เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 247

สีท้องฟ้านั้นยิ่งมืดลงเรื่อยๆ แสงอาทิตย์ที่งดงามนั้นตกลงไปหลังภูเขาทั้งหมดแล้ว ขอบฟ้ายังหลงเหลือแสงสีแดงอ่อนๆอยู่

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนร้องไห้พอแล้ว ดึงชายกระโปรงมาเช็ดน้ำตาจนแห้ง

เธอไม่เคยโทษเทวดาฟ้าดิน แต่ครั้งนี้รู้สึกแย่เกินไปแล้วจริงๆ จึงบ่นโทษมารดาอย่างขอไปที เวลานี้สงบลงแล้ว ในใจก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

แม่คงจะไม่ได้อยากตาย และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะพาเธอให้ตายไปด้วยกัน อย่างเช่นถ้าหากเธอตายไป ก็เหมือนกับที่หวังจะให้เอี๋ยนต้าฟามีชีวิตอยู่ต่อไปแบบนั้น.....

“แม่คะ หนูขอโทษนะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหลับตาลง สองมือพนมมือไหว้ แล้วสัมผัสที่หน้าผาก “ความจริงแล้วหนูไม่ได้โทษแม่เลยซักนิดเดียว แม่หลับให้สบายนะ สุดสัปดาห์หนูจะพาต้าฟาไปไหว้ที่สุสาน ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ”

เห็นเธอน่ารักแบบนี้ ผู้ชายที่อยู่ข้างๆก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ดูน่าเกรงขามที่ผ่านมาเป็นหลายสิบปี

อธิษฐานเสร็จ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็จะหันหลังเดินไป

แต่วินาทีต่อมานั้น เธอก็เหมือนกับตกใจและถอยหลังไปหลายก้าว

“ขอโทษทีนะ ทำให้เธอตกใจ” ตรงหน้าไม่รู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผู้ชายร่างใหญ่ที่ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ สบตากันแล้ว ดวงตาแบบนั้นของเขาดูคุ้นเคยขนาดนั้น เหมือนกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน

ในใจเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสั่นเทา อดที่จะมองผู้ชายคนนั้นนานๆไม่ได้

เขาแต่งตัวดูดี ทรงผมก็เป็นทีน่าดึงดูดมาก ดวงตาสีดำล้ำลึกไร้คลื่นส่องประกายออกมา ด้านบนริมฝีปากมีหนวดเคราที่ดูเป็นระเบียบ สีของริมฝีปากเป็นสีอ่อน เขาเหมือนกับตระกูลผู้ดีที่อยู่ในภาพน้ำมันยุคกลางแบบนั้น ทำให้เกิดความรู้สึกเคารพยำเกรงได้อย่างไม่มีเหตุผล

ผู้ชายคนนั้นมองเธอเช่นกัน บนใบหน้าที่มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แววตากลับอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

เด็กผู้หญิงที่ดูสวยสะอาดบริสุทธิ์ที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวนี้ ทำให้เขานึกถึงอดีตที่ลึกซึ้งที่ไม่มีวันลืมในช่วงหนึ่งขึ้นมา นึกถึงม้งเสี่ยวเฟิ่ง หน้าตาของพวกเธอนั้นดูเหมือนกันมาก....

“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ เป็นฉันเองที่ไม่ทันได้ระวัง” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหายใจยาวๆออกมา ทำให้หัวใจที่กำลังเต้นอยู่คงที่ แล้วก้มหน้าให้กับเขา แล้วเดินเลี่ยงไปก้าวหนึ่งเพื่อจะออกไป

“แม่หนู รู้จักกันหน่อยได้ไหม?” น้ำเสียงที่ดูดีและดึงดูดของผู้ชายคนนี้อ่อนโยนมาก ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆได้อย่างง่ายดาย เขามองไปยังคฤหาสน์พลางเอ่ยขึ้น “ฉันเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เอง ชื่อหวางจู ชื่อของเธอคือ?”

หวางจู?

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตะลึงงันไป ในใจนั้นปฏิเสธชื่อจริงๆของเขา ผู้ชายที่ดูมีอำนาจแบบนี้ จะมีชื่อที่ดูเป็นนักวิชาการขนาดนี้ได้เสียที่ไหนกัน?

แต่ปากก็ไม่กล้าพูดออกไป : “คุณหวางสวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนค่ะ”

“เสี่ยวเนี่ยน....”ริมฝีปากบางเอ่ยพูดสองคำนี้ขึ้นมา ดูเหมือนกับเป็นการขัดเกลาด้วยความประณีต คุณหวางจูยิ้มบางๆออกมา “ชื่อดีนี่”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยิ้มตอบกลับเขา เป็นการยิ้มแบบฝืนๆ “คุณหวางคะ ฉันจะต้องกลับบ้านแล้ว ถ้าหากมีโชคชะตาอีก เอาไว้พบกันครั้งหน้านะคะ”

“เธอไม่มีรถใช่ไหม?” หวางจูมองไปรอบๆ “ฉันจะออกไปพอดี ไม่รู้ว่าบ้านของเสี่ยวเนี่ยนอยู่ที่ไหน? ถ้าหากเป็นทางผ่าน ก็ไปด้วยกันได้นะ”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก ไม่ได้ดูใกล้ชิดจนเกินไป และไม่ได้ดูห่างเหินจนเกินไปด้วยเช่นกัน บุคลิกที่เป็นสุภาพบุรุษสุขุมเป็นผู้ใหญ่ควบคุมได้ดีมาก

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่เพียงแค่ไม่ได้ขับไล่เขาเพียงเท่านั้น แต่กลับรู้สึกสนิทใจเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ บ้านของเธออยู่ที่ไหนกัน?

ก่อนหน้านี้ยังมีสามี แต่วันนี้หย่ากันแล้ว เดิมทีเธอคิดว่าไม่มีทะเบียนสมรสก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของตัวเองกับเซียวเซิ่ง ใครจะรู้ว่าเธอประเมินค่าตัวเองเอาไว้สูงเกินไป ไม่มีทะเบียนสมรส ก็ไม่ถูกกฎหมายแล้ว เธอไม่กล้าที่จะเกาะติดเขา ไม่กล้าพูดออกมาได้อย่างเต็มที่ว่าจะกลับไปบ้านของเขาได้เช่นกัน....

ส่วนบ้านของพ่อ เธอกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะไม่กลับไป มิเช่นนั้นตัวเองก็จะเป็นแมลงปีกแข็งในช่วงเดือนหก ถูกแม่ลูกหวงฟางจิกเสียจนไม่เหลือชิ้นดี....

หวางจูเห็นแววตาที่สั่นไหวของเธอแล้ว ตรงหว่างคิ้วก็เผยความกังวลออกมา ในใจอดที่จะบีบแน่นไม่ได้ “ไม่มีบ้านเหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น