เฉิงเทียนหยวนชะงักลงก่อนจะรีบโยนชามและตะเกียบในมือออกไป เขารีบวิ่งหันหลังออกไปข้างนอก
เซวียหลิงก็รีบล้างมือแล้วเดินตามหลังเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
พบว่ามีชายอ้วนท้วมคนหนึ่ง และชายรูปร่างแข็งแรงกำยำคนหนึ่งยืนอยู่ที่ด้านนอก ด้านหลังของพวกเขามีจักรยานอยู่หนึ่งคัน
ที่ลานด้านนอกยังไม่ได้เปิดไฟ เซวียหลิงมองไม่ชัดเจนเท่าไรนักจึงได้รีบหันหลังกลับไป ดึงเชือกเปิดไฟตรงด้านหลังประตู
วินาทีต่อมาก็มีไฟสีแดงดวงเล็กๆ ปรากฏสว่างไสวขึ้นที่ลานด้านนอก
เฉิงเทียนหยวนตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า "พี่อาหมินมากันได้ยังไง เร็วเข้ารีบเข้ามานั่งในห้องก่อน"
ที่แท้ชายร่างกายอ้วนท้วมเป็นเพื่อนร่วมงานของเฉิงเทียนหยวนนั่นเอง เซวียหลิงก็เคยเห็นเขามาก่อน เคยได้ยินเฉิงเทียนหยวนพูดถึงเขาอยู่บ้าง เห็นว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ ปีนี้อายุยี่สิบเจ็ดแล้ว เป็นคนอำเภอหรงหวานี้ เนื่องจากสถานภาพทางครอบครัวค่อนข้างจะธรรมดาจึงยังไม่ได้แต่งงาน
เซวียหลิงเดินตรงออกไปข้างหน้าแล้วทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง
"ข้างนอกลมแรง พี่ชายทั้งสองเชิญเข้ามานั่งในบ้านก่อน"
เฉินหมินยิ้มขึ้นเล็กน้อย แฝงไปด้วยรอยยิ้มอันเขินอาย
"ไม่เป็นไรหรอก......ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าแกย้ายมาอยู่ที่นี่ บ้านนี้ไม่เลวเลย เดินทางง่ายสะดวกดี พวกเราไม่เข้าไปนั่งล่ะ"
ชายกำยำที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาดูท่าทางแย่เล็กน้อย หนวดเคราเต็มไปหมด ดูท่าทางแข็งกระด้าง แต่ใบหน้าค่อนข้างจะหล่อเหลา แววตาดูอำมหิตเล็กน้อย มองไปแวบแรกทำให้รู้สึกว่าคนคนนี้โหดร้าย
เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ต้องแล้ว"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามเฉินหมินว่า
"มีอะไรเหรอ มาหาฉันมีธุระไร?"
กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้จู่ๆ เข้ามาหาที่นี่คงจะมีเรื่องสนทนากับตนอย่างแน่นอน
เฉินหมินแอบกลืนน้ำลายแล้วยิ้มขึ้น ชี้ไปทางชายร่างกายกำยำด้านข้าง อธิบายขึ้นว่า
"เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ทุกคนเรียกเขาว่าอาหู่ ก่อนหน้านี้คุณป้าของฉันป่วยและใช้เงินไม่น้อย เช้าวันนี้คุณป้าก็เกิดอาการกำเริบอีกแล้ว หมอบอกว่าจะต้องผ่าตัดไม่อย่างนั้นคงจะแย่ ฉันเอาเงินที่พอจะมีเก็บเล็กน้อยภายในบ้านให้ลูกพี่ลูกน้องยืมไปแล้วแต่ก็ยังไม่พอ ทว่าคุณป้าคงจะรอไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงรู้สึกเป็นกังวล ญาติผู้พี่เขาตั้งใจจะขายจักรยานคันใหม่ที่เพิ่งซื้อมาได้สองเดือน เพื่อให้ได้ค่ารักษาพยาบาล พอดีคิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้แกบอกว่าตั้งใจจะซื้อจักรยานจึงได้รีบพาเขามาที่นี่"
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้ารับรู้แล้วมองไปทางจักรยานที่อยู่ข้างหลัง
เซวียหลิงก็มองไปข้างหลังเช่นกัน เธอพบว่าจักรยานยังใหม่มาก ลวดเหล็กในล้อส่องแสงประกายใต้แสงไฟ
อาหู่รู้สึกเขินเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกร้านว่า "อาหยวนใช่ไหม ผมเคยได้ยินน้องเขาพูดถึงนายบ่อยๆ ผมมันเป็นคนแข็งกระด้าง พูดจาให้ไพเราะไม่เป็น ในเมื่อนายต้องการจะซื้อรถ จะช่วยซื้อรถคันนี้ไปได้ไหม ถือว่า......ถือว่าช่วยผม"
แขนอันบึกบึนของเขาชี้ไปที่ด้านหลังพูดว่า "รถคันนี้ผมซื้อมาใหม่ราคา 230 หยวน ผมรักมันมากดูแลมันเหมือนภรรยา ทุกวันจะต้องเช็ดมันจนสะอาด ดังนั้นมันจึงใหม่เอี่ยมเหมือนของใหม่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ตอนนี้แม่ของผมป่วย อาการแย่ลง หมอก็กดดันบอกว่าจะต้องจ่ายค่าผ่าตัดหนึ่งร้อยกว่าหยวน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขายรถทิ้ง"
ดวงตาของเขาแดงเรื่อเล็กน้อยใบหน้าดูแดงก่ำมองไปก็รู้สึกว่าคงจะถูกกดดันไม่น้อยจริงๆ
เฉินหมินกระซิบกระซาบว่า "ญาติผู้พี่ของฉันเป็นคนกตัญญูต่อคุณป้ามาก เขาบอกว่าทางโรงพยาบาลต้องการค่ารักษา 150 หยวน และรถคันนี้เขาขายเพียง 150 หยวนก็พอ"
เฉิงเทียนหยวนเป็นคนที่มีความกตัญญูมากเช่นกัน ขณะที่เขากำลังจะตอบตกลงแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าสัญญากับเซวียหลิงเอาไว้จะซื้อรถใหม่จึงทำให้เขาเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"ผม......ขอปรึกษากับคนรักสักครู่"
เฉินหมินรีบพูดขึ้นว่า "ได้สิ ได้เลย!"
เฉิงเทียนหยวนหันหลังกลับไป เขารู้ว่าเธอไม่ต้องการซื้อรถมือสอง เธอต้องการของใหม่ ในขณะที่กำลังคิดจะเกลี้ยกล่อมเธออย่างไรดีคิดไม่ถึงว่าเซวียหลิงจะตอบตกลง
"เอาล่ะ ซื้อคันนี้แหละค่ะ รถคันนี้ใหม่มาก ฉันไม่ยึดติด อีกอย่างสามารถช่วยเพื่อนของนายได้ด้วย คาดว่าเขาคงจะรีบใช้เงินจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ขายมันถูกขนาดนี้"
เฉิงเทียนหยวนตกตะลึงชั่วครู่ คิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นขนาดนี้ เขาดีใจมากกับความรอบคอบและเอื้ออาทรของเซวียหลิง ก่อนจะเผยอริมฝีปากยิ้มขึ้นเผยเป็นฟันสีขาวเป็นแถวเรียงยาว
"แล้วฉัน......จะขอยืมเงินเธอสักหนึ่งร้อยหยวนได้ไหม อีกสองสามวันเงินเดือนออกแล้วจะคืนให้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง