ที่จริงแล้ว เงื่อนไขแรกก่อนการให้กำเนิดลูกคือ: หลับนอนด้วยกัน
ตอนนี้เขินอายแล้ว
ใบหน้าของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน“ฉ่า”แดงก่ำใบจนถึงใบหูทันที ลำคอที่เดิมทีขาวสะอาดหมดจดเปื้อนไปด้วยก้อนเมฆแสงเรืองรองบางๆ ชมพูจนทำให้ผู้คนหลงใหล
“หม่ามี๊ เป็นอะไรหรือ? หน้าแดงๆ”เอี๋ยนต้าฟามองดูมารดาด้วยความประหลาดใจ แล้วก็หันไปมองทางบิดา
เซียวเซิ่งเหมือนกับคนที่ไม่เป็นไรอย่างไรอย่างนั้น มือกำลังพลิกเอกสารฉบับหนึ่งอยู่ พูดคุยกับเย่เฟิงประโยคหนึ่งเป็นครั้งคราว ไม่ได้คิดที่จะกู้หน้าแทนเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเลยสักนิด
“คือว่า......หม่ามี๊รู้สึกร้อนนิดหน่อย”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอามือกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างชำนาญ “ต้าฟา ลูกอยากเจอคุณตาไหม?”
“แน่นอนว่าต้องคิดถึงคุณตาอยู่แล้ว คิดถึงเป็นพิเศษ”หนุ่มน้อยมองมารดาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “คุณตาอ่อนโยนและใจดี ยิ้มแย้มด้วยความอ่อนโยนตลอดเวลา ยังวาดรูปแพนด้าเป็นด้วย ลูกชอบที่สุดเลย ลูกอยากเจอคุณตาตั้งนานแล้ว”
“คุณตาของลูกรักและทะนุถนอมพวกเรามาก”เมื่อคิดถึงตอนที่พ่อไปหาตนเองและลูกชายที่บ้านของอูเจินจูทุกวัน เพราะเป็นห่วงมาก เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกปวดปลายจมูกเล็กน้อย “อีกประเดี๋ยวคุณตาก็จะมาถึงแล้ว เขามาเพื่อมาเยี่ยมลูกโดยเฉพาะเลย”
“ถ้าอย่างนั้นลูกต้องเตรียมตัวสักหน่อย”เอี๋ยนต้าฟาดีใจจนบิดร่างกายเล็กไปมา สไลด์ตัวลงมาจากอ้อมอกของมารดา “ลูกจะนำขนมที่แดดดี้ซื้อมาให้ผมให้คุณตาทาน”
เจ้าก้อนแป้งรู้จักสำนึกในบุญคุณ รู้ว่าใครดีกับตนเอง ตนเองก็ควรจะดีกับคนนั้น
เขานำขนมคุณภาพดีที่แดดดี้ซื้อมาจัดวางไว้บนโต๊ะน้ำชา รอต้อนรับคุณตา และเฝ้าทางเดินเอาไว้ เพื่อป้องกันคุณตาหลงทาง
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยิ้มอย่างปลื้มใจ เดินไปข้างเตียงเล็กของลูกชาย นำผ้าห่มผืนเล็กที่เขาพับไม่เป็นระเบียบสักเท่าไหร่พับใหม่อีกครั้ง จัดผ้าปูที่นอนอย่างเป็นระเบียบ จัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งข้างในข้างนอก เหมือนกับคนที่ไม่เคยชินกับการอยู่ว่างๆ
“ท่านประธาน ผมว่าถึงแม้คุณเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจะอายุไม่มาก แต่ว่าค่อนข้างสุขุมรอบคอบ บนร่างกายกำลังเปล่งความเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมโดยกำเนิด” เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม
ด้วยความสวยเพียบพร้อมและสง่างามผ่าเผยของเธอตอนนี้ ยากที่จะเชื่อมต่อกับชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่ในอดีตของเธอเข้าด้วยกันได้
ถึงแม้เป็นเช่นนี้ ภายในใจของเย่เฟิงยังมีความเสียใจเล็กน้อยแทนท่านประธาน
ผู้ชายที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง ตบแต่งกับแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ชื่อเสียงไม่ดี ไม่ยุติธรรมต่อท่านประธานเสียเลย แต่ว่า ถ้าหากสี่ปีก่อนผู้ที่ช่วยท่านประธานเอาไว้เป็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเรื่องราวก็คงจะเป็นอีกแบบ
เย่เฟิงเคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี้กับโอเล่ย์ แต่โอเล่ย์กล่าวว่าความเป็นไปได้ไม่มาก
ตอนนี้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนใส่รองเท้าเบอร์36 เมื่อย้อนกลับไป สี่ปีก่อนเธอยังไม่เป็นผู้ใหญ่ อย่างมากสุดคงสวมรองเท้าเบอร์35 แต่ตอนนั้นรองเท้าสีขาวคู่นั้นที่เป็นหลักฐานคือเบอร์38 ทั้งยังเป็นส้นสูง นักเรียนมัธยมโดยทั่วไปไม่ใส่กัน
โอเล่ย์ก็เคยลองพูดคุยกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถึงเรื่องราวชีวิตที่มาของเธอ แต่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ยอมพูดถึงเรื่องในอดีต
เขาก็เคยไปที่โรงเรียนเก่าของเธอเพื่อตรวจสอบ สืบเจอเพียงแค่ชีวิตส่วนตัวของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยุ่งเหยิงมาก เพิ่งจะขึ้นมัธยมชั้นปีที่หนึ่งก็มีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่ในหอพัก ถูกจับได้คาหนังคาเขา หลังจากนั้นก็มีเรื่องอื้อฉาวอย่างต่อเนื่อง......
น่าตกใจจนโอเล่ย์ไม่กล้าเดินหน้าสืบต่อไป จึงหยุดไว้เพียงเท่านี้
ในเมื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ตั้งแต่แรก ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ใช่เธอที่ช่วยชีวิตท่านประธานอย่างเด็ดขาด เนื่องจากตอนนั้นที่ช่วยชีวิตท่านประธานเอาไว้ก็คือสาว~บริสุทธิ์คนหนึ่ง
ผู้หญิงไม่ดีมักดึงดูดให้ผู้ชายชอบ ตั้งแต่หนุ่มหล่อคนหนึ่งในกองกำลังตำรวจไปจนถึงเซียวเซิ่งนักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ในระหว่างนั้นยังปะปนไปด้วยอานฉุนซี โอเล่ย์ ฉู่หยู้ซี ผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่ยอดเยี่ยมที่สุด?
“ใช่ แกอย่าชมเธอ”เซียวเซิ่งกำลังอ่านเอกสาร พูดอย่างสงบเยือกเย็น “แกยังไม่เคยเห็นฉันก่อนหน้านี้ว่าถูกเธอทรมานจนน่าเวทนาขนาดไหน ขนรักแร้ก็ยังต้องให้ฉันโกนให้ เปลี่ยนผู้ชายคนอื่นก็ทนเธอไม่ไหว”
“ฮ่าฮ่า......” เย่เฟิงหัวเราะเสียงดังอย่างเบิกบาน “เพื่อที่จะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องทุ่มเทฝ่าฟันเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคให้ได้ไงล่ะ อีกอย่าง น่ารักจะตายไป ผมเองก็อยากมีแฟนสาวแบบนี้เช่นกัน”
“ได้ยินมาว่าแกถูกใจอูเจินจู?”เซียวเซิ่งซักถามอย่างไม่จริงจัง ในน้ำเสียงกลับแอบซ่อนไปด้วยความห่วงใยและเห็นใจลูกน้อง
“ก็ไม่ถือว่าถูกใจ ก็คืออยากจะหาใครสักคนเพื่อแต่งงานด้วย”เย่เฟิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ผู้ชายที่หลายใจเช่นเขานี้ เหมือนกับว่าไม่เหมาะกับการสร้างครอบครัว แต่ว่า อยู่ดีๆก็อยากจะแต่งงานกับอูเจินจู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น