ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสบตากัน บรรยากาศที่ครุมเครือก็ร้อนแรงขึ้น ดวงตาของฮ่องเต้ดูคุกคามอย่างมาก อุณหภูมิตรงฝ่ามือที่กำลังร้อนระอุทำให้เจียงซินเย่ว์หน้าแดงไปหมด
เมื่อหวังเต๋อเฉวียนเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รีบโบกมือให้นางกำนัลที่อยู่เต็มตำหนักถอยออกไปเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเงียบๆ
เมื่อภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงบ ฮ่องเต้เซวียนอู่ก็เหมือนสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่ง เขาก้มลงมาบดขยี้ริมฝีปากอันหอมหวานของนาง
หลังจากผ่านไปไม่นาน เขาก็ปล่อยริมฝีปากนั้นออก ทั้งคู่หายใจอย่างหอบ ๆ และสบตากัน
เจียงซินเย่ว์สัมผัสปากเล็ก ๆ ที่เหมือนลูกเชอรี่ที่กำลังบวมแดงเล็กน้อย ก่อนจะจ้องมองฮ่องเต้เซวียนอู่ด้วยความเขินอาย สายตาที่เย้ายวนเพียงแวบเดียวนั่น ทำให้เขาไม่อยากรออีกต่อไป ภายใต้แสงเทียนที่พลิ้วไหว ห้องทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและเสน่ห์เย้ายวนใจ
ในวังหลังมีสนมอยู่มากมาย ในยามปกติก็สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนไป แต่เมื่ออยู่บนเตียงทั้งหมดล้วนเหมือน ๆ กันทั้งสิ้น ให้ฮ่องเต้เซวียนอู่เป็นฝ่ายรุกครอบครองฝ่ายเดียว เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
แต่เจียงกุ้ยเหรินไม่เหมือนกัน!
นางกล้าที่จะเป็นฝ่ายรุกและนำฮ่องเต้ตามอำเภอใจ นางกล้าทำอย่างกล้าหาญ ทำให้ฮ่องเต้เซวียนอู่ที่มีประสบการณ์มามากมายต้องหัวใจเต้นเร็วขึ้น
ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกใหม่มาก! น่าตื่นเต้นที่สุด!
ทำให้เขาไม่สามารถหยุดที่จะถวิลหาได้ คิดแต่อยากจะทำให้นางรู้สึกสบายมากขึ้นเท่านั้น เพื่อที่จะแสดงท่าทางที่เย้ายวนออกมามากขึ้น และก็พูดคำพูดที่กระตุ้นใจออกมามากขึ้น
ในนิยายล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ฮ่องเต้ไม่สามารถทำได้ถึงเจ็ดครั้งต่อคืนเสียหน่อย อย่างมากก็แค่สี่ห้าครั้งเท่านั้น แต่ที่เหนือกว่าอยู่ก็คือสามารถทำยืนหยัดได้นานไม่เพลาเบา
แต่ก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้เซวียนอู่ม้าพยศตัวนี้เมื่ออยู่กับสนมคนอื่นในวังจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะไม่รู้จักพอขนาดนี้ด้วยหรือไม่?
ผู้ชายในยุคหลังต่างก็อิจฉาชีวิตของฮ่องเต้ที่ได้ฉลองค่ำคืนที่สนุกสนานได้ทุกคืน ที่จริงแล้วเจียงซินเย่ว์ก็รู้สึกว่าการเป็นฮ่องเต้นั้นก็น่าสงสารอยู่นะ
มีผู้หญิงตั้งมากมายในวังหลวงรอให้เขาบำเรอคนเดียว ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบ แต่เพื่อรักษาอนาคตข้างหน้าของราชวงศ์ เขาก็ต้องบำเรอไปโปรดให้ทั่วถึง
แต่ว่าเจียงซินเย่ว์ไม่เห็นใจเขาหรอก
หรือจะบอกว่าหน้าที่ใคร ใครก็ทำไป
ก็เหมือนกับตอนนี้ที่นางกลายมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพที่ต้องบำเรอฮ่องเต้ นางยังต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาอกเอาใจเขา ก็เพียงเพื่อต้องแสวงหาชีวิตที่ดีมีข้าวปลาอาหารกิน มีเสื้อผ้าดีๆใส่เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
“แคก ๆ...”
หลังจากอิ่มหนำสำราญอย่างตะกละตะกลามฮ่องเต้เซวียนอู่ก็กระแอมไอเบา ๆ สองครั้ง และมือที่สวมเสื้อผ้าอยู่ของเขาก็หยุดชะงัก“หวังเต๋อเฉวียน!”
“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงดังจากนอกประตูดังขึ้นมา และขันทีหลายคนก็พากันแบกน้ำร้อนไปเทลงในอ่างอาบน้ำหลังฉากกั้น
หญิงสาวบนเตียงปิดตาสนิท แพขนตาที่ยาวเป็นแพรเหมือนปีกผีเสื้อนั่นสั่นไหวเล็กน้อย ส่วนนิ้วมือก็ยกมาปกปิดส่วนที่ถูกครอบครองไว้ด้วยความอายจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมา
ฮ่องเต้หัวเราะเบา ๆ และอุ้มนางลงไปในอ่างอาบน้ำ หวังเต๋อเฉวียนได้ยินเสียงน้ำที่ไหลรินลงมา และเสียงของฮ่องเต้ที่พูดอย่างน่าเกรงขามจนต้องสะดุ้งก็ดังขึ้น “พรุ่งนี้ให้ฝ่ายจัดการภายในส่งกำยานจากหญ้าอ้ายเฉ่ามาที่ตำหนักซีเหอ”
ฮ่องเต้หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับหยิกจมูกนางอย่างหมั่นเขี้ยว “ใช่ ข้าเป็นคนพูดเอง”
เจียงกุ้ยเหรินนางนี้ ช่างกล้าหาญเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าถึงกลับให้ฝ่าบาทตั้งคำมั่นสัญญาด้วย
หวังเต๋อเฉวียนปรนนิบัติรับใช้ฮ่องเต้มาชั่วชีวิตแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นนางสนมคนไหนที่มีวิธีไม่เหมือนใครอย่างนางเช่นนี้มาก่อน
หากไม่สามารถควบคุมระดับให้ดีได้ ไปสัมผัสจุดระเบิดที่ไม่ควรทำของฮ่องเต้ คงได้ไปเยี่ยมที่ตำหนักเย็นเป็นแน่
เจียงกุ้ยเหรินสามารถกระโดดไปมาระหว่างขีดจำกัดของฮ่องเต้อย่างแม่นยำขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
ฮ่องเต้ต้องไปว่างานในราชสำนัก ส่วนสตรีในวังหลังก็ไม่ใช่ว่าจะนั่งว่าง เช้าตรู่ฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ก็ต้องไปที่ตำหนักอี้คุนเพื่อถวายความเคารพให้แก่ฮองเฮา
ถึงแม้จะมีเหล่าสาวงามใส่เสื้อผ้าสวยสดงดงามกลิ่นหอมฟุ้งเต็มตำหนัก ก็หาได้มีใครสู้ความงามของลี่กุ้ยเฟยได้สักคน
เหลียงเฟยลูบดอกไห่ถังที่ข้างหู ส่วนสายตาจับจ้องเล็บที่ทาด้วยสีแดงของลี่กุ้ยเฟย และทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “ได้ยินมาว่าเมื่อวานฝ่าบาททรงจุดโคมไฟที่ตำหนักซีเหอ เป็นเรื่องที่แปลกจริง ๆ เลยนะเพคะ”
เรื่องที่น่าแปลกที่ว่าก็คือทุกปีที่ผ่านมามักจะมีหญิงงามคนใหม่ที่มีตาหามีแววมาท้าทายลี่กุ้ยเฟย แต่ก็ถูกฮ่องเต้โยนเข้าตำหนักเย็นทุกคน เหตุใดเจียงกุ้ยเหรินคนนี้จึงแตกต่างไป?
หรือว่าลี่กุ้ยเฟยจะสูญเสียความโปรดปรานจากฝ่าบาทไปแล้วงั้นหรือ?
เปลือกตาของลี่กุ้ยเฟยไม่ได้ยกขึ้นมาแต่อย่างใด แต่เจี่ยงเจาอี๋ลูกสมุนอันดับหนึ่งของนางรีบตอบกลับไปว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอันใด เจียงกุ้ยเหรินเป็นสนมหน้าใหม่ที่งดงามที่สุดในบรรดาหญิงงามที่เข้ามาด้วยกัน ในตอนแรกพระนางเหลียงเฟยก็เคยเป็นดอกไม้แรกแย้มดังหยกเช่นนี้เหมือนกัน ก็ไม่ใช่ว่าได้รับความโปรดปรานอย่างมากหรอกหรือ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักพันธนาการหัวใจ