“นายน้อยครับ มีโทรศัพท์ด่วนมาจากออฟฟิศที่มอสโกครับ”
คอร์เนลที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถเพื่อไปรับยาหยีตามที่ได้รับปากกับหญิงสาวเอาไว้ชะงักและหันกลับไปมองคนสนิทต่างวัยทันที
“ลอร่านี่ใช้ไม่ได้เลย ฉันสั่งแล้วว่าอย่าโทรมารบกวน”
หนุ่มหล่อบ่นงึมงำด้วยความไม่พอใจเมื่อเลขาฯ ประจำตัวของตนเองขัดคำสั่งโดยการโทรมารบกวนเขาอีกครั้ง
“เรื่องด่วนครับ มิสเตอร์ลีทวงถามสัญญาครับ” เซอร์เกยื่นโทรศัพท์ให้กับคอร์เนล ชายหนุ่มรับขึ้นมาถือเอาไว้
“แต่ฉันต้องไปรับยาหยีที่มหาวิทยาลัย” น้ำเสียงของคอร์เนลเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“ผมจะไปรับเธอมาให้เองครับ นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง”
ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะรู้สึกว่างานตรงหน้าน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้มาก่อน ทำไมสมองของเขาในทุกๆ เซลล์ถึงได้มีแต่ชื่อและภาพของยาหยีมากมายเช่นนี้นะ
“ก็ได้ พาเธอมาหาฉันทันทีที่เธอสอบเสร็จเลยล่ะ”
“ครับนายน้อย”
เซอร์เกก้มหน้าน้อมรับคำสั่ง ขณะมองร่างสูงใหญ่ของคอร์เนลที่เดินคุยโทรศัพท์หายเข้าไปในตึกใหญ่ด้วยสายตาเป็นกังวล
‘นายน้อยของเขาเป็นหนักขึ้นทุกวันเลย ดูสิ ถึงขนาดลังเลเลือกไม่ได้ว่าจะไปรับเด็กยาหยีดีหรือจะคุยโทรศัพท์เรื่องงานดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนคอร์เนลจะเลือกงานโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป และมันก็เปลี่ยนไปในทางลงสู่หายนะด้วย’
เซอร์เกพ่นลมออกจากปากหนักหน่วง ก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับมันออกไปอย่างรวดเร็ว
ยาหยียกมือขึ้นโบกให้ลินดาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวขึ้นรถสีดำเงาวับที่จอดอยู่เบื้องหน้า รอยยิ้มหวานฉ่ำแต้มใบหน้างามเพราะคาดหวังว่าจะได้พบกับคอร์เนลในห้องผู้โดยสาร แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเห็นได้ความว่างเปล่า
สาวน้อยนั่งนิ่งไปเงียบๆ ตลอดทาง พยายามคิดว่าคอร์เนลอาจจะกำลังยุ่งเลยมารับหล่อนไม่ได้ตามสัญญา แต่หัวใจเจ้ากรรมมันก็ไม่ยอมรับฟังอยู่ดี เจ้าความโศกเศร้าความน้อยอกน้อยใจที่เพียรขังเอาไว้ในลิ้นชักจึงพุ่งโพลงขึ้นมาในอกทันที และน้ำตาก็ซึมไหลออกมา
‘ในที่สุดก็ต้องร้องไห้อีกครั้ง เพราะความรักที่มีต่อเขา’
หญิงสาวมัวแต่จมอยู่กับความเสียใจ จนไม่รู้เลยสักนิดว่ารถคันงามที่วิ่งอยู่นั้นได้เลี้ยวเข้ามาจอดสนิทในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มารู้ตัวก็ตอนที่เซอร์เกเปิดประตูรถฝั่งหล่อนนั่นแหละ
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณครับ”
มือบางรีบยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง มองผู้ชายที่เปิดประตูให้ด้วยความตื่นตกใจ
“ที่นี่ที่ไหน แล้วพาฉันมาทำไม?”
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ได้คิดร้าย แค่อยากคุยกับคุณเท่านั้นเอง”
ยาหยีเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะก้าวลงไปจากรถ เซอร์เกพาหล่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว ขณะที่เขายืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ความจริงถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น หล่อนคงจะขวัญหนีดีฟ่อไปแล้ว แต่นี่เป็นเซอร์เกผู้ชายที่ถึงแม้แต่จะทำหน้าบูดบึ้งยังไงก็ยังดูใจดีในสายตาของหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันหรือคะ”
“ผมอยากพูดเรื่องนายน้อย”
เซอร์เกไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เขาเจาะตรงประเด็นทันที และนั่นก็ทำให้คนฟังถึงกับนั่งอ้าปากค้างด้วยความเคลือบแคลง
“เรื่องของคอร์เนล?”
“ใช่ครับ เรื่องของนายน้อย”
หล่อนเห็นคนสนิทของคอร์เนลถอนใจออกมาแรงๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็จ้องหน้าหล่อนเขม็งราวกับต้องการจะอ่านความคิดของหล่อน
“ผมอยากให้คุณไปจากนายน้อยซะ”
ยาหยีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“หมายความว่ายังไงกันคะ? เขาให้คุณมาบอกฉันใช่ไหม”
ทุกความรู้สึกที่ไม่ดีในโลกนี้กำลังโจมตีหล่อนอย่างอำมหิต กัดปากของตัวเองจนไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว
“ไม่ใช่หรอกครับ นายน้อยไม่รู้เรื่องนี้หรอก แต่เป็นผมที่ต้องการให้คุณไปเอง”
“คุณกำลังจะพูดอะไรกับฉันกันแน่”
“ตั้งแต่ที่ผมรับใช้นายน้อยมา นายน้อยของผมไม่เคยวิ่งตามผู้หญิงคนไหนมาก่อน ในสายตาของนายน้อยผู้หญิงก็แค่วัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น แค่ค่ำคืนเดียวกับเงินจำนวนมาก ทุกอย่างก็จะยุติลง แต่กับคุณ...คุณอยู่กับนายน้อยนานเกินไป และนับวันก็จะยิ่งมีอิทธิพลกับนายน้อยมากจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้”
‘นี่เซอร์เกอยากจะพูดอะไรกับหล่อนกันแน่นะ หล่อนงงไปหมดแล้ว’
“ฉันคิดว่า...”
คนสนิทวัยกลางคนเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นยาหยีตั้งท่าจะแย้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย