เซียวเซิ่งดึงเย่เฟิงขึ้นมาจากหลุมนั่นแล้วจัดการกับบาดแผลของเขาอย่างง่าย ๆ ด้วยการฉีกแขนเสื้อออกมา มัดไปที่ขาเพื่อไม่ให้ขยับเขยื้อน ก่อนจะใส่ยาแก้อักเสบไปสองสามเม็ดในปากเขา แล้วกรอกน้ำตาม ท่าทางการจัดการของเขาดูชำนาญมาก
เย่เฟิงลืมตาแดงเรื่อของเขาขึ้น เมื่อมองเห็นเซียวเซิ่ง แววตาแห่งความสุขปรากฏขึ้นจาง ๆ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยพูดขึ้นว่า “คุณชาย......”
“อืม” เซียวเซิ่งตบลงไปบนบ่าของเย่เฟิงเพื่อให้กำลังใจเขา “การใช้หนอนกำจัดเนื้อเยื่อเน่า ทำได้ดีมาก อดทนเอาไว้นะผมจะพาออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“การใช้หนอนเป็นความคิดของต้าฟา” จิตใจของเย่เฟิงยังคงเป็นห่วงเด็กคนนั้น เขาสัมผัสไปที่ด้านข้าง “ต้าฟาล่ะ? เขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย เขาสบายดีไหม?”
เอี๋ยนต้าฟาไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนอง
เซียวเซิ่งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อสักครู่ตอนที่เขาป้อนน้ำให้แก่เย่เฟิงเขายังได้ยินเสียงกลืนน้ำลายจากเอี๋ยนต้าฟาอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงเงียบผิดปกติไป
เมื่อหันกลับไปมองดูจึงได้รู้ว่าเจ้าหนูน้อยนอนอยู่บนพื้นด้วยแววตาเหม่อลอย ใบหน้าซีดเหลืองดูไม่ค่อยดี “ต้าฟา! ท่านประธานครับ เขาเป็นลมไปแล้ว!” เย่เฟิงพยายามจะลุกขึ้น แต่ท้ายที่สุดก็ล้มเหลว จึงทำได้เพียงคลานไปข้างหน้าและกัดฟันคลานไปจนอยู่กระทั่งถึงข้างกายเด็กน้อย
แต่เซียวเซิ่งกลับไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนก เขาโอบกอดเอี๋ยนต้าฟาเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยท่าทางอันสงบ แล้วใช้มีดกรีดเส้นเลือดของตนเอง เอาแขนลงไปวางไว้ตรงริมฝีปากของลูกน้อย
ขณะนั้นเอี๋ยนต้าฟากำลังอยู่ในอาการมึนงง จู่ ๆ บริเวณริมฝีปากก็มีของเหลวกลิ่นคาวปนหวานไหลเข้ามา มันเย็นและดูสบาย ริมฝีปากของเขาอิ่มเอม เขาไม่มีเวลาไปพิจารณาถึงรสชาติมัน ได้แต่กลืนลงไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านประธานครับ ไม่มีน้ำแล้วเหรอ?” เย่เฟิงถาม
“ไม่มีแล้ว เครื่องบินระเบิด”
เย่เฟิงหันหน้าไปอีกทางทันที เขาไม่กล้าจะสบตา
ท่านประธานสละน้ำให้กับสหาย เอาเลือดให้กับลูก เอาหัวใจให้แก่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน......ผู้ชายคนหนึ่งสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นยอดบุรุษจริง ๆ เขาหวังว่าท่านประธานจะประสบความสำเร็จและมีความสุข ไม่อย่างนั้นเขาคงปวดใจแทน......
บางทีอาจเป็นเพราะเลือดเนื้อระหว่างพ่อลูกสามารถหลอมรวมกันได้ เมื่อได้รับการเติมเต็มจากเลือดของพ่อ ในไม่ช้าเอี๋ยนต้าฟาก็ได้สติคืนมาแล้วลืมตาขึ้น
ทันทีที่เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของพ่อเปลี่ยนเป็นซีดขาว เอี๋ยนต้าฟาก็ราวกับเข้าใจบางอย่างได้ เขาเม้มริมฝีปากปฏิเสธที่จะดื่มของเหลวนี้ทันที
เซียวเซิ่งจึงเอามือออกอย่างไม่เต็มใจนัก เอี๋ยนต้าฟาเห็นได้ชัดถึงรอยกรีดบริเวณข้อมือของแด๊ดดี้ เลือดสีแดงสดยังไวออกมาอย่างไม่หยุดทำให้เขารู้สึกปวดใจ น้ำตาไหลออกมา
มิน่าล่ะ ทำไมของเหลวนี้มันจึงมีคุณค่าทางโภชนาและดับกระหายได้ดี ที่แท้เป็นเลือดของแด๊ดดี้นี่เอง
หากจะบอกว่าเซียวเซิ่งไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเขา เขาก็ยากที่จะเชื่อ เนื่องจากความรักที่เซียวเซิ่งมีต่อเขานั้น มันเกินขอบเขตกว่าพ่อลูกโดยทั่วไปเสียด้วยซ้ำ
......
หลังจากที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเดินทางออกมาจากสถานีตำรวจแล้วนั้น เธอก็ได้โทรศัพท์ไปหาอานฉุนซีเพื่อรายงานว่าเธอสบายดี แต่ไม่ต้องให้เขามารับ ส่วนตัวเธอไม่ได้โบกแท็กซี่ กลับเดินไปตามถนนเส้นที่ไปทางบริษัทด้วยความรู้สึกอันหดหู่และมืดมน
ความเจ็บปวดที่ต้องไปจากสวี่เจียนมันช่างเจ็บปวดจนทำให้เธอหายใจไม่ออก
เหมือนกับเข็มพิษทิ่มแทงใจครั้งแล้วครั้งเล่า มันช่างเจ็บปวดโชกเลือด และเนิ่นนานเหลือเกิน......
จู่ ๆ ก็มีรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งมาหยุดอยู่ข้างกายของเธอ “นี่เธอ ขึ้นรถ ฉันมีเรื่องจะบอก”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนราวกับไม่ได้ยิน เธอเดินต่อไปข้างหน้า
“นี่! ท่าทางแบบนี้มันอะไรกัน?” เอียนหยู่โรวรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกเพิกเฉย เธอผลักประตูรถออกไปแล้วเข้าไปจับแขนเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้ ถามด้วยความโกรธว่า “หูหนวกหรือยังไงกัน ไม่ได้ยินแม้กระทั่งคำพูดของพี่เหรอ?”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองไปที่เธอราวกับว่าไม่รู้จักกัน ผ่านไปสักพักเธอจึงเอ่ยถามด้วยความเงียบงันว่า “เอียนหยู่โรว เธอเป็นพี่สาวภาษาอะไรกัน?”
เอียนหยู่โรวยิ้มขึ้น “นี่ทำไมเธอถึงใจแคบแบบนี้ พี่ก็แค่ล้อเล่น ทำเป็นไม่รู้จักกันไปได้ ทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดต่อพ่อเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น