เข้าสู่ระบบผ่าน

เล่ห์รักพันธนาการหัวใจ นิยาย บท 8

แต่ทว่าเจียงซินเย่ว์พูดห้ามซวงเจี้ยงไว้ “ดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้เอาไปเก็บไว้ก็น่าเสียดายเกินไป”

นางชี้ไปที่หน้าต่างที่หันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ก่อนเอ่ย “วางไว้ที่นั่นเถอะ! ถ้าบานสะพรั่งในตอนกลางคืน ข้ายังสามารถเชยชมดอกไม้ด้วยกันกับฝ่าบาทได้ ถือว่าเป็นเรื่องดี”

ต้นถานฮวาที่สื่อว่าพอบานแล้วพรุ่งนี้ก็ร่วงเลยอะไรนั้น นางไม่เคยเอาดอกไม้มาเปรียบเทียบกับตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นใครก็ตามที่ใช้ดอกไม้เสียดสีนาง นางก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

มนุษย์ก็คือมนุษย์ จะไปเปรียบเทียบกับสิ่งของที่ตายไปแล้วอย่างนั้นได้หรือ?

ณ ตำหนักหย่างซิน

“เจ้าบอกว่า...ลี่กุ้ยเฟยส่งต้นถานฮวาไปให้เจินหรงหวังงั้นหรือ?”

หวังเต๋อเฉวียนพยักหน้า “ส่งตรงจากห้องซือเจินเลยพ่ะย่ะค่ะ ปีนี้ชาวสวนของห้องซือเจินเพิ่งเพาะพันธุ์ดอกไม้สายพันธุ์ใหม่ออกมาได้นามว่าโยวถาน ว่ากันว่าจะบานเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นในเวลากลางคืน”

ล้ำค่า แต่อายุสั้นเกินไป

ฮ่องเต้เซวียนอู่ที่กำลังตรวจแก้ฎีกาอยู่เอาพู่กันหมึกแดงชาดวาดกากบาทขนาดใหญ่ลงไปบนฎีกา “ถ้าเช่นนั้นก็ให้ห้องซือเจินส่งต้นถานฮวาทั้งหมดไปที่ตำหนักซีเหอ ต้นถานฮวาดอกเดียวไม่เพียงพอหรอก ต้องวางต้นถานฮวาเอาไว้ให้เต็มห้องเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับเจินหรงหวาของข้า”

แม้ว่าจะเป็นความงามเพียงชั่วครู่ก็ตาม แต่ทะเลดอกไม้ที่ทำขึ้นจากต้นถานฮวาที่มีมากมายเช่นนี้ก็เป็นฉากสุดอลังการที่สามารถคงอยู่ในใจของผู้คนได้ตลอดไป

หลังจากจูฮองเฮาได้ยินเรื่องนี้ก็หัวเราะขึ้นมาชั่วขณะ

ฮ่องเต้กำลังคิดว่าเจินหรงหวาเป็นแค่ของเล่นสนุก ๆ ล่ะสิโปรดปรานมาเช่นนี้ไม่รู้ว่าเจินหรงหวาจะรับมือไหวหรือไม่?

หากรักใครจริง ๆ จะต้องปกป้องคนผู้นั้นให้ดี ๆ ไม่ใช่ทำให้นางเป็นเป้าลูกศรกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนอิจฉาริษยา

เจินหรงหวาผู้นี้ไม่มีอะไรต้องกังวล

ดูเหมือนจะหน้าสดอยู่กับฮ่องเต้เป็นเวลาสองวันแล้ว คืนนี้เจียงซินเย่ว์ว่าจะแต่งตัวให้ดูสดใสและเปล่งรัศมีออกมากับเขาบ้าง

นางสวมชุดแมนจูสีพื้นที่ไล่ระดับสีที่มีลวดลายของผีเสื้อกำลังร่ายรำบนดอกไม้ และสวมเสื้อคลุมที่บางเบาราวกับปีกจักจั่น นางสวมรองเท้าส้นสูงที่สีเข้ากับสีดอกไม้ของชุด เวลาเดินดูสง่างามอ่อนช้อยและมีเสน่ห์น่าหลงใหล

ผมถูกหวียกขึ้น ที่ปลายปิ่นมีดอกไม้สีสันสดใสที่ทำจากงานฝีมือละเมียดละไม อีกด้านหนึ่งมีพู่สีสันสดใสห้อยอยู่

แต่งตัวเช่นนี้ทำเอาเจียงอวี่ถงที่เพิ่งทราบข่าวจึงมาหาถึงกลับตะลึงจนพูดไม่ออก

นางรู้ตลอดว่าเจียงซินเย่ว์เป็นคนสวย แต่ไม่เคยเห็นนางแต่งตัวเต็มยศเช่นนี้ “เจ้า...เจ้า...”

“ท่านพี่มาหาข้าที่นี่มีธุระอันใดหรือ?”

เจียงซินเย่ว์ที่นอนอยู่บนเตียงเหล่ตามองนาง “หากไม่มีธุระอะไร ก็รีบกลับไปเสียเถอะ ฝ่าบาทกำลังจะเสด็จมาน่ะ”

“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนจะเข้าวังหลวงมาท่านพ่อได้พูดฝากฝังอะไรเอาไว้?”

หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินแต่เสียงเจียงเป่าหลินหัวเราะเสียงดัง “เจ้ามันโง่เขลายิ่งนัก เจ้าตกหลุมรักฝ่าบาทได้เยี่ยงไร เจ้าให้ความรักจากใจจริงให้เขางั้นหรือ เจียงซินเย่ว์ เจ้าไม่รู้หรือว่าในวังหลังแห่งนี้ผู้หญิงที่หวั่นไหวต่อฝ่าบาทไม่มีทางอยู่รอดได้? เจ้ามันโง่เขลาจนหมดทางเยียวยาแล้ว”

ริมฝีปากของเจินหรงหวาเกือบจะกัดจนเลือดออกมาอยู่แล้ว นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ข้าหวั่นไหวหัวใจเอง กำแพงทางใต้แห่งนี้ก็เป็นข้าเองที่ต้องการชนมัน แม้ว่าสุดท้ายข้าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยินก็ตาม ข้าก็จะไม่โกรธไม่เกลียดใครเลย เพราะข้าเคยได้รักแล้วและจะไม่มีวันเสียใจ”

“พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเจ้าจะไม่ยอมช่วยข้างั้นสินะ?”

และก็ตกอยู่ในความนิ่งเงียบอีกครั้ง ทันใดนั้นเจียงเป่าหลินก็ยกมือขึ้นมา และโบกลงมาหนึ่งฉาก

“เพี๊ยะ!”

เสียงตบนี้ดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักซีเหอ แต่เจียงซินเย่ว์กลับไม่รู้สึกเจ็บที่หน้าแต่อย่างใด

ดวงตาทั้งสองข้างของนางสั่นเทา และลืมตาขึ้นมาด้วยความกลัว แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาขยายเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะเข้ามาพยุงนางให้ลุกขึ้นจากพื้น และกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยความปวดใจ

และคนที่ถูกตบหน้าจนหัวคว่ำทิ่มพื้นถ้าไม่ใช่เจียงอวี่ถงจะเป็นใครได้?

“ฝ่า...ฝ่าบาท?”

ความตกใจและความประทับใจในสายตาของเจียงซินเย่ว์ไม่อาจมีเพิ่มไปมากกว่านี้ได้แล้ว “ท่าน...ท่านมาตั้งแต่เมื่อไรเพคะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักพันธนาการหัวใจ