เธอเดินไม่เร็ว ร่างกายค่อนข้างอ้วน เหมือนคุณป้าอ้วนในชนบท สองแขนเหวี่ยงออกไปด้านนอกเล็กน้อย ดูแล้วตลกนิดหน่อย
เซวียหลิงโบกมือ ยิ้มทักทาย
"เสี่ยวกูจื่อ เธอมาแล้วสินะ!"
เฉิงเทียนฟางมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ วางท่าใหญ่โตเดินผ่านร่างเธอไป เข้าไปในห้องครัว
เธอเห็นเฉิงเทียนหยวนกำลังล้างผักอยู่ ก็ทำหน้าบูดบึ้งทันที
"พี่สะใภ้ เธอใช้พี่ฉันอีกแล้วเหรอ?! เธอแต่งเข้าบ้านฉัน ไม่ใช่ให้เธอมาเป็นคุณหนู ให้พี่ชายฉันบริการเธอนะ! เธอดูตัวเธอสิ แม้แต่ผักก็ให้พี่ชายฉันล้าง! เธอกินแล้วไม่อายเหรอ?"
เฉิงเทียนหยวนจ้องเธอ แล้วอธิบาย "ฤดูหนาวน้ำมันเย็น ผิวมือพี่สะใภ้เธอบอบบาง ทำแล้วจะโดนความเย็นกัดผิวเอาง่ายๆ หล่อนต้องจับปากกาทำงาน ถ้าหนาวจนเจ็บจะเขียนหนังสือได้ยังไงล่ะ?"
เฉิงเทียนฟางกลอกตา แล้วทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา "เหตุผลพี่เยอะจังนะ! พี่เข้าข้างแต่เธอ ระวังต่อไปจะเป็นทาสเมีย!"
"ฉันยอมเป็น!" เฉิงเทียนหยวนก็โมโหแล้วเหมือนกัน พูดขึ้นด้วยสีหน้าเกรงขาม "ฉันจะเข้าข้างหล่อน เอาอกเอาใจหล่อน! ฉันชอบเป็นทาสเมีย มันเกี่ยวอะไรกับเธอ! ต้องให้เธอยุ่งไหม!"
เฉิงเทียนฟางตกตะลึง ไม่เคยคิดเลยว่าพี่ชายที่ทำหน้าเย็นชาเงียบขรึมอยู่เสมอ จะพูดจาแบบนี้ออกมา!
เซวียหลิงก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ใบหน้าสวยแดงไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ควรพูดอะไร
เฉิงเทียนหยวนทำหน้าสุขุม มองใบหน้าตกตะลึงของน้องสาวเขา
"ทำไม? มีแค่เธอเหรอที่พูดแบบนี้ได้ ฉันทำไม่ได้เหรอ? อาฟาง คิดให้รอบคอบเกี่ยวกับท่าทางและน้ำเสียงเวลาเธอพูด แล้วก็คำพูดมโนคิดไปเองของเธอ คิดดูให้ดีว่าเธอพูดแบบนี้กับคนอื่นได้ไหม"
เฉิงเทียนฟางหน้าแดงและซีดเซียว พูดเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่สบอารมณ์ "ฉัน......ฉันจะไม่อยู่ที่บ้านพวกพี่"
เซวียหลิงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ถามขึ้น "ทำไมล่ะ? ข้างบนยังมีห้องเล็กอยู่หนึ่งห้อง พอสำหรับเธอนอนคนเดียว"
"ไม่เอา!" เฉิงเทียนฟางพูดขึ้น "บ้านพี่เหมยมีห้องเยอะกว่า เฟอร์นิเจอร์ก็เยอะ ไม่โล่งเหมือนบ้านพวกพี่หรอก! พี่เหมยขี้ขลาด ต่อไปให้ฉันอยู่ห้องเดียวกับเธอ"
เฉิงเทียนหยวนเดิมทีอยากเอ่ยปากปฏิเสธ แต่คิดว่าอย่างมากสุดก็แค่หนึ่งคืนหรือสองคืน ห้องเล็กที่นี่ก็มีแค่ผ้าห่มผืนบาง งั้นก็ให้เธอไปแล้วกัน
"อยากได้อะไรก็บอก ข้างบนฉันมีผ้าห่มเล็กหนึ่งผืน"
"ไม่ต้องหรอก" เฉิงเทียนฟางพูด "ฉันกินข้าวที่บ้านพวกพี่ก็พอ จริงสิ พี่ต้องทำเพิ่มอีกหน่อย พี่เหมยก็อยากมากินด้วย"
เฉิงเทียนหยวนตอบ "อืม" เรียบๆ แล้วไปล้างผักต่อ
เซวียหลิงในใจแอบไม่พอใจ คิดว่าโอวหยางเหมยพบว่าหาช่องโหว่พวกเขาไม่ได้ เลยสร้างปัญหากับเสี่ยวกูจื่อแทน----ไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลจริงๆ!
ช่างเถอะ เสี่ยวกูจื่อเพิ่งมาถึง ตอนนี้ข้างนอกลมเหนือพัดมาหนาวจัด รอมั่นคงสักสองวันค่อยวางแผนอีกครั้ง
เฉิงเทียนหยวนทำอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งสี่คนก็ล้อมรอบโต๊ะกินข้าว
ในครัวมีเตาถ่านหินรังผึ้งสามอัน อุณหภูมิค่อนข้างสูง เมื่ออาหารอยู่บนโต๊ะก็เริ่มกิน
อาหารร้อนๆ มีผักมีเนื้อและมีซุปเนื้อด้วย โอวหยางเหมยกับเฉิงเทียนฟางกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
เฉิงเทียนฟางกินเอาๆ ไม่ชอบกินผัก ไม่กินอย่างอื่นนอกจากเนื้อ
โอวหยางเหมยก็เหมือนเธอ ตะเกียบคีบเนื้ออย่างต่อเนื่อง
เฉิงเทียนหยวนทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว เห็นภรรยาตัวเองไม่ค่อยได้กิน ก็หยิบสองชิ้นใส่ในชามเซวียหลิงเองเลย
"ที่รัก กินเยอะๆ หน่อย"
เซวียหลิงยิ้มนิดๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม "พี่ก็กินด้วย"
เฉิงเทียนฟางเห็นพวกเขารักกันและกัน ก็แอบเบ้ปาก "พี่ลำเอียง ทำไมตักเนื้อให้แต่ภรรยาพี่ ไม่ตักให้ฉันกับพี่เหมยบ้าง?"
เฉิงเทียนหยวนเหลือบมองเธอ แล้วพูดขึ้น "ตะเกียบฉันมีน้ำลายฉันติดอยู่ คีบให้ภรรยาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พวกเธออยากกินก็คีบเอง ฉันไม่ช่วยหรอกนะ"
"เฮอะ!" เสี่ยวกูจื่อก้มหน้าก้มตากินต่อ
เฉิงเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงทุ้ม "อย่ากินเยอะนัก ตอนนี้เธออ้วนขึ้นมาก เด็กผู้หญิงต้องลดอาหารบางอย่างด้วย ไม่งั้นต่อไปจะซื้อเสื้อผ้ายาก"
เสี่ยวกูจื่อฟังหูซ้ายทะลุหูขวา กินเอาๆ ต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง