เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 223

บ่ายสามโมงกว่า อูเจินจู เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทั้งสองคนมาถึงเทอร์มินัล 1 ของสนามบิน

พ่อแม่ของอูเจินจูมาถึงตอนสี่โมงเย็น เดาว่าสี่ดมงครึ่งถึงจะออกมาได้ ตอนนี้พวกเธอทำได้เพียงรออย่างใจเย็น

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเพิ่งนั่งลง จู่ๆ รู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบแปลกประหลาด ทุกคนมองไปในทิศทางเดียวโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ แถมยังวิพากษ์วิจารณ์อะไรบางอย่างเสียงเบา

“นี่ เซี่ยจิ่นสวยจริงๆ สมกับที่เป็นสตรีหมายเลข 1 แห่งจงโจว ใกล้ห้าสิบแล้ว ยังเหมือนกับสามสิบอยู่เลย”

“เสียดายที่ถูกพี่สาวของสามีทารุณ ตามหลักไม่อ่อนข้อไปกว่าตระกูลเซียว ทั้งสองตระกูลถือว่าเป็นกิ่งทองใบหยกกัน ไม่รู้ว่าเธอกลัวอะไรพี่สาวของสามี?”

“เดาว่ามีจุดอ่อนอยู่ในมือพี่สาวสามี ถึงอย่างไรในสังคมชั้นสูงของจงโจวมีเรื่องเล่าว่า เพียงแค่เซียวจุนหรูกลับมา เซี่ยจิ่นต้องรอที่สนามบินทั้งคืน”

เซี่ยจิ่น?

ได้ยินชื่อนี้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองตามสายตาของทุกคนไป เธอเห็นเพียงผู้หญิงท่าทางสง่างามคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น

ถึงแม้จะสวมแว่นดำปิดหน้า กลับไม่สามารถซ่อนความงามและความสง่างามของเธอได้ ท่าทางมีเกียรติโดดเด่น ให้ความรู้สึกแปลกแยกรุนแรงที่เทียบไม่ได้ ไม่ ไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัวเป็นอย่างมาก

เป็นคุณแม่เซี่ยจิ่นของเซียวเซิ่งจริงๆด้วย

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเคยเจอแม่สามีครั้งหนึ่ง ไม่มีทางลืมความสวยงามของเธอไปตลอดชีวิต คนสวยที่สูงศักดิ์แบบนั้น เป็นเหมือนกับที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ ว่าจะอยู่ข้ามคืนที่นี่จริงเหรอ?

“เสี่ยวเหนียนหยู เธอดูอะไรอยู่น่ะ?” อูเจินจูเล่นโทรศัพท์ไปด้วยถามไปด้วย

“อ๋อ ไม่มีอะไร ฉันไปห้องน้ำหน่อยนะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไปร้านค้าข้างๆ ซื้อน้ำโซด่านำเข้าขวดหนึ่งแล้วใส่ในกระเป๋า จากนั้นก็เดินไปทางเก้าอี้แถวที่เซี่ยจิ่นนั่งอยู่...

เธอยังไม่ได้เข้าใกล้ ก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ที่แผ่ซ่านมาจากร่างกายของเซี่ยจิ่น

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอดขมวดคิ้วไม่ได้ สุภาพสตรีสูงศักดิ์ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต กลับต้องรออยู่ที่สนามบินทั้งคืนในสภาพแวดล้อมเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจแบบนี้ คนในครอบครัวไม่สนใจเหรอ?

ถ้าหากพวกเขาไม่สนใจ เช่นนั้นเธออยากจะสนสักหน่อย

เพราะว่ารักเซียวเซิ่ง ดังนั้นต่อให้ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับสถานะของเธอ เธอก็ยังเห็นตัวเองเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเซียว

“ขอโทษด้วยค่ะ คุณเข้าใกล้ไม่ได้นะคะ” ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มาจากไหน ผู้หญิงรูปร่างสูงใหญ่ น่าจะเป็นบอดี้การ์ดลับของเซี่ยจิ่น

“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นลูกสะใภ้ของคุณนายเซียว” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดเสียงเบา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดอัลบั้มภาพ

ด้านในมีภาพถ่ายคู้ของเธอกับเซียวเซิ่ง สำเนาแสกนทะเบียนสมรส และยังมีรูปภาพสองสามรูปของเซี่ยจิ่น เธอส่งมาจากโทรศัพท์ของเซียวเซิ่ง

บอดี้การ์ดหญิงตรวจสอบหมายเลขทะเบียนสมรส แล้วตรวจสอบเลขบัตรประจำตัวประชาชนของเธอ ถึงได้พยักหน้าให้เธอ “ฉันเสียมารยาทไปหน่อยค่ะ คุณนายน้อย คุณสามารถเข้าไปได้ค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองไปทางเซี่ยจิ่น ปลุกความกล้าเดินไปข้างหน้า “คุณแม่ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?”

จู่ๆ เสียงหวานดังขึ้น เซี่ยจิ่นตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เห็นใบหน้าเหมือนวิญญาณตามติด

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหน้าตาไม่เลว ใบหน้าสะอาดดูสบายตา รอยยิ้มสดใสน่ารัก แต่เธอไม่ชอบ

“เธออย่าเรียกมั่วๆ นะ รอบๆ มีนักข่าว!” เซี่ยจิ่งพูดเตือน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย รักษาท่าทางสตรีผู้สูงศักดิ์ที่หยิ่งยโส “คุณผู้หญิงคนนี้ คุณจำผิดคนแล้ว”

“งั้นหนูเรียกเสียงเบาหน่อย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยังยิ้มไม่หุบ เดินไปนั่งลงข้างเธอ แล้วถามอย่างสนิทสนม “คุณแม่ มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วคะ? เหนื่อยไหม ดื่มน้ำหน่อยไหมคะ?”

เซี่ยจิ่นขยับไปด้านข้าง หน้าตารังเกียจ

“คุณแม่ คุณแม่ชอบดื่มน้ำโซดาใช่ไหมคะ?” นี่คือสิ่งที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหลอกออกมาจากปากของโอเล่ย์

ตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างดีกับเซียวเซิ่ง ก็เริ่มให้ความสนใจกับความชอบของคนในครอบครัวอย่างเงียบๆ อันที่จริงเธอเจ้าเล่ห์มาก เพียงแต่ไม่เคยใช้ความเจ้าเล่ห์พวกนี้ทำเรื่องชั่ว...

เซี่ยจิ่นกระหายนิดหน่อยจริงๆ แต่ไม่รับความหวังดีของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “เวลาทำงานเธอไม่อยู่ทำงานที่บริษัท รอโดนไล่ออกได้เลย”

“หนูลางานแล้วคะ ช่วงบ่ายวันนี้อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ที่นี่”

“ทำไมเธอหน้าหนาขนาดนี้?” พูดประโยคหนึ่งเรียกแม่คำหนึ่ง ฟังจนเซี่ยจิ่นอึดอัดใจ

“หนูหน้าหนา...ตั้งแต่ยังเล็กค่ะ ไม่ว่าคนอื่นจะว่าหนูยังไง หนูก็ไม่สนใจ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขยับเข้าใกล้ตวเธอ “อย่างเช่นครั้งนี้หนูสอบได้ศูนย์คะแนน คนในบริษัทพูดว่าหนูปัญญาอ่อน หนูไม่ใส่ใจเลยสักนิด...”

เซี่ยจิ่งนั่งอยู่เงียบๆ สีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม พระอาทิตย์ส่องแสงที่ไปที่เท้าของเธอ ให้ความรู้สึกถึงความงามที่ไม่อาจล่วงล้ำได้

จนกระทั่งเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหยุดพูด เธอถึงได้หัวเราะเยาะ “คนที่ไม่มีความละอายใจ แตกต่างจากสัตว์ตรงไหน? ฉันไม่รับสัตว์เป็นลูกสะใภ้”

“ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง หนูไม่ใช่สัตว์ เป็นคน” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเสียงเรียบเฉย พูดอย่างไม่รีบร้อน “หนูคือภรรยาของเซียวเซิ่ง สามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย คุณยอมรับลูกสะใภ้คนนี้เถอะค่ะ”

“เธอทำไมเหมือนกับปลิง?”ในที่สุดเซี่ยจิ่นก็โมโหแล้ว

แต่สถานที่สาธารณะ เธอจะแสดงความโมโหไม่ได้ ดังนั้นแม่สามีลูกสะใภ้คุยกันเหมือนกับสายลับ ภายนอกดูคลื่นลมสงบ ภายในคลื่นลมโหมกระหน่ำ

“คุณแม่ หนูแค่อยากจะตอบแทนพระคุณคุณแม่” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนท่าทางซื่อสัตย์มากๆ “เซียวเซิ่งบอกว่า เขาเป็นผู้ชายไม่ได้ละเอียดอ่อนขนาดนั้น ต่อไปหน้าที่ตอบแทนคุณแม่ให้หนูเป็นคนดำเนินการ”

“ไม่ต้องแล้ว” เซี่ยจิ่นปฏิเสธอย่างเย็นชา

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ใส่ใจกับความรังเกียจของเธอ “หนูสามารถเกลี้ยกล่อมให้เซียวเซิ่งคืนดีกับคุณพ่อได้และก็เตือนเขาว่าให้กลับไปหาคุณพ่อคุณแม่สัปดาห์ละครั้ง ถ้ากคุณแม่อยากให้พวกเราอยู่ที่คฤหาสน์หลังเก่า พวกเราก็จะย้ายกลับไป ครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

คำพูดของเธอมีแรงดึงดูดมาก เซี่ยจิ่นใจสั่น จู่ๆ รู้สึกแสบปลายจมูก

ลูกชายกับสามีมีปมในใจ สิบปีแล้วที่เซียวเซิ่งไม่ได้เรียกพ่อ พ่อลูกสองคนท่าทางโหดเหี้ยม เจอหน้าก็มีปากเสียง ไม่เหมือนกับครอบครัวเดียวกัน ถ้าหากสามารถแก้ปมนี้ได้ เธอยอมเสียสละทุกอย่าง

แต่ว่า การเสียสละนี้ไม่ควรจะเป็นชื่อเสียงของตระกูลเซียวกับความสุขของเซียวเซิ่ง

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนชื่อเสียงยุ่งเหยิง คำบอกเล่าแย่มาก ถ้าหากเธอยอมรับลูกสะใภ้คนนี้ ตระกูลเซียวจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะ เธอยังไม่เลอะเลือนถึงขั้นนั้น...

“เรื่องของตระกูลพวกเราเธออย่ายุ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัว! พูดตามตรง แม้แต่ใส่รองเท้าให้เซียวเซิ่งเธอก็ไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ”

เหรอ?

“คุณพูดได้ถูก” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพยักหน้า เธอไม่เคยใส่รองเท้าให้เซียวเซิ่ง แต่เซียวเซิ่งใส่ให้เธอ

คิดถึงความดีของสามี ท่าทางของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเคารพรอบคอบยิ่งกว่าเดิม “คุณแม่ หนูไปส่งคุณแม่กลับบ้านเถอะค่ะ! นั่งอยู่ตรงนี้นานๆ หนูกลัวว่าคุณแม่จะรับไม่ไหว”

“เธอพูดว่าฉันแก่เหรอ ร่างกายแย่มากเหรอ?” เซี่ยจิ่นไม่พอใจอย่างมาก เปล่งประกายออร่าอันทรงพลังอย่างสุดจะบรรยาย

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่อยากอธิบาย เธอย้อนคำพูดกลับมา “คุณแม่ อันที่จริงหนูรู้ว่าคุณแม่กำลังรอคุณป้าอยู่ที่สนามบิน ถ้าหากคุณแม่ไม่กลับไปกับหนู หนูจะบอกเซียวเซิ่ง ให้เขามารับคุณแม่ด้วยตัวเอง”

“เธอกล้าเหรอ!” เซี่ยจิ่นกำหมัดแน่น “ฉันเคยเตือนเธอแล้ว ว่าห้ามยุ่งเรื่องของครอบครัวฉัน! อย่าพูดมั่วต่อหน้าเซียวเซิ่ง ไม่อย่างงั้นฉันจะให้เธอกับลูกชายของเธอผิดใจกัน!”

ห๊ะ?

เมื่อพูดถึงลูกชาย เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนความกล้าถดถอย เธอพูดอธิบายเสียงเบา “หนูไม่ได้พูดมั่ว แต่จะให้ไม่ให้เซียวเซิ่งรับรู้ แบกรับชื่อเสียงในทางไม่ดีที่อกตัญญูเหรอคะ? ทั้งเมืองจงโจวใครบ้างไม่รู้ว่าคุณแม่ถูกคุณป้ารังแก—”

“หุบปาก!” เซี่ยจิ่นสีหน้าเปลี่ยนทันที เหมือนกับสัมผัสถูกของต้องห้าม ระเบิดขึ้นมาทันที!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น