บทที่ 27 ขาหมูพะโล้แสนอร่อย – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง
ตอนนี้ของ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง โดย เฟยจูจู ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 27 ขาหมูพะโล้แสนอร่อย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ทั้งสองคนกำลังทำอาหารเย็นอยู่ภายในห้องครัวและสนทนากันไปมาโดยไม่รู้ว่าบัดนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ภายในห้องครัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้งของขาหมูพะโล้อันน่าดึงดูด
เซวียหลิงแอบกลืนน้ำลายลงคอ เธอเปิดกระเป๋าแล้วหยิบ ขนมก้อนเล็กสองก้อนออกมา
"พี่หยวนคะ กินอันนี้ก่อนสิ กินร้องท้องไปก่อนนะ"
เฉิงเทียนหยวนหันหลังกลับไปมอง พบว่าเป็นเยว่ปิ่ง*ที่ค่อนข้างจะสดใหม่ เขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า "เอามาจากไหนกันครับ เธอซื้อมาเหรอ?"
เซวียหลิงยิ้มขึ้นตอบว่า "เปล่าค่ะ พอดีที่สำนักงานแจกเยว่ปิ่งกับทุกคน ผอ.หลิวบอกว่าเดิมทีต้องการจะสั่งซื้อเยว่ปิ่งชิ้นใหญ่แต่ว่าเวลาไม่ทัน จึงได้ให้แม่ครัวในห้องอาหารไปซื้อเยว่ปิ่งชิ้นเล็กๆ มาให้ทุกคน คนละแปดชิ้น ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่มอบให้ทุกคน"
"ดีจังเลย" เฉิงเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ในสหกรณ์ร้านค้าก็มักจะแจกของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ทุกเทศกาลเหมือนกัน น่าเสียดายตั้งแต่ถูกเถ้าแก่อ้วนเข้ามาครอบครองเป็นนายจ้าง ของขวัญเล็กน้อยเหล่านี้ก็หมดไป
พรุ่งนี้นอกจากหยุดงานหนึ่งวันแล้วก็ไม่มีอะไรให้อีกเลย
เซวียหลิงยื่นให้เขาแล้วพูดขึ้นว่า "รีบกินเร็วเข้า"
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้ไปตลาดเธอก็ได้ยินเสียงท้องของเขาร้องแล้ว
เตาถ่านรวงผึ้งทำอาหารได้ค่อนข้างช้า จนตอนนี้ยังทำอาหารเย็นไม่เสร็จต้องกินอย่างอื่นรองท้องไปก่อน
เฉิงเทียนหยวนเช็ดมือกับเศษผ้าที่อยู่ด้านข้างแล้วเอื้อมมือมารับไว้ใส่เข้าไปในปากทันที
เยว่ปิ่งไส้ถั่วเขียวชิ้นไม่ใหญ่ เขากินได้ชิ้นละคำพอดี
เซวียหลิงรู้ว่าเขาคงจะต้องหิวโหยอย่างแน่นอนจึงได้หยิบขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง
"กินอีกสักชิ้นสิคะ"
"พอแล้วครับ" เฉิงเทียนหยวนยิ้มขึ้น "วันนี้พวกเราซื้อของมาตั้งเยอะแยะ ถ้ามัวแต่กินขนมเดี๋ยวคงจะกินข้าวเย็นไม่หมด พรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางกลับหมู่บ้านแต่เช้า พวกเราก็ไม่ได้เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ถ้ามีของกินเหลือคงน่าเสียดาย"
เซวียหลิงได้ยินดังนั้นจึงทำได้เพียงเก็บเยว่ปิ่งลงไปเหมือนเดิม
"ยังเหลืออีกหกชิ้น พรุ่งนี้เราเอากลับไปให้พ่อกับแม่กันเถอะค่ะ ฉันว่าเยว่ปิ่งนี้รสชาติดี ให้พวกเขาลองชิมดู"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าตอบรับ มือของเขายังหั่นผักไม่หยุด
แม้ว่าเธอจะเพิ่งแต่งงานกับเขาได้ไม่นาน แต่เธอก็เคารพนับถือพ่อแม่ของเขามาก ซึ่งเรื่องนี้หาได้ยากมากจริงๆ
ภรรยาที่แสนดีเช่นนี้จะให้เขาปฏิบัติไม่ดีกับเธอได้ยังไง
"อ้อจริงสิครับ ตอนเช้าที่เธอออกไปทำงานเห็นบ่นว่าไม่ค่อยสบาย ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างหรือยัง"
เซวียหลิงยิ้มขึ้นตอบว่า "ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ฉันก็แค่เป็นหวัดเล็กน้อย ดื่มน้ำขิงที่นายต้มให้ก็ดีขึ้น พอฉันไปถึงที่สำนักพิมพ์ก็พยายามบังคับตัวเองให้ดื่มน้ำแก้วใหญ่ๆ อีกหลายแก้ว ตอนบ่ายก็หายดีแล้ว"
เฉิงเทียนหยวนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นว่า "เธอควรที่จะซื้อเสื้อคลุมอีกสักตัว ไม่อย่างนั้นอาจจะหนาวจนป่วยได้ เดี๋ยวตอนกลางคืนฉันจะต้มน้ำขิงให้เธออีกสักหน่อย เธอดื่มเยอะๆ นะครับ"
"ได้ค่ะ" เซวียหลิงตอบด้วยน้ำเสียงหวานแหวว
ค่ำคืนอันมืดมิด เธอเปิดไฟในห้องครัวแล้วจัดเก็บจานตะเกียบ
จากนั้นเธอก็หันหลังกลับขึ้นไปเพื่อเก็บของกลับบ้านในวันพรุ่งนี้
"พี่หยวนคะ นายหยุดงานแค่วันเดียวเองเหรอ?" เธอเอ่ยถาม "แล้วมะรืนนี้ตอนเช้าพวกเรารีบนั่งรถกลับมาจะทันเหรอคะ"
เธอกลัวว่ามะรืนนี้จะกลับมาทำงานสาย ดังนั้นเธอจึงได้บอกกับผอ.หลิวเอาไว้แล้วว่าเธอจะไปบ้านสามีในวันหยุด อาจจะนั่งรถนานไปหน่อยตอนขากลับ
ทั้งผอ.หลิวและบ.ก.ใหญ่หลินต่างพูดง่าย ทั้งสองคนยินยอมให้เธอมาทำงานสายเล็กน้อย
เฉิงเทียนหยวนพูดขึ้นว่า "สายก็สายเถอะครับ สองวันนี้มีงานเทศกาล คาดว่ารถคงจะมีเพิ่มมากขึ้น พวกเรารีบจองตั้งแต่เช้า มาถึงเมื่อไหร่ค่อยไปทำงาน"
เซวียหลิงหยิบปลาแห้งไว้ในมือ เธอกำขึ้นแล้วอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาว่า "พี่หยวน พวกเราซื้อจักรยานสักคันดีไหม?"
เดิมทีตัวเขาที่ค่อนข้างประหยัดมาโดยตลอด เธอคิดว่าเขาจะปฏิเสธคัดค้านแต่ใครจะคิดว่าเขาตอบตกลง
เธอเคยกินขาหมูพะโล้มาเยอะแยะมากมายแต่ไม่เคยกินชิ้นไหนที่หอมแบบนี้มาก่อนเลย
กลิ่นหอมเข้มข้นเข้าเนื้อ รสชาติของขิงและกระเทียมเข้าไปได้อย่างดี ประกอบกับความหวานของซีอิ๊วขาวตัดกันได้ดีมาก
กลิ่นพะโล้แทรกเข้าไปทุกอณูของเนื้อ และขจัดรสชาติมันเยิ้มออกไปได้ กินแล้วสดชื่นยิ่งนัก
เซวียหลิงกินเข้าไปอีกหลายคำ เธอกินข้าวเข้าไปถึงสองชาม
เมื่อเฉิงเทียนหยวนเห็นว่าเธอมีความอยากอาหาร ก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ "อย่าสำลักเข้าล่ะครับ ค่อยๆ กิน ถ้าเธอชอบละก็ฉันจะทำหมูสามชั้นพะโล้ให้เธอกิน มันอร่อยเหมือนกัน เธอชอบกินปีกไก่ใช่ไหม เราทำไก่พะโล้ด้วยก็ได้"
"ได้เลยค่ะ ดีมาก!" เซวียหลิงตอบรับซ้ำแล้วซ้ำอีก
ให้ตายสิ เพียงแค่เธอคิดก็น้ำลายสอ ทำไมพะโล้นี้ถึงอร่อยได้ขนาดนี้ มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ
เมื่อชาติก่อนเธอเคยกินหมูพะโล้มาก่อนไม่น้อย มีทั้งยี่ห้ออื่นๆ มากมายไม่ว่าจะเป็ดพะโล้หรือห่านพะโล้ แต่รสชาติสู้ไม่ได้เลย
จู่ๆ ก็ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรขึ้นมาได้แล้ววางจานชามตะเกียบลง
"พี่หยวน นายบอกว่าสูตรลับนี้คุณยายเป็นคนสอนให้แม่ของเราทำเหรอคะ?"
เฉิงเทียนหยวนกำลังยุ่งอยู่กับการกินอาหารเขาพยักหน้าตอบรับ
เซวียหลิงเอ่ยถามขึ้นอีกว่า "แล้วคุณยายของนายยังมีชีวิตอยู่ไหมคะ?"
"เธอจากไปหลายปีแล้ว" เฉิงเทียนหยวนพูดขึ้นต่อว่า "คุณยายมีแม่ของผมเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แล้วก็มีคุณลุงอีกสองคน คุณลุงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลหลิวที่ข้างๆ แต่เส้นทางไปหมู่บ้านนั้นไม่ค่อยสะดวก แม่จึงเดินทางไปหลายปีครั้ง"
เซวียหลิงแอบจำเอาไว้
เนื้อพะโล้หากบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศสามารถรับประทานได้หลายเดือน หากสามารถผลิตพะโล้แบบนี้ได้ และใช้วิธีตามสูตรนี้คาดว่าจะได้กำไรอย่างงามแน่นอน......
หลังจากที่ทั้งสองคนกินอาหารเรียบร้อยแล้ว คนหนึ่งก็ทำความสะอาดโต๊ะ อีกคนหนึ่งก็ทำความสะอาดถ้วยชาม พวกเขาสนทนากันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งตะโกนด้วยน้ำเสียงอันดังจากด้านนอกว่า "อาหยวน อาหยวน!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง