เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 246

ฉินเหรินเฟิ่งได้ชื่อว่าเป็นคนใจแข็งในอาชีพธุรกิจ แข็งแกร่งและมีสายตาที่เฉียบแหลม โดดเด่น เล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ ในฐานะที่เป็นผู้พลิกสถานการณ์ในวงการอัญมณี ผู้หญิงที่สูงตระหง่าน รู้ไม่ถึงแก่นก็ไม่ได้

ดังนั้น น้ำตาสำหรับเธอแล้วไม่มีเคยมีอยู่เลย

แต่เวลานี้ น้ำตาร้อนๆของเธอกลับไหลลงมา คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน เป็นการยากที่จะซ่อนความทุกข์ระทมในใจเอาไว้ กงเสวียนโม่จึงต้องให้ความสำคัญขึ้นมา

“ร้องไห้อะไรน่ะ?” เขาเอ่ยถามนิ่งๆ น้ำเสียงเย็นชาไม่มีความอบอุ่นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

บุคคลในสังคมชั้นสูงของจงโจวมีสองที่พึ่งชั่วคราว - -เซียวเซิ่งและกงเสวียนโม่ ระดับความหล่อเหลาของทั้งสองคนบรรลุถึงขั้นสุด ระดับความเย็นชาก็ยอดเยี่ยมที่สุดเช่นกัน

ถ้าหากทั้งสองคนนี้มาพบกันโดยบังเอิญ คนที่อยู่รอบๆก็จะประสบกับหายนะ ลมกรรโชกแรง หิมะโปรยปรายปกคลุมไปทั่วพื้นดิน ทำให้ชีวิตคนสองสามชีวิตแช่แข็งตายไปได้เลย

“ในใจของฉันรู้สึกแย่มาก เจ็บเหมือนกับมีดกรีด” ฉินเหรินเฟิ่งเช็ดตรงหางตา เอาเอกสารที่ตัวเองต้องตรวจสอบด่วนทั้งหมดดันมาที่โต๊ะของกงเสวียนโม่ “โม่ ฉันต้องไปแล้ว พวกนี้คุณจัดการแทนฉันก็แล้วกัน”

“สภาพคุณแบบนี้ จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

กงเสวียนโม่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ มือทั้งสองประสานกันไว้ตรงใต้คาง มองฉินเหรินเฟิ่งด้วยสีหน้านิ่งๆ “ถ้าหากสะดวก คุณสามารถระบายความในใจกับผมได้นะ หลังจากนั้นผมจะได้ตัดสินให้ว่าคุณจะไปได้หรือเปล่า”

ฉินเหรินเฟิ่งยกมือขึ้นมาตีลงบนหน้าอก น้ำตาคลอ สีหน้าท่าทางเศร้าสลด “ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยพูดถึงกับคุณมาก่อนเลยว่าความจริงแล้วฉันเคยมีลูกแล้ว”

แววตาของกงเสวียนโม่เปลี่ยนไปอย่างจริงจังขึ้นมา พลางเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา “ลูกชาย ลูกสาว?”

เขาสนใจเรื่องเพศของเด็กมากกว่า เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สไตล์ของเขาเลย

แต่ฉินเหรินเฟิ่งนั้นเศร้าเกินกว่าจะมาสนใจประเด็นสำคัญของเขา “ฉันรู้เสียที่ไหนกันว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว? คลอดออกมาฉันก็ไม่เคยเห็น เป็นหรือตายก็ไม่รู้ แต่จากอายุที่มากขึ้น ฉันก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงการมีชีวิตอยู่ของลูก เขาคงยังไม่ตาย”

“แล้วผู้ชายคนนั้นของคุณล่ะ?” กงเสวียนโม่จ้องมองเธอ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินฉินเหรินเฟิ่งพูดถึงผู้ชายคนนั้น และนี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาถาม

“ขาดการติดต่อไปแล้วค่ะ ฉันเองก็เคยหาเขาอยู่หลายปี แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนั้นจะหาเจอได้ยังไง? ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือเปล่า” เมื่อนึกถึงคนรักในอดีต ฉินเหรินเฟิ่งก็รู้สึกเสียใจผิดหวัง ใบหน้าที่สวยงามมีน้ำตาไหลอาบลงมา

คู่หมั้นของเธอชื่อจูเลี่ยหาน แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกว่าหล่อแล้ว ความจริงแล้วนั้นตัวจริงของเขาหล่อยิ่งกว่า หล่อแม้กระทั่งแค่ใบหน้าด้านข้าง

ในปีนั้นที่ฉินเหรินเฟิ่งถูกตระกูลศัตรูไล่ตามจับ ในระหว่างที่หนี ลูกก็หลุด ดังนั้นจึงตกใจกลัวมาก จนถึงตอนนี้แม้ว่าเธอจะร่ำรวย ก็ยังคงทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจ ไม่กล้าทำให้รู้กันไปทั่ว และยิ่งไม่กล้าบอกใครด้วยเช่นกันว่าตัวเองก็คือม้งเสี่ยวเฟิ่งลูกสาวของหัวหน้าตระกูลม้งกู่ในตอนนั้น

เธอเคยแอบตามหาคู่หมั้นอยู่สองสามปี แต่ไม่มีเบาะแสะเลยแม้แต่นิดเดียว ระยะเวลาผ่านไปนาน ความคิดที่อยากจะตามหาคนนั้นก็จางหายไปแล้ว แต่ฉินเหรินเฟิ่งก็เคยลืมคู่หมั้นของเธอ เพื่อเขาแล้วตัวเองจึงอยู่เป็นโสดมาตลอด ไม่เคยสัมผัสผู้ชายอีกเลย.....

“การร้องไห้มันแก้ปัญหาไม่ได้หรอกนะ” กงเสวียนโม่ขมวดคิ้วขึ้น แล้วดึงกระดาษทิชชู้ส่งให้ฉินเหรินเฟิ่ง

ถึงแม้ว่าเขาจะใจแข็ง แต่กับคู่ขาที่ร่วมธุรกิจกันมานานถึงสามปี ก็เต็มใจที่จะใส่ใจอยู่แล้ว “ความจริงแล้วผมเองก็มีเรื่องนึงที่ยังไม่ได้บอกคุณเหมือนกัน.....”

“เรื่องอะไรคะ?” ฉินเหรินเฟิ่งเช็ดน้ำตาพลางเอ่ยถาม

“เรื่องของคุณ กับเรื่องของผม บางทีก็เป็นเรื่องเดียวกัน” กงเสวียนโม่เอ่ยพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

เขาลุกขึ้นยืน เดินมาตรงด้านหน้าตู้เหล้าอย่างสง่างาม รินไวน์ไว้สองแก้ว แล้วยื่นส่งให้กับฉินเหรินเฟิ่งแก้วหนึ่ง “รู้ว่าทำไมผมถึงได้เลือกคุณมาเป็นคนที่ร่วมหุ้นด้วยไหม?”

ปกติแล้วกงเสวียนโม่เกลียดการร่วมทำงานกับผู้หญิงมากที่สุด เนื่องจากผู้หญิงมักจะเกิดอารมณ์ได้ง่ายเกินไป ทำให้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินมองและวิเคราะห์ปัญหาจากสภาพจริง แต่เขากลับไม่ลังเลที่จะรับฉินเหรินเฟิ่งมาเป็นคนที่ร่วมหุ้นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว

นอกจากจะชอบที่เธอมีความสามารถในการเข้าใจเหตุผลได้ดีแล้ว ก็ยังมีอีกจุดหนึ่งคือฉินเหรินเฟิ่งคล้ายกับผู้หญิงที่ตายไปแล้วของเขาเช่นกัน

เมื่อห้าปีก่อน กงเสวียนโม่มีความสามารถที่เปิดเผยออกมาในบรรดาลูกชายของตระกูลกง เขารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของกิจการครอบครัวอย่างFSกรุ๊ป ซึ่งก่อนที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการพิสูจน์ความสามารถ เขาออกแบบเรือสำราญสุดหรูที่มีชื่อว่า “ซอร์โร” เป็นหมายเลขการคุ้มครองการเดินเรือ

บนเรือสำราญนั้น เขาได้พบกับเด็กผู้หญิงสวยที่มีกระอยู่บนจมูกคนหนึ่ง ในตอนนั้นเด็กผู้หญิงกำลังถูกพิษรัก และเพื่อเป็นการช่วยเธอ ตัวเขาเองกับเธอจึงเกิดความสัมพันธ์ขึ้น.....

และเวลานี้ เส้นทางของเรือสำราญก็เบี่ยงเบนไป ชนเข้ากับเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่กว่าเป็นตันเข้าอย่างแรง เรือสำราญจมลงไป ทุกคนบนเรือล้วนแต่ตายกันหมด.....

กงจิ่นเจิ้งผู้เป็นพ่อนั้นรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการการปกปิดประวัติที่น่าอับอายช่วงนี้ของลูกชาย จึงส่งเขาไปที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไม่อนุญาตให้ออกไปไหนเลย.....

ฉินเหรินเฟิ่งได้ยินเขาพูดจบแล้ว ก็ตกใจไม่สามารถดึงสติกลับมาได้อยู่นาน “คุณหมายความว่า ผู้หญิงคนนั้นเหมือนฉัน สงสัยว่าจะเป็นลูกสาวของฉันอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ เพราะฉะนั้นผมถึงได้มาร่วมงานกับคุณ” กงเสวียนโม่แกว่งไวน์ระดับสูงที่อยู่ในแก้วอย่างสง่างาม แล้วพูดถึงจุดประสงค์ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา

“เหอะ” จู่ๆฉินเหรินเฟิ่งก็หัวเราะขึ้นมา แต่หัวเราะนั้นยิ่งดูแย่กว่าร้องไห้เสียอีก “คนก็ตายไปแล้ว คุณจะยังพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาอีก!”

กงเสวียนโม่มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “พ่อของผมบอกว่าคนทั้งเรือสำราญนั้นตายกันไปหมด มีผมที่มีชีวิตอยู่คนเดียว แต่เป็นการพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างเห็นได้ชัด ผมเชื่อได้ไหม?”

ตรงหน้าฉินเหรินเฟิ่งสว่างขึ้นมา พลางรีบเอ่ยขึ้น “เพราะฉะนั้น เธอคงจะยังมีชีวิตอยู่”

“อืม” มุมปากของกงเสวียนโม่ยกขึ้น จิบไวน์ “ผมลืมเธอไม่ได้ อยากจะไปหาเธอ แม่ผมก็บอกแต่ให้ผมหมั้นกับเซียวซา แล้วจะปล่อยให้ผมกลับไป ผมก็รับปากอย่างไม่ลังเลซักนิดเดียว สิ้นปีผมก็สามารถกลับไปได้แล้ว”

ฉินเหรินเฟิ่งลุกพรวดขึ้นมาด้วยความโมโห “คุณกับเซียวซาหมั้นกันแล้ว ยังจะหาลูกสาวฉันไปทำไมอีก! ฉันไม่อนุญาต ฉันจะหาเอง”

“ผมกับเซียวซาเราโตมาด้วยกัน มีเพียงแค่ความเป็นพี่น้องเท่านั้น จะให้เป็นสามีภรรยามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว” ใบหน้าของกงเสวียนโม่นิ่ง และเย็นชาเสียจนทำให้คนรู้สึกเดือดดาล

ความโมโหของฉินเหรินเฟิ่งหายไปในทันที “ฉันเข้าใจแล้ว คุณเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากเธอ”

“ต่อไปเธอเองก็สามารถใช้ประโยชน์จากผมได้เหมือนกัน” กงเสวียนโม่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเลวทรามเลยซักนิด “ระหว่างคนเรานั้น เดิมทีก็เป็นความสัมพันธ์ที่จะต้องใช้ประโยชน์และถูกหลอกใช้กันอยู่แล้ว คนหนึ่งคนที่มีคุณค่าในการใช้ประโยชน์ เธอควรจะดีใจ”

“มีเหตุผลดีนี่” ในใจของฉินเหรินเฟิ่งเต็มไปด้วยความหวังขึ้นมาอีกครั้ง บนใบหน้ามีรอยยิ้ม ยกแก้วขึ้นมาชนกับกงเสวียนโม่ “ฉันกลับประเทศก่อน แล้วจะไปสืบเรื่องเรือสำราญในปีนั้น หลังจากนั้นค่อยสืบตามเบาะแสนั้น”

“ฉลาดนี่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับไปวันพรุ่งนี้เลย” ดวงตาคู่สวยของฉินเหรินเฟิ่งหรี่ลงเล็กน้อย มองทอดออกไปไกล มองไปยังภูเขาที่อยู่ล้อมรอบเขตเหมืองแร่ หัวใจนั้นกลับไปอยู่ที่ลูกสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ลูกรัก ลูกเป็นอย่างไรบ้าง? แม่มีทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนี้ ล้วนแต่เป็นของหนูทั้งนั้น! ความร่ำรวยนี้ล้วนแต่เป็นของลูกทั้งหมด!

ในตอนนั้นท้องของตัวเองใหญ่ขนาดนั้น ถ้าหากว่าเป็นฝาแฝดก็คงดี แน่นอนว่าจะเป็นพี่สาวน้องสาวเธอเองก็ไม่ถือเช่นกัน เลือดเนื้อของตัวเองจะเป็นอย่างไรก็รักอยู่ดี....

จงโจว หวางจูฝู รถหรูสีดำคันหนึ่งขับออกไปอย่างเร่งรีบ

“คุณท่าน เมื่อครู่นี้ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงนี้ครับ” พ่อบ้านชี้ไปตรงที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเคยยืนอยู่

“ตามไปสิ” เสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้นจากเบาะทางด้านหลัง

“ครับ” พ่อบ้านเพิ่มความรถของรถ และทันใดนั้นเองก็ค่อยๆเหยียบเบรก “คุณท่าน ผมเห็นเธอแล้ว เด็กผู้หญิงคนที่นั่งอยู่บนก้อนหินตรงนั้นครับ....อา ดูเหมือนจะกำลังร้องไห้อยู่ น่าสงสารจริงๆ”

ภายในรถชายวัยกลางคนที่ดูหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตามองไปยังด้านนอกหน้าต่างรถ มองอย่างเงียบๆพักหนึ่ง เปิดประตูรถลงมา แล้วเดินไปทางเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น