ช่างน่าอายเหลือเกิน!
ตอนที่แยกจากกันมาเธอสาบานว่าเธอจะไม่สอบได้ 0 คะแนนแน่ แต่ตอนนี้เธอกลับสอบได้ 0 คะแนน จะให้เธอเอาหน้าที่ในกลับไปหาสามี?
ดูเหมือนว่าต่อจากนี้เธอไม่ควรรับประกันใครอย่างลวก ๆ ในสิ่งที่อาจไม่เกิดขึ้นจริง
“ไร้ประโยชน์จริง” เสียงเย้ยหยันดังขึ้นข้างหู เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นพบกับถังเหวยที่ก้าวผ่านมาตรงเธอ บนหัวทำผมทรงมวยแบบผู้หญิงที่ดูแข็งแกร่ง แต่ร่างของเธอดูเหมือนกับแม่ไก่ที่เอาแต่ขัน ไม่มีความน่าเกรงขามเลย
เชอะ เย่อหยิ่งอะไรกัน?
เมื่อเห็นสภาพของเธอเป็นเช่นนี้ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจอีก เธอกอดอกเอนหลังที่เก้าอี้ มองไปยังเคาน์เตอร์ข้างหน้า คอยฟังว่าถังเหวยจะสบถอะไรออกมาอีก
“เอาล่ะค่ะ การสอบในตอนเช้าจบลงด้วยดี” ถังเหวยหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดแล้วมองไปรอบห้องด้วยรอยยิ้ม “ฉันดูคะแนนแล้ว โดยมากสอบได้ร้อยคะแนนเต็ม นั่นหมายความว่าทักษะพื้นฐานของทุกคนค่อนข้างที่จะดี ยินดีกับทุกคนด้วยนะคะ สำหรับคนที่สอบได้ 0 คะแนน ฉันรู้สึกผิดหวังจริงเชียว”
“อะไรนะ 0 คะแนน?” ทุกคนฮือฮาขึ้นมาแล้วมองไปรอบ ๆ เพื่อหาผู้ต้องสงสัยคนนั้น
“ใช่ 0 คะแนน ส่วนเป็นใครนั้นฉันไม่ขอเอ่ยชื่อ” ถังเหวยมองไปทางเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน สายตาของทุกคนมองไปตามแววตาของเธอนี่มันแย่ยิ่งกว่าเรียกชื่อออกมาเสียอีก
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถูกมองเสียจนหงุดหงิด เธอกัดฟันอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่งไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย สามีของฉันเป็นซีอีโอ ฉันจะไปกลัวอะไรล่ะ?
“หน้าหนายิ่งกว่าหนังหมูเสียอีก!” ถังเหวยมองเห็นเธอทำท่าทางสงบเช่นนั้นก็โมโหเสียจนสบถออกมา
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้ยินแต่ไม่ได้ด่ากลับ ไม่ใช่ว่าเธอมีคุณภาพจิตใจที่สูงส่ง แต่เป็นเพราะสามีของเธอคือคนที่มีเหตุผลและเงียบสงบเสมอ ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ทำให้ผู้คนไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้ เธอจึงได้ดูดซับพลังงานจิตของเขามาเล็กน้อย
“...... บางทีรอยหยักของสมองหล่อนอาจจะไม่มี” ถังเหวยระบายอารมณ์ออกมาเป็นการหยอกล้อ “ทุกคนลองคิดดูสิคะ ข้อสอบของเราแม้แต่เด็กประถมก็ยังตอบได้ ไม่น่าจะมีใครสอบได้ 0 คะแนนละมั้ง อีกอย่างเธอยังโกงข้อสอบด้วย”
“อะไรนะ โกงข้อสอบ ตอนที่เข้ามาสอบไม่มีใครเอาโทรศัพท์เข้ามาได้เลยแล้วจะโกงยังไง?” เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นทั่วทิศ ทุกคนพากันมองมาที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน
ข้อมือของเธอเผยออกมาบางส่วน ผิวขาวราวกับหิมะมีรอยขีดเขียนอยู่ข้างบน ก่อนหน้านี้แม้เซียวเซิ่งจะช่วยเธอลบออกไปแล้ว แต่ต่อมาเขากับโอเล่ย์สนทนากันเรื่องวิธีการโกงจึงไม่ได้ลบมันจนหมด
นี่ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาอธิบาย เนียนไปก่อนไม่ต้องพูดอะไรมาก
เดิมทีถังเหวยต้องการทำให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอับอายจนถึงที่สุด เธออยากจะเห็นท่าทางอันตื่นตระหนกของหล่อน แต่เมื่อเห็นท่าทางอันสงบนิ่งของหล่อนดังนั้น เธอก็รู้สึกเบื่อหน่ายแล้วพูดว่า “หวังว่าเธอคนนั้นจะออกจากเอ็นซีกรุ๊ปด้วยตนเอง ไม่ฉะนั้น ก็คงไม่พ้นชะตากรรมที่ต้องถูกไล่ออก”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่พูดอะไร เธอจะไม่ไปไหนทั้งชีวิต จะทำอะไรเธอได้?
“เอาล่ะ คนที่สอบได้ 0 คะแนนอยู่ต่อก่อน ส่วนเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ จะไปทำงานตามแผนกของตนเองได้ทุกคนตั้งใจทำงานเข้าล่ะ ฉันจะฝึกฝนทุกคนเอง” ถังเหวยกล่าวขึ้นพร้อมแรงผลักดัน
“ขอบคุณ ผู้จัดการถัง”
ผู้คนที่เดินทางเข้ามาสอบค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละกลุ่ม บางคนก็เผยอปากยิ้มกระซิบกระซาบว่า “หน้าตาก็ดี แต่ปกติแล้วคนสวยมักจะไร้สมอง พระเจ้าไม่ยุติธรรมหรอก ถ้าให้อีกอย่างหนึ่งกับเธอก็จะไม่ได้อีกอย่างหนึ่ง”
“เธอสวยเหรอ? ทำไมฉันมองไม่ออก”
“ตาบอดหรือไงสวยขนาดนั้น ไม่อย่างงั้นมีเหตุผลอะไรกันที่เข้ามาในบริษัทของเราได้แม้กระทั่งสอบ 0 คะแนน......”
“จะว่าไปก็ใช่อยู่ ที่แท้เข้ามาขจัดปัญหาทางร่างกายและจิตใจให้พวกผู้นำนี่เอง ผู้จัดการถังเก่งกาจจริง ๆ กล้าไปยุ่งกับคนแบบนี้”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอดไม่ไหวแล้วลุกขึ้นยืน เธอใช้มือข้างหนึ่งยกหน้าจอคอมแล้วถอดปลั๊กด้านหลังออก
“นี่เธอจะทำอะไร?” ถังเหวยเข้าไปหยิบหน้าจอนั้นไว้ด้วยความโมโห “จะขโมยทรัพย์สินของบริษัทหรือไง!”
“กรุณาระวังคำพูดของคุณด้วย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองไปที่เธอด้วยความใจเย็นแล้วพูดว่า “ฉันสงสัยว่าหน้าจอแสดงผลจะมีปัญหา ต้องการจะนำไปตรวจสอบสักหน่อย ฉันเอาไปตรวจสอบไม่ได้ขโมย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น