ตอนที่ 7 เทพสงครามไม่ชอบของขวัญ
“ฝันไปเถอะ!” โซอี้ยอมตายเสียดีกว่าจะยอมรับเงื่อนไขแบบนั้น “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็คอยดู” เดอร์ริคยิ้มกว้างก่อนจะหันกลับแล้วเดินจากไป เมื่อสังเกตเห็นหน้าซีดเผือดของโซอี้ ลีวายจับมือเธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นโซอี้ ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร?” โซอี้ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก” อย่างไรก็ตาม เธอรู้ดีว่าเดอร์ริคคงไม่หยุดเรื่องนี้ เธอจึงหงุดหงิดไปตลอดทาง เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มใหญ่ข้ามารายล้อมพวกเขาทั้งสี่คน คนเหล่านี้คือสมาชิกของทีมรักษาความปลอดภัย แต่ละคนจ่อปืนมาที่พวกเขา โซอี้กลัวจนแทบสิ้นสติ ใบหน้าของเธอถอดสีขณะที่บีบมือของลีวายแน่น แอรอนและเคทลินก็ตัวแข็งด้วยความหวาดกลัวเช่นเดียวกันเพราะพวกเขารู้ว่านี่คือการแก้แค้นของเดอร์ริค หัวหน้าทีมที่แต่งตัวในชุดสนามมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชาไร้ปรานีภายใต้แว่นนิรภัย “คุณจอห์นส์ นี่ใช่มั้ยอาชญากรที่คุณพูดถึง?” “ใช่ครับคุณลูวิส” เดอร์ริคตอบ “หมอนี่เพิ่งออกจากคุกวันนี้ มันมีคุณสมบัติอะไรถึงมางานเลี้ยงแบบนี้ได้ ผมสงสัยว่ามันต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรสักอย่าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นในงานนี้ คุณจะรับผิดชอบไหวมั้ยคุณลูวิส?” “อะไรนะ? นี่เป็นเรื่องจริงรึ?” อีธาน ลูวิส รองหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย ผู้รับผิดชอบความปลอดภัยภายในงาน เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นเข้ามาได้อย่างไร เดอร์ริคยิ้มอย่างพึงพอใจให้โซอี้ จากนั้นจึงพูดกับอีธานว่า “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง คุณลูวิส ผมขอแนะนำให้จับมันไว้ก่อน เราต้องกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น” “ถูกต้อง มันมางานเลี้ยงทันทีที่ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำได้ยังไง ตรวจบัตรเชิญของพวกมันก่อนซิ” อีธานพูดอย่างเย็นชา โซอี้และพ่อแม่ของเธอตกตะลึง บัตรเชิญอะไรกัน ไม่มีบัตรเชิญเลย “ส่งบัตรเชิญมา” เดอร์ริคพูดด้วยท่าทียกตนข่มท่าน “เราไม่มีหรอก” ลีวายตอบนิ่งๆ “ฮ่า ฮ่า ได้ยินมั้ย คุณลูวิส พวกนั้นไม่มีบัตรเชิญสักใบ ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ” เดอร์ริครู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ยินว่าพวกเขามาโดยไม่ได้รับเชิญ “พวกแก จับมันไว้” อีธานออกคำสั่ง ถึงตอนนี้ โซอี้ก็สติแตกไปแล้ว แม่ พ่อและฉันจะไม่เป็นไรถึงแม้จะถูกจับ แต่ลีวายจะต้องอยู่ภายใต้เล่ห์เหลี่ยมของเดอร์ริคและถูกส่งเข้าเรือนจำอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อน เราเข้ามาโดยผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัยแล้ว อะไรทำให้คุณคิดว่าเราไม่มีสิทธิอยู่ที่นี่?” โซอี้พูดอย่างไม่พอใจ “เป็นไปไม่ได้” เดอร์ริคเย้ยหยัน “จะต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ต่อให้เจ้าภาพงานเลี้ยงวันนี้อย่างเทพสงครามก็ต้องมีบัตรเชิญ ต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้องถ้าไม่มีบัตรเชิญ” “ใช่ นั่นเป็นสิ่งแรกสำหรับผมเหมือนกัน” อีธานพูดอย่างมั่นอกมั่นใจเพราะรู้ว่าทุกคนรวมถึงบรรดานักธุรกิจใหญ่ได้รับคำเชิญให้มาในวันนี้ “พาพวกนี้ออกไป!” แอรอนและเคทลินหลับตาปี๋ด้วยความกลัว โซอี้เองก็ตื่นตระหนกเช่นเดียวกัน “ยอมรับชะตากรรมซะโซอี้” เดอร์ริคหัวเราะร่า “นี่แหละผลของการปฏิเสธฉัน” “ใครเป็นคนบอกนายว่าต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้ามาได้” เสียงของลีวายดังขึ้นกะทันหัน ทุกคนนิ่งและจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ ถึงตอนนั้น โซอี้ดึงแขนเสื้อลีวาย ทำท่าทางบอกให้เขาหยุดพูด ขณะที่แอรอนกับภรรยายิ่งดูเสียขวัญหนักขึ้นกับการโต้ตอบของลีวาย หรือว่าเขาคือผู้นำพาความหายนะ? ลีวายเพียงแต่ตบไหล่ของเธอเบาๆ “เชื่อใจฉันอีกสักครั้งได้มั้ย?” “โอเค” โซอี้พยักหน้า หลังจากนั้น ลีวายก็จ้องหน้าอีธาน “โทรหาหัวหน้าคุณแล้วถามเขาว่า ลีวาย แกร์ริสันเข้ามาโดยไม่มีบัตรเชิญได้มั้ย?” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ไอ้หมอนี่ปัญญาอ่อนรึเปล่า มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” เดอร์ริคและพรรคพวกหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง แต่อีธานโกรธเพราะคำพูดของลีวาย เขาจึงทำตามที่ถูกขอ “โอเค ฉันจะถามหัวหน้าทีมว่ารู้จักนายไหม” เดอร์ริคซึ่งยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา หัวเราะลั่นและรู้สึกมีความสุขที่จะได้เห็นลีวายทำตัวโง่เขลา ถึงตอนนั้น หลายคนล้อมวงเข้ามาดูเหตุการณ์โกลาหล ทำให้โซอี้และพ่อแม่ของเธอต้องก้มหน้าอย่างอับอาย นี่มันน่าอายเหลือเกิน! อีธานปรึกษาคลีเมนต์ ฟิลลิปส์ หัวหน้าทีมรักษาปลอดภัยผ่านชุดหูฟังแบบสวมหัวของเขา พอมีเสียงผ่านหูฟังเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกังวลใจขณะที่มองลีวาย “ผะ ผะ… ผมเข้าใจแล้วครับ ทะ ทะ ท่าน…” อีธานพูดตะกุกตะกักขณะที่พยายามเปล่งเสียงออกมา เดอร์ริคที่ยังไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ มองอีธานอย่างคาดหวัง “เป็นยังไงบ้างคุณลูวิส?” เพียะ! คำตอบที่เขาได้รับคือการตบหน้าอย่างแรงจนทำให้เขากระเด็นไปไกลเจ็ดแปดเมตรปากเต็มไปด้วยเลือดและถึงกับฟันร่วงไปสองสามซี่ “คุณลูวิส ทะ ทะ ทำไม?” เดอร์ริคตาเบิกโพลงขณะที่พูดติดอ่าง อีธานก้าวไปข้างหน้าและต่อยอีกครั้งจนเลือดพุ่งกระฉูดจากแผลเดิมของเดอร์ริค “ทำไมน่ะเหรอ ก็แกใช้อำนาจในทางผิดและจงใจก่อปัญหาให้คุณโลเปซ พวกเขาไม่มีบัตรเชิญ แต่พวกเขาคือแขกผู้มีเกียรติที่เข้ามาในงานอย่างถูกต้อง แต่แก แกมารบกวนความสงบและทำให้เสียบรรยากาศงานเลี้ยง พวกแก จับมันและขังไว้สองสามวัน” อีธานสั่ง พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนที่ยืนข้างๆเขา ก้าวออกมาและจับตัวเดอร์ริค ลากออกไปราวกับเขาเป็นศพไร้วิญญาณ “คุณแกร์ริสัน คุณโลเปซ ขออภัยเป็นพันครั้งสำหรับความยุ่งยากครับ” อีธานไม่กล้าอยู่ที่นั้นอีกต่อไปจึงพาคนของเขารีบออกไป เรื่องหักมุมแบบไม่คาดฝันทำเอาโซอี้และพ่อแม่ตกตะลึง นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกนั้นจะมาจับเราไม่ใช่เหรอ? ทำไมเดอร์ริคกลับถูกจับแทน? เกิดอะไรขึ้น? เรื่องนี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่มีการรายงานชื่อของเขาไป ทั้งสามคนจ้องมองลีวาย โดยโซอี้มองเขาอย่างสงสัย “เธอจะไม่อธิบายหน่อยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?” โซอี้เริ่มถาม “ง่ายนิดเดียว เราอาจจะไม่มีบัตรเชิญ แต่เรามาอย่างถูกกฎหมาย เราเลยปลอดภัย แล้วสิ่งที่เดอร์ริคทำอยู่ตอนนี้เป็นการรบกวนความสงบของงาน เมื่อกี้พวกเธอก็เห็นว่ามีคนอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด ใช่มั้ยนั่นเป็นเรื่องไม่น่าประทับใจเลย ถ้าเกิดเทพสงครามรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ละก็ ลืมเรื่องเดอร์ริคไปได้เลย แม้แต่เจสซี่ นีลเซ่นเองก็รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหวหรอก” “ฉันเข้าใจแล้ว” แอรอนตอบทันที “มันจะไม่เป็นไร ตราบใดที่เราพิสูจน์ว่าเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย” เคทลินพยักหน้า “ใช่ คงงั้นแหละ” ถึงแม้โซอี้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดูเหมือนจะไม่มีช่องโหว่ในการอธิบายของเขา สำหรับเธอมันฟังดูสมเหตุสมผลอย่างสมบูรณ์ แต่ขณะที่ลีวายหันหน้าไป ดวงตาของเขาก็วูบไหว เขาได้ยินสิ่งที่เดอร์ริคเพิ่งพูดออกมา ดังนั้นแทนที่จะขังเขาไว้สักสองสามวัน เขาตั้งใจจะปล่อยให้เดอร์ริคเน่าตายในคุกซะเลย งานเลี้ยงมื้อค่ำนั้นเรียบง่าย แต่ผู้คนที่มาร่วมงานนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ยอดเยี่ยม จนโซอี้และพ่อแม่ของเธอไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงขณะนั่งลงเงียบๆ “แม่ครับ พ่อครับ ทำไมดูเครียดจัง ไปเดินรอบๆ สิครับ มันน่าจะดีที่ได้สร้างสัมพันธ์และพบปะผู้คนใหม่ๆ นะครับ” ลีวายยิ้ม แอรอนและเคทลินแลกเปลี่ยนสายตากัน แต่ท้ายที่สุด พวกเขาตัดสินใจนั่งอยู่กับที่ โซอี้เอียงคอมองลีวายแวบหนึ่ง “เธอไม่กลัวเลยเหรอ?” ท่าทางสงบของลีวายที่แสดงออกมา ทำให้โซอี้และพ่อแม่ของเธอเชื่อว่าเขาคุ้นเคยกับเหตุการณ์ แบบนี้ “ทำไมต้องกลัวล่ะ?” ลีวายตอบ โซอี้ครุ่นคิด เขาต้องชินกับเรื่องแบบนี้เพราะต้องเผชิญหน้ากับพวกเหี้ยมโหดดุร้ายในเรือนจำแน่นอน เธอจึงเลิกถาม ในขณะนั้น ผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เจสซี่และคนสำคัญคนอื่นๆ อีกสองสามคนในเมืองนอร์ธ แฮมป์ตันก็มาถึงแล้ว ท่ามกลางผู้คนกลุ่มใหญ่อารักขาทั้งหน้าและหลัง “เอ่อ แอรอน ฉันเพิ่งเห็นว่าทุกคนมาพร้อมกับของขวัญล่ะ แม้แต่เลขาของนีลเซ่นก็ถือกล่องของขวัญมาด้วย ฉันว่ามีแต่พวกเรานะที่มามือเปล่า” เคทลินตั้งข้อสังเกต คนอื่นๆ ในครอบครัวเหลือบมองแวบหนึ่ง และก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกคนต่างนำของขวัญมาด้วยเว้นแต่ครอบครัวของพวกเขา เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขานั่งอยู่มุมห้อง ไม่ขยับเขยื้อน ในขณะที่คนอื่นๆ ไปยืนรวมกลุ่มกันเพื่อรอมอบของขวัญของพวกเขา “นี่เพราะเราไม่เข้าใจกติกา ฉันน่าจะรู้มาก่อนนะ” แอรอนพูดแล้วทำคอตก “ใช่ แต่คุณพ่อ ซามูเอลกับคนอื่นๆ คิดเรื่องนี้นะ” เคทลินกล่าว “เมื่อกี้คุณเห็นของขวัญในมือของพวกนั้นมั้ย” โซอี้ถอนหายใจ “ทั้งหมดเป็นความผิดของหนู หนูไม่มั่นใจว่าเราจะเข้ามาได้” แอรอนพยักหน้า “พ่อให้ใครเอาของขวัญมาให้ตอนนี้เลยดีมั้ย ยังมีเวลาพอนะ” ลีวายรีบคัดค้านอย่างรวดเร็ว “แม่ครับ พ่อครับ ทำตัวสบายๆ เถอะ บางทีเทพสงครามอาจจะไม่ชอบของขวัญก็ได้” “ไม่หรอก อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เราควรจะทำ” โซอี้บอก แต่ลีวายหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมว่าเทพสงครามอาจจะชื่นชมคนที่มามือเปล่าก็ได้นะ เธอเชื่อฉันมั้ย?” “ไม่เชื่อ” โซอี้ส่ายหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพลิงแค้นเทพสงคราม