“ไม่ได้”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนส่ายหน้าไปมา “ทานของกินแล้วไม่แปรงฟัน รู้สึกตลอดเวลาว่าแมงกินฟันกำลังแทะฟันฉันจนหมด ไม่มีทางนอนหลับได้เลย”
“บ้า”อูเจินจูคลายมือออก กินโจ๊กต่อไป เธอไปแปรงฟันก็ดี ออกไปก็จะได้เจอคนที่อยากเจอ
ทันทีที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนออกประตูก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ สนามแม่เหล็กบริเวณรอบๆเหมือนกับว่าถูกเปลี่ยนไปแล้ว กลิ่นอายของผู้ชายที่คุ้นเคยปะทะเข้ามาตรงหน้า รูม่านตาของเธอหดเล็กลง ชะงักฝีเท้าแล้วมองซ้ายมองขวาทันที
ห้องรับแขกเงียบสงัด มีเพียงแค่ไฟติดผนังที่ติดไว้ ครึ่งหนึ่งของห้องอยู่ในเงามืด ทำให้มองได้ไม่ชัดเจน
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองหาไปทั่วทุกสารทิศรอบหนึ่ง เปิดเบาะรองโซฟาขึ้นดู เมื่อเห็นว่าไม่มีคนจริงๆ เธอแอบเยาะเย้ยว่าสัมผัสที่หกของตนเองผิดพลาด เปิดประตูห้องน้ำออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน......
อูเจินจูก็กินโจ๊กหมดเกลี้ยงเช่นกัน เก็บกล่องข้าวเรียบร้อย กลับไปที่ห้องของตนเองเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจากไป เธอคิดว่าจะนำพื้นที่ว่างเหลือไว้ให้แก่สองสามีภรรยาที่โชคไม่ดีคู่นี้
เซียวเซิ่งเพื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแล้ว ต้องยอมกลายเป็นต่ำต้อยถึงขนาดไหนกัน?
เธออูเจินจูที่นับว่าเป็นคนไม่มีหน้าไม่ตา ก็สามารถได้เสพสุขกับบริการส่งอาหารของท่านประธานใหญ่ตระกูลเซียวเช่นกันหรือ? ไม่มีผลงานแต่กลับได้รับความดีความชอบ กินโจ๊กของชาวบ้านเขา ยังไงก็ต้องทุ่มเทอะไรให้ชาวบ้านเขาบ้าง
อูเจินจูหิ้วกระเป๋าออกมา ก็มองเห็นเซียวเซิ่งทันที
ท่านประธานใหญ่เซียวก้มตัวลงพิงอยู่ที่ราวระเบียง สูบบุหรี่ด้วยอารมณ์สงบ ถึงแม้ว่าเป็นเพียงแค่ภาพด้านหลังที่เมินเฉย แต่ว่าท่าทางที่สูบบุหรี่นั้นหล่อจนตกตะลึงไปเลยจริงๆ
อูเจินจูเดินเข้าไป เคาะประตูกระจกที่ระเบียงเบาๆ ถือว่าเป็นการบอกกล่าว จากนั้นก็เผ่นแน่บไปทันที
ทันทีที่ขาของเธอก้าวออกจากห้อง เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็แปรงฟันเสร็จเดินออกมาพอดี ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดไว้ผืนหนึ่ง พลางเดินพลางหาว มองไปก็น่ารักแบบซื่อๆ
เซียวเซิ่งยกมุมริมฝีปากขึ้นยิ้ม รอจนเธอเข้าไปในห้องแล้วผิดประตูสนิท เขาก็ไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ยังใช้แปรงสีฟันของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแปรงฟัน เห็นได้ชัดว่าเป็นคนนอกผู้บุกรุก แต่กลับทำเหมือนว่าตนเองเป็นเจ้าของบ้าน
บนอ่างล้างหน้ามีแก้วแปรงฟันสองแก้ว เขามองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีอันไหนเป็นของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน บนราวมีผ้าอาบน้ำสองผืน เขาดมทีเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่าอันไหนเป็นของคุณท่านภรรยา
กลิ่นของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เขารู้ดี
เมื่อรักใครคนหนึ่งจนสุดขั้ว ลึกลงไปจนถึงไขกระดูก ก็จะลืมตัวของตนเองไป ในสายตาในหัวใจต่างก็เป็นเธอ
คาดว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนน่าจะหลับแล้ว เซียวเซิ่งถึงเข้าไปในห้อง โค้งตัวลง มือข้างหนึ่งวางลงที่ข้างคอของเธอ มองดูใบหน้าขาวของผู้หญิงที่ทำให้ตนเองหลงรักอย่างละโมบทำให้ตนเองรักอย่าหัวปักหัวปำ ชื่นชอบเป็นที่สุด
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสวมชุดนอนสีขาวแขนสั้น บนผิวพรรณที่บอบบางที่สามารถปริแตกได้ทาด้วยแป้งดอกท้อบางๆ ริมฝีปากสีแดงชุ่มชื่นแวววาว ขมุบขมิบเป็นครั้งคราว เหมือนกับว่ากำลังฝันว่ากินอะไรบางอย่าง
“แมวน้อยจอมตะกละ ที่รักของผม”นิ้วมือที่เรียวยาวลูบบนแก้มของเธออย่างรักใคร่ เมื่อได้สัมผัสความงดงามมีชีวิตชีวาทำให้ทั่วทั้งตัวของเขาเกร็งขึ้นมาในพริบตาเดียว การหายใจหอบถี่
เขาอ่อนไหวต่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมากมายถึงเพียงนี้ แค่แตะเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดประกายไฟและกระแสไฟ อยากจะกอดและรักเธอจนพอใจ แต่ว่าทำไม่ได้ กลัวว่าเธอจะไม่ยินยอม
อดทนไว้นานแล้วก็ห้ามไฟเอาไว้ไม่อยู่ เขาก้มหน้าลงไป ดูดริมฝีปากที่หอมหวานของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน ภายในใจกำลังร้องเรียกชื่อของเธอ......
เสี่ยวเนี่ยน เสี่ยวเนี่ยนของผม
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกถึงการรบกวน ยกมือขึ้นแล้วปัดทีหนึ่ง นิ้วที่อ่อนนุ่มอยู่ๆก็สัมผัสโดนมือที่เย็นเฉียบมือหนึ่ง ตกใจจนเธอสั่นไปทั้งตัว เมื่อลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นว่าเป็นเซียวเซิ่ง เธอจึงหลับตาลงอย่างวางใจ ยกมุมริมฝีปากขึ้นยิ้มหวานทันที
หัวใจของเซียวเซิ่งเต้นรัว ยังนึกว่าเธอตื่นแล้ว พูดอย่างอ่อนโยน “ขอโทษ ผมรบกวนคุณแล้ว”
แต่ทว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้ตื่น เพียงแค่อยู่ๆก็ออกแรงจับมือของเขาเอาไว้ แล้วค่อยๆเอาวางแนบไว้บนแก้ม จากนั้นก็หลับไปอย่างสนิท
เธอจะต้องคิดว่าตนเองกำลังฝันไป ก็ดี
เซียวเซิ่งค่อยๆนอนลงที่ข้างกายของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน นำร่างกายที่อ่อนยวบราวกับไร้กระดูกมากอดไว้ในอ้อมอก ทันทีที่เนื้อสัมผัสกัน หัวใจของเขาก็ไร้เรี่ยวแรงทันที มีความสุขเสียจนเกือบจะน้ำตาไหล
รักเธอมากเกินไปแล้วจริงๆ ถ้าหากไม่มีเธอ เขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปอย่างไร
“เสี่ยวเนี่ยน ผมคืนดีกับพ่อเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้แต่งเข้าตระกูลเซียวในไม่ช้า อดทนเอาไว้นะ ที่รัก”
อย่าได้สงสัยในความรักของเขา วาสนาของพวกเขาไม่มีวันสิ้นสุดชั่วนิรันดร์
ยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบสงบ ร่างกายหนุ่มหล่อและสาวสวยสองคนนอนกอดกันผล็อยหลับไป เขากอดเธอเอาไว้แน่น ไม่ร้องขออะไรมากเกินไป ขอกอดเธอเอาไว้แล้วนอนหลับไปก็พอ......
ตอนที่อูเจินจูขับรถมาถึงโรงพยาบาลโนเบิลซูจี้ ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เย่เฟิงยังไม่นอน เมื่อเห็นเธอมา ก็เข้าใจทันทีว่าท่านประธานกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนน่าจะอยู่ด้วยกันเรียบร้อยแล้ว วางใจลงได้เล็กน้อย “ท่านประธานสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ตอนนี้เข้ายังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรสองคนถึงหย่าร้างกันแบบกะทันหัน? ถามโอเล่ย์ โอเล่ย์เองก็ไม่ค่อยชัดเจน ร้อนใจจะแย่
อูเจินจูวางกระเป๋าลง ถอดเสื้อคลุมทิ้งลงไปบนโซฟา “บอกว่าได้รับแรงกัดดันจากครอบครัวของเซียวเซิ่ง ถูกบังคับให้หย่า ความรักความผูกพันของทั้งสองคนหนักแน่นจนตัดกันไม่ขาด ใครก็ขาดใครไปไม่ได้ แบบนี้ยังหย่ากันได้ ดูแล้วทำให้คนทุกข์ใจ คนของตระกูลเซียวช่างโหดร้ายจริงๆ”
“จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของท่านประธานไม่มีทางที่จะยอมประนีประนอมอย่างเด็ดขาด นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”เย่เฟิงขยับไปด้านข้าง ให้เตียงอีกข้างของเกิดที่ว่างขึ้นมา
อูเจินจูหน้าแดง “ฉันนอนที่โซฟาก็ได้”
“อีกแล้ว”เย่เฟิงวาดริมฝีปากขึ้น ดวงตาที่งดงามจ้องมองเธออย่างลึกซึ้งไม่ละสายตา “ไม่ใช่ว่าไม่เคยนอนด้วยกัน คุณกลัวผม?”
“พี่สาวเคยกลัวใคร?”อย่างไรเสียแผลของเขาก็ยังไม่หายดี อย่างไรเสียก็ไม่มีปัญญาทำเรื่องอย่างว่า
อูเจินจูหาว เตะรองเท้าออก ถอดเสื้อผ้า เหลือไว้เพียงเสื้อผ้าสองชิ้นติดตัว จากนั้นก็มุดเข้าไปในผ้าห่มของเย่เฟิง
เย่เฟิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ ให้หน้าของเธอซบลงบนหน้าอกของตนเอง “ยัยเมล็ดต้นสน รอขาผมหายดีแล้ว พวกเราหมั้นกันเถอะ?”
“ถ้าหากไม่หายล่ะ?”อูเจินจูยกคางขึ้นมองไปทางเขา กะพริบตาที่ซุกซนปริบๆ
“พิการก็ช่างเถอะ คนขาพิการคนหนึ่งแบบผมยังกล้าอยากได้ภรรยา?”เย่เฟิงพูดตามหลักเหตุผลแล้วคุณสมบัติประจำตัวยังถือว่าดีมาก
อูเจินจูทำสีหน้ากลับไปตามปกติ มองไปทางเขาอย่างจริงจัง “เย่เฟิง คุณคือเบื่อหน่ายความรักความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว อยากจะหาผู้หญิงธรรมดาสักคนเพื่อแต่งงานด้วย แต่ฉันกลับหวังว่าจะมีความรักที่ยิ่งใหญ่และงดงามช่วงเวลาหนึ่ง พวกเราเหมือนกับไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดียวกัน อยากหมั้นหมาย ก็ต้องคบหาดูใจกันก่อน ทำให้ฉันพึงพอใจแล้วค่อยว่ากัน”
เย่เฟิงยกมือขึ้น นิ้วโป้งวางไว้บนริมฝีปากของเธอแล้วลูบไล้เบาๆครู่หนึ่ง ในดวงตาหงส์ปรากฏความชั่วร้ายออกมา “คบหาดูใจกัน ก็จำเป็นต้องKISS”
พูดจบไม่รอให้อูเจินจูได้ขัดขืน เขากดคางของเธอเอาไว้ ระดมจูบที่ร้อนแรงลงไปบนริมฝีปากของเธอ......
สมองของอูเจินจูระเบิดตูมทันที เหมือนกับว่ามีดอกไม้ไฟนับไม่ถ้วนถูกจุดอยู่ข้างใน ความร้อนที่แผดเผานำเธอห่อหุ้มเอาไว้ บนร่างกายร้อนราวกับเปลวเพลิง แต่ว่างดงามมาก
เธอก็ไม่ได้เสแสร้ง สองมือโอบรัดเอวของชายหนุ่มเอาไว้ ตอบสนองเขาอย่างมีทักษะ
ริมฝีปากของเขาค่อนข้างนุ่ม ลมหายใจที่เย็นเยือกของเขาแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด หอมเป็นพิเศษ
เย่เฟิงค่อนข้างพึงพอใจกับการแสดงออกของเธอ ในฐานะที่เป็นมือโปรด้านความรักคนหนึ่ง เขาเข้าใจดีว่าหากต้องการให้ความรักเกิดขึ้น ร่างกายของกันและกันจำเป็นต้องเข้ากันได้ดี ก็เหมือนกับพวกเขาเช่นนี้
ถึงแม้ว่าคำพูดของอูเจินจูจะพูดไปเรื่อยเปื่อยสักหน่อย แต่ว่าร่างกายนั้นไม่ได้เรื่อยเปื่อยแม้แต่นิดเดียว คนทั้งสองหยุดอยู่ที่ขั้นตอนสุดท้ายอย่างกะทันหัน แต่ว่าหัวใจทั้งดวงของเธอค่อยๆมอบให้เขาไปแล้ว......
ตอนที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เกือบจะเป็นเวลาตีสามแล้ว
เนื่องจากก่อนนอนได้กินโจ๊กไป หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อยากจะเข้าห้องน้ำ ลูบบนแผ่นอกที่มีลวดลายของเนื้อหนังชัดเจน เธอกระซิบเบาๆอย่างออดอ้อน “ที่รัก ฉันอยากไปห้องน้ำ”
“อืม”เซียวเซิ่งตอบรับ เปิดผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง จากนั้นอุ้มเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขึ้นมา “เด็กดี โอบคอผมเอาไว้”
ร่างกายของเธออ่อนนุ่มมาก ยากจะกอดเอาไว้ได้แน่นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สวมเสื้อผ้า เหมือนจะไหลย้อยลงไปด้านล่างจากอ้อมอกได้ตลอดเวลา ราวกับน้ำ ทุกครั้งเขากลัวว่าจะทำเธอหล่นลงไป
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยกแขนขาวราวกับหิมะขึ้นมาพันรอบลำคอที่สง่างามของเขาเอาไว้แน่น เมื่อถึงห้องน้ำ เซียวเซิ่งวางเธอลงบนชักโครก หลังจากนั้นเดินออกไปรอด้านนอก
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหลับตาหลังจากปลดทุกข์เสร็จ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ตนเองหย่าไปเรียบร้อยแล้ว อยู่ที่บ้านของอูเจินจู สามีมาจากที่ไหนกัน?
ห้านาทีหลังจากนั้น......
เซียวเซิ่งกอดผ้าห่มบางผืนเล็ก ถูกไล่ออกมาจากห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น