เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 189

แต่ว่า “ฉัน” คนนี้หมายถึงใครมันก็ยังไม่แน่นอน

คิดถึงตรงจุดนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของกู้จ่านหนิงก็แข็งทื่อ และแอบด่าบรรพบุรุษของเซียวเซิ่งอยู่ในใจไปยกใหญ่

เมื่อนึกถึงว่าน้องสาวของตัวเองชอบไอ้หนุ่มหล่อคนนี้จะเป็นจะตาย มีความเป็นได้ด้วยว่าจะมีลูกด้วยกันในอนาคต เขาก็ได้ตบเข้าที่หน้าของตัวเองอีกสองครั้ง

มีคนประเภทหนึ่งที่ทำให้คุณจะรักก็ไม่ได้จะเกลียดก็ไม่ได้ นั่นก็คือเซียวเซิ่ง

โอเล่ย์ได้ขับปากานีออกไปแล้ว เรื่องมาถึงตรงนี้ก็ถือว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาไม่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิกทางอาญาข้อหาลอบโจมตีตำรวจหรอกนะ เรื่องที่ส่งผลกระทบต่อเอ็นซี ข้ามชาติ กรุ๊ป เขาจะไม่ทำอย่างแน่นอน

รถของหลินเซวียนนั้นไม่จำเป็นต้องบังคับให้จอดเลยสักนิด เห็นว่ามีคนขวางรถ เธอก็ได้จอดรถลงทันที แสดงบัตรเพื่อแสดงตัวตนพลางกล่าว “มีเรื่องอะไร?”

“คุณตำรวจ ช่วยด้วย!” บอดี้การ์ดชาวเสฉวนที่ถูกกู้จ่านหนิงอัดไปเมื่อก่อนหน้านี้ ได้กอดเข้าไปที่แขนของหลิวเซวียน ร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างเสมือนจริง “มีคนจะฆ่าผม!”

“ใครจะฆ่านาย?” หลินเซวียนขมวดคิ้ว คิดจะสะบัดมือของขาออก ทว่าชายคนนั้นกลับไม่ยอมปล่อย

“สวี่ สวี่เจียน”

“เหลวไหล!” หลินเซวียนแววตาแหลมคมขึ้นมา และผลักเขาออกไปอย่างแรง “นายกล้าใส่ร้ายผู้บัญชาการของเราได้ยังไง!”

“ผมจะกล้าใส่ร้ายเขาได้ยังไง!” บอดี้การ์ดคนนั้นคลานลุกขึ้นมาอีกครั้ง พูดอย่างจริงใจด้วยภาถิ่น “สวี่เจียนดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านของผมและไม่ยอมจ่ายเงิน ผมไปถามเอาเงินกับเขา แต่เขากลับอัดผมซะอย่างนั้น คนดูแผลบนหัวของผมสิ......ถ้าคุณไม่จัดการเรื่องนี้ ผมจะไปฟ้องเขา”

หลินเซวียนครุ่นคิด จากสถานการณ์ของสวี่เจียน ก็ใช้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำร้ายคนอื่น ดังนั้นจึงได้สะบัดหน้าให้กับบอดี้การ์ด “ขึ้นรถ พาฉันไปหาเขา”

“ครับผม” บอดี้การ์ดรีบขึ้นไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับทันที และเร่งรัดให้หลินเซวียนรีบไป

รถขับออกไป บัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจใบหนึ่งได้หล่นอยู่บนพื้น

บอดี้การ์ดคนนั้นเคยเป็นขโมยมาก่อน จึงได้ขโมยบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจของหลินเซวียนไปอย่างไร้สุ้มเสียง หลินเซวียนเป็นห่วงสวี่เจียน ถึงไม่ได้สังเกตเรื่องการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เลย

กู้จ่านหนิงได้ถ่ายรูปที่อยู่บนบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ และส่งไปให้น้าเสวี่ย “รีบส่งผู้หญิงที่มีหน้าตาคล้าย ๆ มาโดยด่วน”

ผู้หญิงของโกลเด้นฟีนิกซ์ล้วนเป็นคนมีความสามารถที่ผ่านการฝึกฝนในเรื่องชายหญิงมา แต่ละคนต่างก็มีประสบการณ์มากมาย ไม่มีปัญหาอะไรที่จะปลอมเป็นตำรวจหญิงคนหนึ่ง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินเซวียนได้มาถึงโกลเด้นฟีนิกซ์ ผู้หญิงของโกลเด้นฟีนิกซ์ได้ไปที่บ้านพักสำนักงานราชการ

โกลเด้นฟีนิกซ์ได้เปิดทำการตามปกติแล้ว เต็มไปด้วยความฟุ้งเฟ้อสำมะเลเทเมาคึกคักเป็นพิเศษ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนถูกทับถมไปด้วยกลิ่นอาแห่งโลกีย์ ราวกับว่าเคยเกิดเรื่องบาดหมางใด ๆ ขึ้นมาก่อนเลย

มองเห็นเงาร่างที่คุนเคย หลินเซวียนก็แอบบทอดถอนใจ

สวี่เจียนยังคงดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า เขาเพียงต้องการใช้แอลกอฮอล์มาทำให้ตนเองเหน็บชา ไม่ไปคิดพิจารณาเรื่องอื่น ๆ เลยสักนิด

แม้ว่าเขาจะปฏิเสธกู้จ่านหนิงไป แต่สภาพแวดล้อมที่วุ่นวายสามารถทำให้เขาลืมความเจ็บปวดไป บวกกับที่ไม่มีเงินติดตัวเลย ไม่จอดื่มที่อื่นก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นก็เลยอยู่ที่โกลเด้นฟีนิกซ์

“ผู้บัญชาสวี่” หลินเซวียนเดินไปนั่งลงที่ด้านหน้าของเขา และกล่าวอย่างเจ็บปวด “เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้เดินออกไปจากชีวิตของคุณแล้ว คุณเองก็ปลดปล่อยตัวเองเถอะนะ”

มือของสวี่เจียนชะงักลง ความรู้สึกเจ็บปวดเกิดขึ้นมาในหัวใจ ผ่านไปสักพัก เขาถึงได้ส่งเหล้าขม ๆ นั้นถึงริมฝีปากของตัวเอง เงยคอขึ้นและกลืนลง จากนั้นก็รินเหล้าอีกครั้ง

หลินเซวียนกดขวดเหล้าเอาไว้ “ความรักครั้งใหม่สามารถลบล้างความทรงจำอันเจ็บปวดได้ คนลองไปรักคนอื่นดูได้ไหม?”

“ไม่ได้” สวี่เจียนแสดงความหัวแข็งที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา “เธอแค่เดินออกไปจากการใช้ชีวิตผมชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้เดินออกไปจากชีวิตของผมเลย”

“มันไม่เหมือนกันหรอกเหรอ?”

“ไม่ รอคุณรักคนคนหนึ่งจนถึงกระดูกก็จะเข้าใจเอง แม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว ความรักที่ตัวเองมีให้เธอก็จะไม่ดับสูญไป มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น”

นัยน์ตาของหลินเซวียนหม่นหมองจนถึงเขตสุด เธอเห็นด้วยกับคำพูดนี้ เพราะเธอรักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาก มีความทุกข์เพราะความรัก

“คุณป้าสวี่ต้องการให้ฉันแต่งงานกับคุณ ช่วยคุณรับมือกับเคราะห์กรรม”

“แล้วคุณคิดยังไง?”

หนีเสือปะจระเข้ ต่อให้ยัยแก่นี่จะร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็รับมือง่ายกว่าเซียวเซิ่งอีกมาก

กู้จ่านหนิงยิ้มอ่อน ๆ ออกมา และกล่าวขึ้นมาอย่างตรงประเด็น “คุณป้าสวี่ ยังคงเป็นเรื่องนั้น ตะกูลสวี่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง มีต้นตระกูลที่ดี ตระกูลกู้ของผมคิดจะผูกดองเป็นญาติ น้องสาวของผมจะน้ำทรัพย์สินติดตัวแต่งเข้าไปด้วยหนึ่งพันล้าน”

“ต่อให้สองพันล้านก็ไม่มีทาง” คุณแม่ของสวี่เจียนมีท่าทางหยิ่งยโส ไม่ได้มองกู้จ่านหนิงตรง ๆ เลยสักนิด

จงเสี่ยฮวาหยิ่งยโสมาจนเคยชิน รู้ว่าอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเงินทอง ต่อให้กู้จ่านหนิงมีเงินแค่ไหน ก็ไม่มีที่ให้เขายืนได้ในสังคมระดับสูง

“คุณให้คุณอื่นปลอมเป็นหลินเซวียนบังคับฉันมา บัญชีนี้ฉันจะจำมันเอาไว้! อีกเดี๋ยวฉันจะโทรหาผู้บัญชาการไป๋ ให้เขาจัดการ”

“เชิญตามสบาย!” เมื่อเห็นเธอไม่คิดที่จะเจรจา กู้จ่านหนิงก็ได้เก็บรอยยิ้มไป ปรากฏใบหน้าเดิมของเขาออกมา ผ่านชีวิตในสังคมมายี่สิบปีก็ไม่ใช่คนโง่อะไร

ยกมือขึ้น เขาก็ได้ออกคำสั่งด้วยใบหน้าเย็นชา “เอาของมา”

“ครับผม” ลูกน้องได้ยื่นผ้าปูที่นอนชิ้นหนึ่งมาให้

กู้จ้านหนิงโยนผ้าปูที่นอนลงไปบนโต๊ะ น้ำชาสาดกระเซ็นออกมา หกลงไปบนร่างกายคุณแม่ของสวี่เจียน

“คุณทำอะไรของคุณ?” คุณแม่ของสวี่เจียตกใจกับความไร้มารยาทของกู้จ่านหนิง ลุกขึ้นมาด้วยความโมโห “เอาผ้าปูที่นอนสกปรกนี่มาทำไม?”

“นี่คือผ้าปูที่นอนที่สวี่เจียนเคยนอนมาก่อน! เมื่อคืนวาน เขาได้นอนกับน้องสาวของผม ทำให้น้องสาวของผมเสียความบริสุทธิ์”

“คุณพูดจาเหลวไหล!” คุณแม่ของสวี่เจียนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ หยิบแก้วชาขึ้นมาแล้วคว้างเข้าใส่กู้จ่านหนิง

กู้จ่านหนิงเบี่ยงตัวหลบอย่างไม่รีบร้อน และกล่าวอย่างเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้มแล “ผมได้หลักฐานมาแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมรับผิดชอบ ผมจะทำให้ชีวิตของเขามืดมน บอกว่าคุณมีต้นตระกูลที่ดี เพราะให้หน้าคุณ ก็จริงที่สามีและคนรักของคุณรับงานราชการ ถ้าผมสามารถดึงพวกเขาลงมาได้เมื่อผมต้องการ ให้กลายเป็นนักโทษ!”

“เหอะ ๆ คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?” คุณแม่ของสวี่เจียนมีสีหน้าเย้ยหยัน

พวกเขาอยู่ในหน่วยงานราชการมานานมีรากฐานที่มั่นคง ก็แค่หัวหน้ามาเฟียคนหนึ่งถืออะไรมาดึงพวกเขาลงจากม้า?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น