เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 259

หลังจากนำบิดาส่งกลับไปที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลเซียว เซียวเซิ่งก็ขับรถอยู่บนท้องถนนไปเรื่อยๆ ทั่วทั้งเมืองจงโจวถูกเขาเที่ยวชมจนครบรอบหนึ่งแล้ว

ไฟทางยังคงสลัวแบบนั้น คนสัญจรก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ เหลือแค่เขาที่ยังไร้บ้านให้กลับเพียงคนเดียวเท่านั้น

ในระหว่างนั้นพ่อบ้านเซี่ยได้โทรศัพท์มาหา เชิญให้คุณชายกลับมายด์ฮาร์ท วิลล่า บอกว่าเอียนหยู่โรวไปแล้ว ไม่มีคนกวนแล้ว

เซียวเซิ่งตอบกลับเพียงประโยคเดียว“ฉันยอมให้เธอยังอยู่”แล้วก็วางสาย

ไม่มีเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เขากลับไปยังมีความหมายอะไร? ถ้าหากไม่สามารถนำร่างกายเล็กที่ขาวนุ่มราวกับหิมะกลับมากอดไว้ในอ้อมอกได้ ไม่ได้ดมกลิ่นหอมสะอาดบนเส้นผมของเธอ ตนเองยอมลอยไปลอยมาอยู่บนท้องถนน ก็ไม่ยินยอมกลับไปนอนไม่หลับอย่างหงอยเหงาคนเดียว

แรกเริ่มเดิมทีพ่อบ้านเซี่ยมาได้เข้าใจว่าคุณชายหมายถึงอะไร ตอนหลังมาคิดๆดู คงจะหมายความว่าหากเอียนหยู่โรวอยู่ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็จะอยู่ด้วย

เฮ้อ คุณชายน่าสงสารมากจริงๆ

คนที่อยู่สูงมักโดดเดี่ยว เขาปรารถนาที่จะมีครอบครัวมากกว่าใครๆ หลังจากที่มีเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ในที่สุดบนใบหน้าของคุณชายมีรอยยิ้ม นิสัยก็อ่อนโยนมากกว่าเมื่อก่อนมากมาย

บัดนี้ ครอบครัวที่อบอุ่นก็ถูกทำให้แยกทางกันแบบนี้ คุณชายคงไม่ยอมกลับมาแล้ว......จะทำให้ใจของคนไม่ปวดร้าวได้อย่างไร

เซียวเซิ่งขับรถไปถึงเขตชุมชนที่อูเจินจูอาศัยอยู่ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถ้าหากไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะพยายามอยู่ใกล้กับสถานที่ที่เธออยู่ให้ได้มากที่สุด

กลัวว่าจะถูกเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพบเข้า เซียวเซิ่งนำรถขับไปที่ด้านหน้าของตึกที่อยู่ถัดไปหลังหนึ่ง

เอนเบาะรถลงไป ทันทีที่เขาอยากจะเอนตัวสักครู่ ก็มองเห็นอูเจินจูเดินออกมาจากชั้นล่างกับใครบางคน ที่ใบหน้าค่อนข้างคุ้นตา——สวี่เจียน

พี่ชายคนนี้ยังไม่ตัดใจอีกหรือ?

นึกว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหย่าแล้ว เขาก็สามารถฉวยโอกาสนี้แทรกกลางได้ใช่ไหม? อย่าแม้แต่จะคิด!

เซียวเซิ่งยิ้มเย็นยะเยือกทันที หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรไปหาโอเล่ย์ “ฉันว่าผู้บัญชาสวี่อารมณ์ไม่ค่อยดี นายส่งคนไปอารักขาเขาสักหน่อย ถ้าหากกระโดดแม่น้ำก็นำเขาลากขึ้นมา แขวนคอก็กอดขาเขาเอาไว้ เอาเป็นว่าอย่าให้เสียเวลาพิธีแต่งงานวันพรุ่งนี้”

“ครับ ท่านประธาน”โอเล่ย์ตอบรับคำหนึ่งแล้วก็เอ่ยถามขึ้น “พรุ่งนี้ท่านและเสี่ยวเนี่ยนจะร่วมพิธีแต่งงานใช่ไหมครับ?”

“อืม”

“เสี่ยวเนี่ยน......เธอสบายดีใช่ไหมครับ? ตอนนี้ท่านอยู่ด้วยกันกับเธอไหมครับ?”โอเล่ย์ไม่วางใจอยู่เล็กน้อย

“ไม่อยู่”พูดสองคำง่ายๆ เซียวเซิ่งก็วางสายไป

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ กล่าวว่าไม่มีทะเบียนสมรสก็จะไม่อยู่ด้วยกัน เขาจะมีปัญญาทำอะไรได้?

เงินทอง อำนาจ ตำแหน่งของเหล่านี้ของตนเอง ยังมีใบหน้าอันหล่อเหลาน่าทึ่งราวกับแกะสลัก ข้อดีทั้งหมดควรค่าแก่การให้ผู้หญิงลุ่มหลง แต่เมื่อเป็นเธอกลับไม่มีผล ไม่มีผลแล้ว......

มือทั้งสองข้างของเซียวเซิ่งหนุนอยู่ที่ด้านหลังศีรษะเอนตัวนอนบนเบาะรถ ดวงตาที่เย็นชาล้ำลึกคู่นั้นยังคงส่องประกายแวววาวท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี มองไปทางหน้าต่างบ้านของอูเจินจู ที่ไฟยังคงสว่างอยู่

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็นอนไม่หลับเหมือนกันละมั้ง? จะต้องกำลังร้องไห้คิดถึงเขาอยู่แน่นอน กำลังภาวนาให้เขาโทรศัพท์ไปหา

ผู้หญิงคนนั้นจะต้องคิดไม่ถึงแน่นอน ว่าระยะห่างของพวกเขาจะใกล้แค่นี้! เซียวเซิ่งเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ภายในใจมีความลำพองใจอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน คิดถึงเฮียก็โทรศัพท์มาหาซิ อนุญาตให้เธอโทร

หลับตาลง เขาอยากจะหลับสักประเดี๋ยว แต่ว่าพลิกตัวไปมาก็นอนไม่หลับ หรือว่าเขาคิดถึงเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมากกว่า?

ยัยหนูนั่นช่างก็ไร้ความเมตตามากจริงๆ แม้แต่ข้อความก็ไม่ส่งมาหา

เธอไม่ส่ง ถ้าอย่างนั้นเขาส่งเองก็ได้ เซียวเซิ่งหยิบมือถือรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ฝังเพชรสีดำออกมา เขียนข้อความหนึ่งฉบับแล้วส่งไป

ครืดครืด

ด้านบนตึก ในขณะที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้อย่างเหม่อลอย ในตอนนี้เองอยู่ๆโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นสองครั้ง เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความที่เซียวเซิ่งส่งมา ในใจของเธอก็สั่นเทาทันที ดวงตาที่เดิมทีเศร้าหมองก็เปล่งประกายขึ้นมาทันทีทันใด เปิดข้อความอย่างตื่นตระหนกอย่างทำอะไรไม่ถูก

[ทำไมยังไม่นอน?]

จะนอนได้ยังไงล่ะ? เมื่อคืนวานนี้ยังร่วมเตียงเคียงหมอนอยู่กับสามี คืนวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงที่หย่าร้าง จมูกของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนปวดร้าวขึ้นมาทันที ปิดริมฝีปากเอาไว้ น้ำตาเอ่อล้นที่หางตาครั้งแล้วครั้งเล่า

คิดถึงคุณ เซียวเซิ่ง

คิดถึงจนอยากจะควักหัวใจออกมา

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทุกข์ใจอยู่หลายนาทีถึงตอบกลับข้อความเขาฉบับหนึ่ง [ฉันแปลกที่ นอนไม่ค่อยหลับ จะนอนเดี๋ยวนี้ คุณเองก็หลับให้ดีดีเถอะ ฝันดี พรุ่งนี้เจอกัน]

