้ยินดังนั้นจึงทำได้เพียงเก็บเยว่ปิ่งลงไปเหมือนเดิม
"ยังเหลืออีกหกชิ้น พรุ่งนี้เราเอากลับไปให้พ่อกับแม่กันเถอะค่ะ ฉันว่าเยว่ปิ่งนี้รสชาติดี ให้พวกเขาลองชิมดู"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าตอบรับ มือของเขายังหั่นผักไม่หยุด
แม้ว่าเธอจะเพิ่งแต่งงานกับเขาได้ไม่นาน แต่เธอก็เคารพนับถือพ่อแม่ของเขามาก ซึ่งเรื่องนี้หาได้ยากมากจริงๆ
ภรรยาที่แสนดีเช่นนี้จะให้เขาปฏิบัติไม่ดีกับเธอได้ยังไง
"อ้อจริงสิครับ ตอนเช้าที่เธอออกไปทำงานเห็นบ่นว่าไม่ค่อยสบาย ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างหรือยัง"
เซวียหลิงยิ้มขึ้นตอบว่า "ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ฉันก็แค่เป็นหวัดเล็กน้อย ดื่มน้ำขิงที่นายต้มให้ก็ดีขึ้น พอฉันไปถึงที่สำนักพิมพ์ก็พยายามบังคับตัวเองให้ดื่มน้ำแก้วใหญ่ๆ อีกหลายแก้ว ตอนบ่ายก็หายดีแล้ว"
เฉิงเทียนหยวนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นว่า "เธอควรที่จะซื้อเสื้อคลุมอีกสักตัว ไม่อย่างนั้นอาจจะหนาวจนป่วยได้ เดี๋ยวตอนกลางคืนฉันจะต้มน้ำขิงให้เธออีกสักหน่อย เธอดื่มเยอะๆ นะครับ"
"ได้ค่ะ" เซวียหลิงตอบด้วยน้ำเสียงหวานแหวว
ค่ำคืนอันมืดมิด เธอเปิดไฟในห้องครัวแล้วจัดเก็บจานตะเกียบ
จากนั้นเธอก็หันหลังกลับขึ้นไปเพื่อเก็บของกลับบ้านในวันพรุ่งนี้
"พี่หยวนคะ นายหยุดงานแค่วันเดียวเองเหรอ?" เธอเอ่ยถาม "แล้วมะรืนนี้ตอนเช้าพวกเรารีบนั่งรถกลับมาจะทันเหรอคะ"
เธอกลัวว่ามะรืนนี้จะกลับมาทำงานสาย ดังนั้นเธอจึงได้บอกกับผอ.หลิวเอาไว้แล้วว่าเธอจะไปบ้านสามีในวันหยุด อาจจะนั่งรถนานไปหน่อยตอนขากลับ
ทั้งผอ.หลิวและบ.ก.ใหญ่หลินต่างพูดง่าย ทั้งสองคนยินยอมให้เธอมาทำงานสายเล็กน้อย
เฉิงเทียนหยวนพูดขึ้นว่า "สายก็สายเถอะครับ สองวันนี้มีงานเทศกาล คาดว่ารถคงจะมีเพิ่มมากขึ้น พวกเรารีบจองตั้งแต่เช้า มาถึงเมื่อไหร่ค่อยไปทำงาน"
เซวียหลิงหยิบปลาแห้งไว้ในมือ เธอกำขึ้นแล้วอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาว่า "พี่หยวน พวกเราซื้อจักรยานสักคันดีไหม?"
เดิมทีตัวเขาที่ค่อนข้างประหยัดมาโดยตลอด เธอคิดว่าเขาจะปฏิเสธคัดค้านแต่ใครจะคิดว่าเขาตอบตกลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง