เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 245

“คุณเซียว เป็นอะไรไปหรือเปล่า?” เอี๋ยนจื้อโก๋วเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ

เซียวเซิ่งเงยหน้าขึ้น ให้ความร้อนในดวงตานั้นถอยกลับลงไปยังก้นบึ้งของหัวใจ “พ่อตาครับ ภายในหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้เสี่ยวเนี่ยนมีติดต่อมาบ้างหรือเปล่า?”

“ไม่มีนะ” เอี๋ยนจื้อโก๋วเอ่ยขึ้นมาอย่างมั่นใจ “หนึ่งชั่วโมงนี้ฉันคุยกับหยู่โรวตลอด เป็นเพราะว่าเธอยอมที่จะออกไปจากมายด์ฮาร์ท วิลล่าแล้ว ฉันเองก็ดีใจมาก”

เอียนหยู่โรวไม่เคยเชื่อฟังขนาดนี้มาก่อน ความจริงเดิมทีแล้วเธอไม่ได้คิดที่จะถอยไป แต่เห็นว่าแพลตฟอร์มใหญ่ๆกำลังผลักดันการแต่งงานใหม่ของเซียวเซิ่งที่หย่าร้างไปแล้ว จึงไว้หน้าพ่อขึ้นมาทันที

หลักการที่ว่าเสร็จเรื่องแล้วก็ถีบหัวส่ง เธอก็เข้าใจ

ถ้าหากเธอไม่ถอยออกมา เช่นนั้นแล้วเซี่ยจิ่นก็จะรวบรวมแรงระเบิดมาจัดการกับเธอ บดขยี้เธอเหมือนกับบดขยี้แมลงง่ายๆแบบนั้น.....

เอี๋ยนจื้อโก๋วไม่ได้เห็นข่าวเหล่านี้ เขายังคิดว่าลูกสาวคนโตนั้นเปลี่ยนไปว่าง่ายขึ้นแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ แล้วพบกันนะครับ” เซียวเซิ่งเอ่ยพูดอย่างรวดเร็ว

ฟังออกถึงความร้อนรนในน้ำเสียงที่แสดงออกอย่างชัดเจน ในใจของเอี๋ยนจื้อโก๋วดิ่งลงมาทันที “เดี๋ยวก่อน! คุณหมายความว่าอะไร? หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ยวเนี่ยน?”

เซียวเซิ่งปวดหัวมาก รีบอธิบายขึ้นมา “ไม่ใช่ครับ เมื่อกี้มีทะเลาะกับผมนิดหน่อย เธอไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือออกไปด้วย ผมไปหาเธอก่อน” ตู๊ด!

“อา.....” เห็นทางนั้นวางสายไปแล้ว เอี๋ยนจื้อโก๋วก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป หนวดเครานั้นขาวลงไปอีก เปล่งประกายอยู่ใต้แสงอาทิตย์ตกดิน

ไม่ถูก ไม่ถูกต้องมากๆ

เซียวเซิ่งเป็นใคร? เป็นคนที่ทำแต่เรื่องใหญ่ๆ เป็นคนที่ข่มอารมณ์ไว้ได้ เป็นคนที่แข็งแกร่งไม่เกรงกลัวอะไร!

ตอนนี้เขาข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ นั่นจะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน! หรือว่าเสี่ยวเนี่ยนจะหายไปแล้ว?

การรับรู้ในช่วงเวลานี้ ทำให้หัวใจของเอี๋ยนจื้อโก๋วสับสนวุ่นวายมาก เขาเอาโทรศัพท์มือถือยัดเข้าไปในกระเป๋า รถประจำทางมาแล้วก็ไม่ขึ้น ถือกระเป๋าแล้วก้าวไปทางด้านหน้าอย่างรีบร้อน หาลูกสาวสำคัญกว่า

แสงอาทิตย์ในยามเย็นทำให้เงาของเขายาวขึ้น เป็นความโดดเดี่ยวมากอย่างเห็นได้ชัด

ในหัวของเอี๋ยนจื้อโก๋วมีภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองขโมยเอาตัวเสี่ยวเนี่ยนที่น่าสงสารออกมาจากบ้านของหมีแพนด้าเมื่อ21ปีก่อนปรากฎขึ้นมา

อา ถ้าหากรู้ว่าเธอจะต้องมาได้รับกับความทุกข์ยากลำบากแบบนี้ ตอนนั้นก็สู้ทิ้งให้เธออยู่กับแม่หมีแพนด้าดีกว่า อยู่ในป่าธรรมชาติอย่างน้อยก็ไม่มีคนรังแกเธอ สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็มีความรู้สึกเช่นกัน แต่คนกลับไร้ความรู้สึก.....

เซียวเซิ่งประครองพวงมาลัยด้วยมือหนึ่ง แล้วมองไปรอบๆอย่างร้อนใจ โทรศัพท์มือถือแนบอยู่ที่หู เขากำลังโทรหาอูเจินจู

อูเจินจูเองก็ไม่เห็นเสี่ยวเนี่ยนเช่นกัน หลังจากที่วางสายเซียวเซิ่งไปแล้ว เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ขับรถไปหาคนด้วยเช่นกัน

ได้ยินว่าเสี่ยวเนี่ยนหายไปแล้ว เย่เฟิงเองก็ร้อนรนจนควันขึ้นเช่นกัน

ในใจของเขา เสี่ยวเนี่ยนไม่เพียงแค่เป็นภรรยาท่านประธานเพียงเท่านั้น ยังเป็นแม่สื่อของเขา เป็นเหมือนเทพีเสรีภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักและสันติภาพที่มีตัวตนอยู่! มีค่าพอที่จะให้เขาเคารพและปกป้องไปตลอดชีวิต…..

ดังนั้นสมองของเขาจึงไม่ได้คิดพิจารณาแล้ว ลงมาจากเตียงทันที แล้วเดินเท้าเปล่าไป แต่เดินไปได้สองสามก้าวถึงได้พบว่าขาของตัวเองนั้นยังพิการอยู่ จึงล้มลงไปที่พื้นดังตุบ

รับรู้ได้ว่าตัวเองไม่สามารถออกไปตามหาได้แล้ว เขาก็รีบคลานไปทางด้านหน้า ปีนป่ายไปตรงหน้าเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมา พลางนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นโทรออกติดๆกันเป็นสิบกว่าสาย

เครือข่ายของเย่เฟิงนั้นกว้างขวางมาก ไม่ว่าจะขาวหรือดำ ก็เป็นเรื่องที่สามารถหาคนมาช่วยได้เพียงแค่เอ่ยประโยคเดียว พวกบรรดาเพื่อนๆของเขารับสายแล้ว ก็รีบพาคนกลุ่มหนึ่งออกตามหาทันที พยายามที่จะทำให้ไม่เกิดความเคลื่อนไหวขึ้น

เนื่องจากเย่เฟิงกำชับเอาไว้ว่าเรื่องนี้ไม่ให้เผยแพร่ออกไป เจอเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแล้วก็ไม่ต้องทำให้คนอื่นตกใจ โทรกลับมาหาเขาก็พอ.....

ท้องฟ้าค่อยๆมืดสลัว มีนกบินผ่านท้องฟ้าอันปรอดโปร่ง

พระอาทิตย์ตกดินก็เหมือนกับเด็กดื้อคนหนึ่ง ถอยหลังไปถอยไป แล้วจู่ๆก็ตกลงไปในถังสีแดงขนาดใหญ่ สาดกระเซ็นไปทั่งท้องฟ้า ช่างงดงามยิ่งนัก

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไล่ตามพระอาทิตย์ตก เหมือนกับวิญญาณเร่รอนไร้ญาติกวัดแกว่งอยู่บนถนน เดินไป เธอก็เห็นคฤหาสน์แบบจีนแห่งหนึ่งที่บดบังด้วยไผ่ที่เขียวขจี

คิดว่าถึงคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลเซียวแล้ว ในใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกตกตะลึง เดินไปได้สองก้าวเธอก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องอีกครั้ง หันกลับมามองอย่างละเอียด......

คฤหาสน์หลังนี้ไม่ค่อยเหมือนกับวิลล่าตระกูลเซียว ถึงแม้ว่าล้วนแต่เป็นสไตล์สวนป่าเจียงหนานที่เป็นภูเขาซ้อนๆกัน แต่การตกแต่งของวิลล่าตระกูลเซียวดูงดงามและเยือกเย็น ดูเรียบง่ายและหรูหราอยู่บ้าง ส่วนที่นี่เป็นการแกะสลักอย่างละเอียดประณีต ดูเหมือนกับเพื่อเป็นการข่มวิลล่าตระกูลเซียวเอาไว้แบบนั้น

ป้ายแขวนด้านบนประตูนั้นมีตัวอักษรตัวใหญ่ว่า “หวางจูฝู” ความหมายของตัวอักษรก็อธิบายแล้ว ว่าคงจะเป็นคฤหาสน์ที่พักของคนตระกูลหวาง

แต่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกลับไม่เห็นด้วย

เธอเอียงศีรษะมองอยู่นาน พลางเอ่ยพูดขึ้นมานิ่งๆ “คงจะเป็นเรือนของตระกูลจูหรือเปล่า? ตัวอักษรที่อยู่บนป้ายแขวนด้านบนประตูสามารถเขียนแยกออกจากกันได้ มีความหมายสำคัญเหลือเกิน”

คนที่มีท่าทางเหมือนเป็นพ่อบ้านที่เดินผ่านมาทางด้านข้าง ได้ยินคำพูดนี้แล้วจึงชะงักฝีเท้าลง แล้วมองเธอด้วยความประหลาดใจ

เด็กผู้หญิงที่งดงามคนนี้ ดวงตาที่ดูประณีต ใบหน้ามีมิติ รูปร่างท่าทางอ่อนหวาน ใช้ความว่า สวยสดงดงาม มาบรรยายได้เลย เพียงแต่คราบน้ำตาบนใบหน้าที่แห้งติดอยู่บนผิวที่ขาวเนียนนั้น ดูแล้วทำให้ดูน่าสงสารจับใจ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นว่ามีคนมองตัวเองอยู่ ในใจจึงลนลานขึ้นมา หันหลังเดินไป ส่วนพ่อบ้านก็รีบเดินเข้าไปในลานบ้าน ไปหาคุณท่านที่ห้องหนังสือ.....

หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้าง นั่งลงบนก้อนหินภูมิทัศน์ที่อยู่ด้านนอกรอบกำแพง เท้าแขนทั้งสองข้างเอาไว้บนเข่า ยันหน้าผากเอาไว้พลางครุ่นคิด

ในหัวของเธอนั้นปรากฏภาพของเซี่ยจิ่น ถังเหวย เอียนหยู่โรว กู้ซีหนิง เซียวซา....คนเหล่านี้ล้อมรอบหัวเราะเยาะเธอ หมุนไปรอบๆเสียจนเธอรู้สึกเวียนหัว

สองวันมานี้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกไม่สบายมาตลอด บางทีก็เป็นเพราะความกดดันที่สะสมมามากจนเกินไป ค่อยๆมาถึงขีดสุด การแท้งและการฆ่าตัวตายของเซียวซา ทำให้เธอแบกความรู้สึกผิดเอาไว้ แต่ที่ทำร้ายเธอจริงๆแล้วนั้นก็คือ- - การสูญเสียชีวิตแต่งงานกับเซียวเซิ่งไปนั่นเอง

หากหย่ากันแล้ว ก็จะกลับมาแต่งงานกันใหม่อีครั้งยากแล้ว

ข้างบนก็ยังมีเซี่ยจิ่นกดเอาไว้อยู่ ข้างล่างก็มีแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนที่คอยหาความยุ่งยาก...เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ใช่คนเลอะเลือน เรื่องบางเรื่องก็มองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นเธอจึงอยากจะรักษาชีวิตการแต่งงานช่วงนี้ รักษาเซียวเซิ่งเอาไว้

แต่ทว่าในที่สุดแล้วก็ต้องเสียไป สูญเสียผู้ชายคนที่เธอรักที่สุดไป

จู่หัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา แสบจมูกเสียจนไม่สามารถหายใจได้ น้ำตาก็เอ่อล้นขอบตาอย่างห้ามไม่อยู่ ขนตาหนาของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสั่นเทา น้ำตาทั้งสองสายไหลลงมาไม่หยุด....

เซี่ยจิ่น เซียวซา เอียนหยู่โรว พวกเขาเองก็เป็นคนเหมือนกัน ทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้?

“แม่ ทำไมแม่ต้องทำให้หนูเกิดมาด้วย?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาศีรษะพิงอยู่บนก้อนหิน คิดถึงมารดาของตัวเอง

“ในเมื่อแม่คลอดหนูมาแล้ว ก็ต้องเลี้ยงดูหนูอยู่เป็นเพื่อนหนูสิ ทำไมจะต้องตายไปด้วย? ในเมื่อแม่จะตาย แล้วทำไมก่อนตายถึงได้พาหนูไปด้วย ทิ้งลูกตัวเองไว้ให้ต้องได้รับความทุกข์อย่างนั้นเหรอ? แม่.....”

ตอนที่ต้องมาพบเจอกับความยากลำบากคนเดียว คนที่นึกถึงคนแรกเลยก็คือมารดาของตัวเอง แต่เธอไม่มีมารดาแล้ว

ถ้าหากแม่ไม่ตาย เธอก็จะไม่ได้รับกับความทรมานมากมายขนาดนี้ ต่อให้ไปเป็นขอทานกับแม่ ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ก็ล้วนแต่เป็นความสุขแบบหนึ่ง....

แต่ตัวเองได้กำหนดไว้แล้วว่าจะไม่มีโชคชะตานั้น แม่ตายไปแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ในลำคอของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ข่มกับอาการร้องไห้ไม่ได้อีกแล้ว สะอึกสะอื้น แล้วก็ร้องไห้โดยไม่ได้ส่งเสียงออกมา....

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหมืองทองคำหลัวไต้

ฉินเหรินเฟิ่งกำลังอยู่ในออฟฟิศ และทันใดนั้นเองในใจก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา จากนั้นอวัยวะภายในร่างกายก็เหมือนกับถูกมือที่มองไม่เห็นฉีกขาด รู้สึกเจ็บจนเธอน้ำตาไหลออกมา

ได้ยินเสียงร้องไห้ กงเสวียนโม่ที่อยู่ในชุดดำนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ละสายตาออกมาจากกองเอกสาร ดวงตาดำสนิทมองไปยังฉินเหรินเฟิ่งอย่างลึกซึ้ง ริมฝีปากโค้งอย่างสง่างาม เห็นได้ชัดว่ากำลังเยาะเย้ยอยู่

เธอเองก็มีช่วงเวลาที่น้ำตาตกเหมือนกัน หายากจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น