ค่ำๆ ของวันเดียวกัน..
"ทานข้าวเย็นหรือยัง" ขึ้นมาถึงก็เห็นเธอนั่งทำหน้าบึ้งอยู่โซฟาที่ตกแต่งใหม่
"ทานแล้วค่ะ..ทานตั้งแต่ตอนเที่ยง"
"ตอนเที่ยง? ตั้งแต่พร้อมกันน่ะเหรอ"
"คุณหมอพูดเหมือนว่าคุณหมอทานข้าวเย็นมาแล้ว"
"ผมให้คนเอาอาหารเย็นขึ้นมาให้แล้วไม่ใช่หรือ"
"พูดแบบนี้คุณหมอทานมาแล้วใช่ไหมคะ" หญิงสาวยังคงถามแบบจับผิด
เขาไม่ตอบแต่เดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรสั่งให้คนเอาอาหารเย็นขึ้นมาให้
"มาทานข้าวได้แล้ว"
"ไม่หิวค่ะ"
"ผมยังไม่ได้ทานสักหน่อย"
"จริงเหรอคะ"
"พอทำงานเสร็จก็ขึ้นมาเลย" ที่นานกว่าจะขึ้นมาเพราะความจริงแล้ว เขามัวคุยอยู่กับพ่อและแม่นาตาลี ผู้ใหญ่ชวนคุยเขาก็เลยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
ขณะที่กำลังทานข้าวร่วมกันไอยวริญก็คิดอยู่ว่าเธอจะพูดเรื่องนั้นได้ตอนไหน
"กำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า"
"ทำไมคุณหมอรู้ล่ะคะ"
"คุณคิดอะไร" เขาแค่ถามไปเพราะเห็นเธอเงียบ
"ก็เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อนาตาลี"
"นาตาลี? ทำไม" ชายหนุ่มพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุด ใครจะไม่ตกใจล่ะ อยู่ดีๆ ภรรยาก็เอ่ยชื่อแฟนเก่าขึ้นมา
หญิงสาวเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง..พอรู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรมันก็แน่นอกขึ้นมา
"คุณร้องไห้ทำไม"
"ไม่มีอะไรค่ะ" เธอใช้ความแน่นอกนี่แหละปลดปล่อยมันออกมา อยากรู้เหมือนกันว่าคนเก่ากับคนใหม่..คำพูดของใครจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน
"นาตาลีพูดอะไรกับคุณ"
"คุณหมอจะเอาเรื่องไหนก่อนล่ะคะ"
"ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะพูดอะไร ผมอยากให้คุณเชื่อผมเพียงคนเดียว"
"ก็เพราะอายเชื่อคุณหมอไง แต่คุณหมอกลับไม่อธิบายอะไรเลย" นี่เราเป็นบ้าอะไร ไปใส่อารมณ์ใส่คุณหมอทำไม
"ผมรู้ว่าคุณรู้แล้วเรื่องที่นาตาลีกับผมเป็นอะไรกัน"
"ใช่ค่ะอายรู้แล้ว"
"ผมถึงไม่อยากจะพูดขึ้นมาไง" ผู้ชายส่วนมาก ไม่อยากจะนำเรื่องของคนเก่ามาพูดกับคนใหม่อยู่แล้ว ..มือหนาเอื้อมไปเขี่ยน้ำตาออกให้แบบเอ็นดู "หึงผมเหรอ"
"เป็นใครจะไม่หึงมั่งคะ"
"ต่อไปนี้ผมจะพยายามเว้นระยะห่าง ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องคนไข้ผมก็จะไม่พูดกับเธอ"
"แต่ส่วนมากเห็นว่าเธอคนนั้นชอบเอาอาการป่วยของพ่อมาอ้างนี่คะ" เราเป็นบ้าอะไรเนี่ย มันน่าพูดไหม อารมณ์ของเธอดูแปรปรวนมาก เคยห้ามตัวเองไม่ให้งี่เง่าต่อหน้าเขา ตอนนี้ห้ามไม่ได้แล้ว
"ผมต้องรับผิดชอบชีวิตของคนไข้ อยากให้คุณเข้าใจเรื่องนี้"
"อายขอโทษค่ะ"
"ไม่ต้องขอโทษคุณมีสิทธิ์หึงผมอยู่แล้ว"
"ก็ผู้หญิงคนนั้นน่ะสิคะ" เราจะพูดดีไหม แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้แล้วจะพูดตอนไหนล่ะ ..หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อถามตัวเองว่ามันคุ้มไหมถ้าพูดออกไปแล้ว
"ผู้หญิงคนนั้นทำไม"
"ก็เรื่องค่ารักษา"
"ค่ารักษา?" แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ที่จริงเธอน่าจะเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด เพราะแม่ของเธอก็ผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้วเหมือนกัน
"คุณหมอช่วยค่าผ่าตัดและค่ารักษาเธอเหรอคะ"
"คุณไม่อยากให้ผมช่วยเหรอ"
"นั่นมันเงินของคุณหมอ จะช่วยหรือไม่ช่วยก็แล้วแต่สิคะ"
"ผมคิดว่าคุณจะเข้าใจผมเรื่องนี้ที่สุด"
"อายดูงี่เง่ามากเลยใช่ไหมคะ"
"ฝากคุณเอาขึ้นไปไว้ข้างบนด้วย" แล้วนายแพทย์เซอร์เวย์ก็หันไปบอกพยาบาลให้เรียกคนไข้คิวต่อไปเข้ามา
ไอยวริญถือโทรศัพท์ของเขาออกมาแบบงงๆ อะไรกันเป็นเพราะเราหรือเปล่าที่เขาไม่อยากจะพกโทรศัพท์ เริ่มจะตำหนิตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง เพราะโทรศัพท์ของเขาเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ทุกครั้งที่มีอุบัติเหตุพยาบาลชอบโทรมาตาม
ขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่นั้นก็มีข้อความ LINE ดังขึ้นมา
"?" แค่เห็นชื่อโชว์ขึ้นมาก็รู้แล้วว่าเป็นใคร แถมยังมีข้อความเล็ดลอดออกมาให้อ่านอีก
แต่ขณะที่เธอกำลังมองดูหน้าจออยู่นั้น คนที่ส่งข้อความมาก็ได้โทรเข้ามา
{"ฮัลโหลเรย์คะ"}
{"คุณหมอติดคนไข้อยู่ห้องตรวจค่ะ"}
{"ทำไมโทรศัพท์ของเรย์ถึง.."} ปลายสายกำลังจะถามว่าทำไมโทรศัพท์เขาถึงอยู่ที่เธอ แต่ก็หยุดได้ทัน เพราะมันก็ไม่แปลก ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว
{"คุณมีธุระอะไรคะ"}
{"ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย"}
{"ตอนนี้คุณหมออยู่ห้องตรวจ ถ้ามีธุระอะไรก็มาหาเขาแล้วกัน"}
{"ฉันกำลังจะมานี่ไง"} จังหวะนั้นปลายสายก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอพอดี
อีกไม่กี่นาทีผ่านไป..
"คุณหมอติดคนไข้อยู่ค่ะ"
"แต่ฉันจะเอาโทรศัพท์มาคืนคุณหมอ ขอเข้าไปนะคะ" นาตาลีไม่รอให้พยาบาลอนุญาตก็ถือวิสาสะเปิดประตูห้องตรวจเข้าไป ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงที่เซอร์เวย์แนะนำว่าเป็นภรรยามาก จนพยาบาลต่างก็มองหน้ากัน
"เรย์คะ"
"นาตาลี? คุณเข้ามาทำไม"
"เอาโทรศัพท์มาคืนให้ค่ะ"
"โทรศัพท์ผมไปอยู่ที่คุณได้ยังไง?"
"เออ..คือว่า.."
"ไปเรียกหมอสุรวิทย์มาตรวจคนไข้ต่อที" ชายหนุ่มรีบหยิบเอาโทรศัพท์ที่นาตาลีเพิ่งจะวางลง แล้วเดินออกมาจากห้องตรวจไป..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียขัดดอก