เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 43

หลับสนิททั้งคืน

อากาศเย็นสบายในตอนเช้าสดชื่นอย่างมาก เข็มนาฬิกาติดผนังบอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง

เซียวเซิ่งลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ท่าทางสะลึมสะลือของคนพึ่งตื่น อย่างแรกที่เขามองคือผู้หญิงที่นอนอยู่บนข้อพับ ปลายจมูกค่อยๆขยับไปบนใบหน้าของเธอ ในใจรับรู้ได้ถึงความหวานที่เอ่อล้น ทั้งอ่อนแรงทั้งชา

ท่าทางหลับของเธอนั้นสวยหยาดเยิ้ม ขนตาเรียงกันเป็นเส้น ริมฝีปากสีอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ กลิ่นลมหายใจเหมือนดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะกระบนจมูกที่ขนาดเล็กใหญ่เหมือนงา ให้ความรู้สึกเป็นสาวน้อยขี้เล่นที่หน้าตาสวยสดงดงาม

แต่เซียวเซิ่งรู้ดี ถ้าเธอโมโหขึ้นมา กระเม็ดพวกนั้นก็จะตั้งตรงขึ้นมา......น่ารัก

เซียวเซิ่งมองหญิงสาวตรงหน้าสักพักราวกับมองทรัพย์สมบัติ เขายกริมฝีปากขึ้น ยกศีรษะของเธอไปวางไว้บนหมอนอย่างระมัดระวัง แล้วไม่ลืมที่จะจุมพิตไว้ที่บนหน้าผากของเธอ ถึงจะลุกขึ้นไปอาบน้ำในห้องน้ำ

ไอน้ำที่ขุ่นมัว ร่างกายที่สมบูรณ์แบบทุกสัดส่วนของเซียวเซิ่ง เซ็กซี่จนทำให้ลมหายใจหยุดชะงัก ต่อให้เป็นคนที่เกลียดเขา พอได้เห็นร่างกายนี้ก็ต้องเปลี่ยนใจขึ้นมาทันที

เช้านี้เขางานยุ่งเป็นพิเศษ

เซียวเซิ่งมองกระจกตั้งใจโกนหนวดเครา แล้วทาโลชั่นหลังโกนหนวดอย่างชำนาญ สวมเสื้อเชิ้ต ผูกเนคไท ชุดสีดำทั้งตัวทำให้ความหล่อของเขามีพลังทำลายล้างที่สูงมาก

“หมูน้อยจอมขี้เกียจ นอนต่ออีกหน่อยนะ”

มือข้างหนึ่งค้ำไว้บนเตียง เซียวเซิ่งกระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก นิ้วชี้ที่เรียวยาวลูบไล้ไปยังแก้มของหญิงสาวสองสามรอบ ราวกับกำลังวิจัยความน่าดึงดูดบนใบหน้านี้ ที่เป็นสาเหตุทำให้เขาหลงใหล

ผ่านไปสักพัก ก็หุบยิ้มลง ก้มหน้าลงไปประทับบนกลีบริมฝีปากที่หวานฉ่ำของเธอ จูบจนไม่อยากแยกจาก......

“คุณชาย คุณชายไม่ทานมื้อเช้าแล้วเหรอครับ?” พ่อบ้านเซี่ยถือนาฬิกาพกเดินออกมาจากห้องอาหาร ก็เห็นเจ้านายเดินผ่านห้องโถงใหญ่ เดินไปยังซุปเปอร์คาร์สุดหรู เลยรีบตามไปถาม

“เวลาเหลือไม่มากแล้วครับ ผมมีประชุมสำคัญตอนเช้า” เซียวเซิ่งอารมณ์ดี จิตใจอิ่มเอม พูดคุยด้วยน้ำเสียงน่าฟังและเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ

“งั้นผมโทรหาโอเล่ย์ ให้เขาเตรียมอาหารเช้าเล็กๆน้อยๆให้คุณชายที่ห้องทำงานนะครับ”

“ครับ”

“เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนบอกว่าวันนี้จะเริ่มทำงาน จะให้ไปปลุกเธอไหมครับ?”

เซียวเซิ่งสตาร์ทรถ บนใบหน้าของเขามีแต่ความรักใคร่เอ็นดูโผล่ขึ้นมา “เธออยากจะนอนถึงตอนไหน ก็ให้นอนถึงตอนนั้นเลยครับ ผมไม่อยากปลุกเธอ”

“ครับ” พ่อบ้านเซี่ยยิ้มตาหยี ก้มหน้า แล้วค่อยเงยหน้าขึ้น รถของคุณชายขับผ่านพุ่มดอกมะลิสีฟ้า ขับด้วยความเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกไป

โชว์ออฟรถอย่างมาก!

พ่อบ้านเซี่ยกลับมานั่งที่ห้องโถงใหญ่ พึ่งจะได้ใส่แว่นสายตาดูสมุดบัญชี เอี๋ยนหยู่โรวก็เดินออกมาจากห้องอาหารอย่างกระหืดกระหอบ แล้วพูด “ลุงเซี่ย ทำไมไม่ให้คุณชายทานข้าว?”

พ่อบ้านเซี่ยถอดแว่นสายตาแล้วลุกขึ้นยืน “คืออย่างนี้นะครับ คุณเอี๋ยน——”

“คุณเอี๋ยน?” เอี๋ยนหยู่โรวพูดแทรก เสียงฮึดฮัดที่จมูกดังขึ้นด้วยความไม่พอใจ ถามด้วยสายตาที่เบิกกว้าง “ลุงหมายความว่าไง? แม้แต่คุณนายก็ยอมรับฉันเป็นลูกสะใภ้แล้ว แต่ลุงกลับไม่ยอมรับว่าฉันเป็นคุณนายน้อยงั้นเหรอ?”

เซี่ยเอ่อร์พึ่งจะได้เคยเห็นเอี๋ยนหยู่โรวท่าทางดุร้ายเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีมานี้ เลยนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วรีบยิ้มกลบเกลื่อน “ขออภัยครับคุณนายน้อย ผมเรียกจนชินแล้ว หลังจากนี้จะระวังครับ”

อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย!

พอนึกถึงเมื่อคืนที่ตัวเองเปลือยผ้าแล้วถูกตาเฒ่าคนหนึ่งประคองกลับไปนอนที่ห้อง เอี๋ยนหยู่โรวก็โมโหขึ้นมา ไม่อยากจะแกล้งเป็นคนดีต่อไปอีกแล้ว เลยพุ่งไปหาพ่อบ้านเซี่ย “เมื่อคืนฉันนอนอยู่หน้าประตูห้องฟิตเนส ลุงควรจะเรียกให้คุณชายมาอุ้มฉัน ทำไมถึงกล้า——”

“คุณนายน้อยครับ คุณชายเป็นคนเรียกผม ตอนนั้นกลัวว่าคุณจะหนาวจนป่วย เพราะงั้นก็เลยช่วยประคอง ไม่ได้จะล่วงเกินอะไรคุณนะครับ” เซี่ยเอ่อร์พูด

“ครั้งหน้าห้ามแตะต้องฉัน!” เอี๋ยนหยู่โรวระบายออกมาด้วยความโมโห “ไม่ใช่ว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต้องไปทำงานเหรอ? ทำไมยังไม่ตื่นอีก?”

“ตอนนี้ยังมีน้ำค้าง เก้าโมงทำงานครับ” พ่อบ้านเซี่ยนั่งลงใหม่อีกครั้ง แล้วพลิกสมุดบัญชี จัดการงบประมาณต่อวัน

เอี๋ยนหยู่โรวก็นั่งลงเช่นกัน ไขว้ขาขึ้น “ในบ้านหลังนี้ ไม่เคยมีใครที่อยู่ว่างๆ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถึงแม้ว่าจะเป็นน้องสาวฉัน แต่ถ้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานๆ ก็ต้องฟังคำสั่งฉัน ให้เธอตื่นซะ แล้วไปทานข้าวเป็นเพื่อนฉัน”

พอหวีผมเสร็จ ใบหน้าของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็เติมแป้งจนผ่องใสขึ้น พอที่จะทำให้คนที่ใช้เครื่องสำอางหรูหราราคาแพงรู้สึกขายหน้า

“คุณนายน้อย คุณไม่คิดว่าความจริงแล้วเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็สวยเหรอคะ?” หงยวี่เริ่มแสดงความคิดเห็นของตัวเองเหมือนไม่มีจุดยืน “เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นคนพึ่งตื่นนอนแล้วสวยขนาดนี้”

สวยเหรอ? ตาของเอี๋ยนหยู่โรวที่ติดขนตาปลอมสั่นเล็กน้อย มองเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่เอนหลังพิงเตียงด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต

เธอที่พึ่งตื่นนอนก็สวยจริงๆนั่นแหละ เกียจคร้านเหมือนแมว ตาเยิ้มหวานเหมือนสายไหม จมูกสวยที่ดูแล้วเป็นสาวแรกรุ่น ริมฝีปากที่เหมือนจะถูกเซียวเซิ่งจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังคงชุ่มชื้น เปล่งประกายราวกับเยลลี่ที่แวววาว

สวยมากจริงๆ และสวยแบบธรรมชาติอีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่เอี๋ยนหยู่โรวขาดไป

ในใจของเธอเหมือนกับว่าถูกงูพิษกัดกินไป เจ็บใจจนพูดไม่ออก “เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ทำไมเธอต่ำได้ขนาดนี้? เขาเป็นพี่เขยเธอนะ!เธอก็เป็นผู้หญิงที่ผ่านการมีลูกแล้ว ผู้หญิงที่ไม่มีค่า......ฉันว่าเธออย่ามาแทรกครอบครัวของคนอื่นดีกว่านะ เพื่อความปลอยภัยของชีวิตลูกเธอ!”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนปกป้องลูกสุดหัวใจ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที แล้วพูดอย่างเน้นทีละคำ “เอี๋ยนหยู่โรว ถ้าเธอกล้าแตะต้องลูกของฉัน ฉันจะเอามีดมาแร่เธอให้เป็นชิ้นๆแล้วป้อนให้หมากิน ให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง ว่าเนื้อของตัวเองถูกหมาเคี้ยวยังไง!ถ้าไม่เชื่อก็เอาชีวิตของเธอมาพนันกันดู”

พูดจบ ก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“ไอ้หยา ทำไมเธอถึงโหดได้ขนาดนี้? นังงูพิษ แมงป่องพิษ แม่หม้ายนิสัยไม่ดี!” หงยวี่ตะโกนไล่หลังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไป

เทียบกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแล้ว เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นคนดีเกินไป อย่างน้อยก็เป็นคนดีกว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน

“เธอโหดมาตั้งแต่เด็กแล้ว มีลูกตั้งแต่ยังไม่ทันได้บรรลุนิติภาวะ จะไม่โหดได้ยังไง?” ในใจของเอี๋ยนหยู่โรวรู้สึกหนาวๆ ตัวเองนั้นก็รักตัวกลัวตาย เลยหันไปพูดทางห้องน้ำให้ชัดเจน “ฉันไม่แตะต้องลูกของเธอหรอก ถ้าเขาไม่ซวยตั้งแต่ยังเด็กเอง เช่นถูกรถชนตาย มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่กำลังแปรงฟัน จ้องตาค้าง ถือแก้วน้ำพุ่งออกมา แล้วโยนใส่ น้ำเย็นในแก้วนั้นถูกสาดไปทั่วใบหน้าของเอี๋ยนหยู่โรว

เรื่องปกป้องลูกของตัวเอง เธอไม่เคยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่

ฉีกสิ ฉีกเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น