เมื่อเซียวเซิ่งอ่านข้อความจบ รีบโทรศัพท์ไปหาทันที กล่าวอย่างหน้าหนา “ในเมื่อยังไม่หลับ ถ้าอย่างนั้นก็คุยเป็นเพื่อนผมเถอะ”

“ฉันอยากนอนแล้ว”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอ่อนเพลียไปทั้งตัว ท้องยังคงร้องโครกโครก เรี่ยวแรงที่จะพูดก็ใกล้จะหมดแล้ว

เธอหิวอยู่นิดหน่อย เนื่องจากเจินจูทำอาหารไม่เป็น ที่บ้านไม่มีวัตถุดิบเลยสักนิด ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว จะสั่งอาหารเดลิเวอรี่ก็ไม่เหมาะสม อยากจะหาอะไรกินสักหน่อยก็ไม่ได้ เธอกำลังคิดว่าถ้าหลับก็ไม่หิวแล้ว

เซียวเซิ่งได้ยินเสียงท้องร้องโครกครากนั้น ยิ้มอย่างสงสาร “งั้นเธอนอนเถอะ”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ เขาก็ขับรถออกไป ตรงไปยังร้านโจ๊กที่เปิดขายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงร้านหนึ่ง สั่งโจ๊กไก่ฉีกกับปลาเงินกลับบ้านสองชุด

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสองคนแม่ลูกต่างก็ชอบกินโจ๊กไก่ฉีกเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญที่สุดก็คือตอนกลางคืนกินโจ๊กเพราะย่อยง่าย

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง กริ่งประตูบ้านของอูเจินจูก็ดังขึ้น

“ใครอีกเนี่ย?”อูเจินจูวางโทรศัพท์มือถือลง ใส่รองเท้าแตะเดินไปเปิดประตู ก่อนหน้านี้สวี่เจียนเคาะประตูอยู่ด้านนอก ขอร้องวิงวอนพบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสักครั้ง ถูกเธอปฏิเสธอย่างใจดำ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเสียใจเพราะเรื่องหย่าร้างก็มากพอแล้ว เจอหน้าแฟนเก่าอีก จะพูดอะไรได้อีกล่ะ? ทุกคนก็มีแต่จะอึดอัดใจเท่านั้น

อูเจินจูมองผ่านตาแมว ร่างสีดำไร้ความรู้สึกร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวเซิ่ง เธอก็โมโหมากกว่าเดิมทันที เปิดประตูแล้วเดินออกไป มือสองข้างกอดอกแล้วถามด้วยความไม่เกรงใจ “คุณเซียว คุณมาเยือนที่นี่มีธุระอะไรหรือคะ?”

“คุณรำคาญผมมาก?”เมื่อเห็นลักษณะท่าทางที่เต็มไปด้วยความต่อต้าน เซียวเซิ่งยิ้มอย่างสบายๆทันที ในดวงตามีความสง่างามลอยไปทั่วทุกสารทิศ

เขาเขาเขา......จะหล่อเกินไปแล้วมั้ง?

อูเจินจูถูกความหล่อทำให้หัวใจสั่นไหวทันที ดวงตาเหม่อลอย ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะได้สติกลับคืนมา “ฉันขอสบประมาทคุณ ก็เพราะแค่ที่สิ่งที่เรียกว่าความกดดันของครอบครัว คุณถึงกับทอดทิ้งเสี่ยวเนี่ยน จะอ่อนแอมากเกินไปแล้วมั้ง?”

เซียวเซิ่งถูกยั่วโมโหก็ไม่โกรธ นำกล่องโจ๊กส่งไปยังตรงหน้าของอูเจินจู “ได้ยินมาว่าคุณชอบปลาเงิน ผมให้ร้านโจ๊กเพิ่มเป็นพิเศษหนึ่งชุด”

เมื่อได้กลิ่นโจ๊กไก่ฉีกที่หอมสดชื่น อูเจินจูสูดจมูกอย่างเคลิบเคลิ้ม “คุณก็ซื้อให้ฉันด้วยหรือ?”

“แน่นอน”เซียวเซิ่งยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำขลับเปล่งประกายราวกับดวงดาว มีเสน่ห์เป็นที่สุด

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนุ่มหล่อแบบนี้ ใครยังจะกล้าบ่นด้วยความไม่พอใจกันเล่า? อูเจินจูรับโจ๊กมา เปิดประตูออกอย่างสุภาพ “เข้ามานั่งสักเดี๋ยว?”

“ได้”

“เอ่อ......”อันที่จริงแล้วอูเจินจูเชิญแค่เป็นมารยาทเท่านั้น ใครจะรู้ว่าผู้ชายบางคนเดินเข้ามาในห้องของหญิงสาวสองคนอย่างไร้ยางอาย ทำตัวราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของห้องนี้

อูเจินจูแขวะเขาอยู่ในใจครู่หนึ่ง ถึงจะเดินตามเข้าไป “เอ๋ คุณเซียว คุณคิดว่าจะอยู่นานขนาดไหนหรือ? ตอนนี้เสี่ยวเนี่ยนไม่เหมาะที่จะพบใครทั้งนั้น ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาสวี่มา ฉันก็ไม่ได้ให้เข้าห้อง”

ไม่ได้ให้เข้าห้องหรือ?

เซียวเซิ่งแอบยิ้ม ไม่แปลกที่ใบหน้าของสวี่เจียนจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง จากไปด้วยความเศร้าหมอง

“รอเธอทานข้าวเสร็จ ฉันก็ไป”เซียวเซิ่งเดินไปที่ด้านหน้าโซฟาแล้วนั่งลง ขาทั้งสองข้างไขว้กันอย่างสง่างาม “อ่อใช่แล้ว เจินจูต่อไปคุณเรียกชื่อผมตรงๆก็พอ เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น เรียกคุณเซียวดูห่างเหินมากไปไหม?”

โฮะโฮะโฮะ~อูเจินจูแอบหัวเราะอย่างเสียสติอยู่ในใจ เซียวเซิ่งคนนี้หัวแข็งคนนี้ ก็มีวันนี้เช่นกันหรือ? สะใจจริงๆ!

“ถ้าอย่างงั้นก็ได้ ฉันเอาข้าวไปส่งให้เธอก่อน”

“เอ่อ พี่เจินจู......”เซียวเซิ่งกำหมัดแน่นเม้มริมฝีปากเอาไว้ กระแอมเบาๆทีหนึ่ง “ช่วยผมถามหน่อย ว่าเธออยากหรือไม่อยากพบผม ได้ไหม?”

พี่เจินจู

ปากนี้จะหวานเกินไปแล้วละมั้ง? ใครจะปฏิเสธคำขอร้องของเขาได้ล่ะ?

“ได้ เดี๋ยวฉันจะช่วยลองถามเธอดูให้นะ ดูว่าเธอจะยอมหรือไม่ยอมพบคุณ”ความรู้สึกที่ได้ถูกคุณชายหัวแข็งไร้ความรู้สึกผู้สูงส่งคนนี้นับเป็นเพื่อน ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

“ขอบคุณมาก”เซียวเซิ่งยิ้มให้เธอด้วยความซาบซึ้งใจ รอยยิ้มนั้นสวยงาม ทำให้แสงของดวงดาวที่อยู่เต็มท้องฟ้าสีซีดจาง

หัวใจสีแดงดวงใหญ่สองดวงไหลออกมาจากในดวงตาของอูเจินจู เธอตบที่บริเวณหน้าอก พูดอย่างเสี่ยงตายเพื่อเพื่อน “เอาอย่างนี้ อีกเดี๋ยวฉันจะช่วยคุณขอร้องเป็นอย่างดี ถ้าไม่ไหวจริงๆฉันก็จะถอย แล้วเหลือพื้นที่ไว้ให้คุณ!”

ทำยังไงได้ ใครใช้ให้เซียวเซิ่งเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในตลอดชีวิตยี่สิบสามปีของเธอที่เคยเจอมากันละ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น