ณ เกาะร้าง
พายุทอร์นาโดในทะเลโหมกระหน่ำมาตลอดทั้งบ่าย ในที่สุดท้องทะเลก็กลับคืนสู่ความสงบสักที
เอี๋ยนต้าฟาปัดกองสาหร่ายที่ทับถมอยู่บนร่างกายออกแล้วหันซ้ายหันขวาราวกับลูกหนูที่กำลังหาหนทางออกจากรู ก่อนจะปีนขึ้นมาจากหลุม เดินโซซัดโซเซไปทางชายหาด ด้วยหวังว่าคลื่นที่ซัดเข้ามาจะมีสิ่งมีชีวิตเช่นหอยหรือปูที่สามารถกินประทังชีวิตได้ เขาหิวมาก
เย่เฟิงสลบมากว่าหนึ่งวันแล้ว เขามีไข้สูงอุณหภูมิร้อนจนแทบจะต้มไข่ได้เลยทีเดียว หากว่าไม่มีน้ำและอาหารล่ะก็ บอดี้การ์ดที่หล่อเหลาที่สุดในประวัติศาสตร์คนนี้อาจจะต้องเดินทางไปพบยมทูตแล้วก็ได้
ที่ชายหาดแน่นอนว่ามีทั้งปลาและกุ้งตัวน้อยกำลังกระโดดไปมาท่ามกลางแสงแดด
เจ้าหนูดีใจ จู่ ๆ ก็มีแรงมากขึ้นแล้วกระโดดเข้าไปตะครุบกุ้งตัวเล็ก ๆ ใดตัวหนึ่ง ก่อนจะนำมาใส่เข้าปากแล้วกัดให้กุ้งแน่นิ่ง จากนั้นมันใส่กระเป๋ากางเกง ตั้งใจจะเอากลับไปให้เย่เฟิงกิน
เนื่องจากภาวะขาดน้ำทำให้ริมฝีปากของเอี๋ยนต้าฟาแห้งกร้าน เมื่อสัมผัสกับน้ำทะเลจึงทำให้รู้สึกแสบ ในขณะที่เขาเผยอปากด้วยความเจ็บปวด จู่ ๆ ก็เห็นฝูงฉลามว่ายเข้ามาหาเขา ครีบของฉลามแหวกว่ายทะลุผ่านน้ำด้วยความเร็วสูง มาหยุดอยู่ตรงหน้าเพียงชั่วพริบตาเดียว
เอี๋ยนต้าฟาตระหนักได้ทันทีว่าฉลามกลุ่มนี้ตรงเข้ามาทางเขา จึงทำให้ตกใจเสียจนขนลุกขนพอง เขารีบวิ่งหนีทันที
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงน้ำดังขึ้น คลื่นลูกใหญ่พุ่งตรงเข้ามา ทำให้เขาแนบลงไปกับพื้น ฉลามตัวหนึ่งกระโจนผ่านศีรษะของเขาไปกระแทกพื้นอย่างแรง มันกระโดดไปมาสองสามหนก่อนจะกลับคืนสู่ท้องทะเลอีกครั้ง
ฉลามตัวนั้นจากไปแล้ว แต่เหลือไว้เพียงใครคนหนึ่ง นั่นก็คือเซียวเซิ่งนั่นเอง!
หลังจากที่เขาถูกดีดตัวออกมาจากเครื่องบินก็ตกลงไปในทะเล บังเอิญว่าด้านข้างมีฉลามอยู่ตัวหนึ่ง เขาจึงหยิบมีดออกมาอย่างไม่ลังเลและบังคับทิศทางของฉลามตัวนั้น
มีดที่เซียวเซิ่งถือเอาไว้เป็นเหมือนกับตะขอที่เบ็ดตกปลา ตะขอนั้นเข้าไปเกี่ยวเจาะในเนื้อหนาของฉลาม จึงทำให้มันโกรธมากและพยายามดิ้นรน แต่ไม่เป็นผล ท้ายที่สุดก็ต้องยอมจำนนให้กับเซียวเซิ่ง
มีดทั้งสองเล่มถูกปักอยู่บนศีรษะ ราวกับเป็นพวงมาลัยบังคับทิศทางให้มันไปทางไหนมันก็ต้องไปทางนั้น ไม่เช่นนั้นเซียวเซิ่งก็จะหมุนมีดอย่างโหดเหี้ยมทำให้มันเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น
เนื่องจากเลือดของฉลามตัวนั้นดึงดูดฉลามตัวอื่น ๆ ให้เข้ามาใกล้เป็นฝูง ฉากนั้นช่างงดงามตระการตาแกมน่ากลัว
คงมีแต่เซียวเซิ่งผู้ชายเลือดเย็นคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมสถานการณ์แบบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์ล้วนแต่ต้องยอมจำนนให้แก่เขา เขาสามารถรับมือกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย
“ต้าฟา” เซียวเซิ่งลุกขึ้นจากพื้นแล้วปัดผมสีดำตรงหน้าไปด้านหลัง เขามองไปรอบด้านด้วยสายตาอันแหลมคม สายตามองเหลือบไปเห็นบ่อที่อยู่ไม่ไกลนักทั้งยังได้กลิ่นคาวเป็นพิเศษ จึงได้รู้ว่าเย่เฟิงอยู่ที่นั่น
เดิมทีเอี๋ยนต้าฟาก็หิวมาก เมื่อครู่กลับถูกคลื่นซัดอีกครั้งจึงทำให้วิงเวียนศีรษะมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าและหมดสติไป ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจึงเงยหน้าขึ้นมอง เลือดอุ่นอุ่นในร่างกายก็เดือดพล่าน
สวรรค์ประทานผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนี้มาให้เขา เอ๋ ชายคนนั้นยิ้มให้เขาด้วยหน้าตาคุ้นเคยยิ่ง
ผมดำขลับดูสุขภาพดีเสยไปด้านหลังอย่างโดดเด่น เผยให้เห็นหน้าผากอิ่มเอิบ ดวงตาสีดำขลับแหลมคม ดั้งจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางเย็นชา......นี่มันแด๊ดดี้ไม่ใช่เหรอ?
แด๊ดดี้มาแล้ว!
เอี๋ยนต้าฟาขยี้ตาของตนเอง จึงแน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด เป็นแด๊ดดี้ที่รักของเขาจริง ๆ
“แด๊ดดี้ครับ!”
“......มีอะไรเหรอ?” เซียวเซิ่งหันหน้ามาเอ่ยถามเบา ๆ ท่าทางอันนุ่มนวล เป็นธรรมชาตินั้นราวกับว่าพวกเขาไม่ได้เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันหวุดหวิดมา
“แด๊ดดี้ฮือ ๆ ๆ......” ในปากของเอี๋ยนต้าฟายังคาบกุ้งตัวเล็กเอาไว้ เมื่ออ้าปากร้องไห้กุ้งนั้นจึงหล่นลงพื้น เขารีบหยิบมันขึ้นมาเช็ดแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อดูเหมือนคนขี้งกตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น