หลังจากที่ทานมื้อเช้าแล้ว พ่อบ้านเซี่ยมาส่งเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่สวนแพร์ด้วยตัวเองเลย
ว่ากันว่าชื่อสวนแพร์ที่นี่เพราะมาก มีต้นสาลี่อยู่ที่กลางเนินเขาหลายสิบต้น มันสวยงามมากจริงๆ ดอกไม้สีขาวราวกับหิมะเบ่งบานอย่างงดงาม ใต้ต้นสาลี่ก็มีแปลงผักกาดสีเหลืองทอง เสริมจุดเด่นซึ่งกันและกัน สวยงามเรืองรอง
“ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นส่งละอองเกสรดอกไม้ครับ”
พ่อบ้านเซี่ยชี้ไปยังต้นสาลี่ที่ใหญ่ที่สุด แล้วยื่นภาชนะใส่ของกับพู่กันให้เสี่ยวเนี่ยน “คุณต้องเก็บเกสรดอกไม้ไว้ในขวดก่อน หลังจากนั้นก็ใช้พู่กันจุ่มลงไป แตะบนเกสรตัวเมียของดอกสาลี่ หนึ่งช่อแตะได้สองถึงสามดอกครับ ถ้าเยอะเกินจะไม่ออกผล”
“ฉันเข้าใจแล้ว ลุงเซี่ยไปทำงานเถอะค่ะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรับขวดกับพู่กันมา รูดแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มทำงาน
“ก็พอจะเข้าท่าอยู่นะครับ” เห็นท่าทางที่จริงจังของหญิงสาวคนนี้ พ่อบ้านเซี่ยก็อดที่จะชมไม่ได้ “ยุคนี้ผู้หญิงที่มีทักษะการทำงานไม่เหมือนใครมีไม่มากแล้วนะครับ”
“ลุงอย่าเอาแต่ชมฉันสิ ทักษะดีขนาดนี้ วันหนึ่งได้รายได้แค่สองร้อยห้าสิบบาทเอง”
“คนเราไม่ได้เอาเรื่องงานมาวัดค่าของคนนะครับ” พ่อบ้านยิ้มเล็กน้อยด้วยความอ่อนโยน แล้ววางกล้องขนาดเล็กไว้บนกิ่งไม้ กดถ่ายวิดีโอ เพราะมีคนต้องการจะดู
“จริงสิคะลุงเซี่ย ฉันอยากเลี้ยงผึ้ง” มองไปรอบๆ ก็พบว่าบนภูเขานั้นมีแต่ช่อดอกไม้สีชมพูสีเหลืองเต็มไปหมด แต่น่าเสียดายที่ผีเสื้อกับผึ้งนั้นมีน้อย คึกคักไม่พอ
“ทำไมครับ อยากเลี้ยงผึ้งไว้ต่อยคุณชายเหรอ?” เซี่ยเอ่อร์ล้อเธอเล่น
พอพูดถึงผู้ชายคนนั้น เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ใจเต้นขึ้นมาทันที ใบหน้าที่ขาวดุจหิมะก็มีสีแดงระเรื่อ “ลุง ลุงนี่ชอบมัดรวมจริงๆเลย ลูกของฉันชอบกินน้ำผึ้ง เพราะงั้น......ก็เลยคิดจะเลี้ยงผึ้ง”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะส่งคนไปซื้อผึ้งป่ามาให้คุณฝึกเลี้ยง ผึ้งบ้านเชื่องไม่พอ”
“ขอบคุณค่ะลุงเซี่ย” บนใบหน้าของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเผยรอยยิ้มแห่งความสุข “คิดไม่ถึงว่าข้างกายราชาปีศาจจะมีคนที่มีเมตตาและอ่อนโยนแบบลุงอยู่ด้วยนะคะ”
“คุณชายของพวกเราไม่ได้เลวขนาดที่คุณคิดหรอกครับ เขาเป็นคนดีด้วยซ้ำ”
พ่อบ้านเซี่ยถูกชมจนอิ่มอกอิ่มใจ เริ่มขายเจ้านายของตัวเองต่อ “เขาทำเรื่องดีๆไม่เคยเสียดายเงินทอง น้ำท่วมปีที่แล้ว ทำให้หลายคนต้องพลัดถิ่น คุณชายก็บริจาคเงินไปจำนวนสิบหลักเพื่อช่วยผู้ประสบภัย เขาทำดีอย่างเงียบๆ ทำดีไม่ต้องการให้ใครซาบซึ้ง เพราะงั้นหลายๆคนก็เลยไม่รู้ครับ”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนช็อกอยู่ในอก พู่กันในมือหยุดชะงัก
คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถทำเรื่องการกุศลแบบนี้ได้ด้วย?
“เงินของเขาได้จากประชาชน ใช้ให้ประชาชนก็ปกติแหละค่ะ” ในใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย แต่ปากก็ยังคงไม่ยกโทษให้
“นักธุรกิจคนไหนไม่ได้เงินจากประชาชนบ้างล่ะ แต่ที่ส่งกลับให้สังคมจะมีสักกี่ส่วนกัน?”
“นั่นก็จริงครับ”
“อย่างปีใหม่ปีนี้ คุณชายของพวกเราจัดการใส่อั่งเปาให้ผู้สูงอายุทั้งเมืองจงโจวโดยไม่มีเงินบำนาญ แต่ละคนได้ไปคนละหนึ่งแสนบาท สงสัยว่าลูกหลานพวกเขาจะสามารถทำให้ได้แบบนี้ไหม?” เมื่อพูดถึงเรื่องที่เจ้านายของเขาทำ พ่อบ้านเซี่ยก็ภูมิใจอย่างมาก
“.…..”
จริงๆนั่นแหละ แม้แต่ลูกของพวกเขาก็ยังให้เงินหนึ่งแสนกับพ่อแม่ตัวเองไม่ได้
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้พูดอะไรต่อ หัวใจที่เกลียดชังในตอนแรก ดูเหมือนว่าจะมีแสงส่องสว่างเข้าไป ค่อยๆเอนอ่อนลง และยังเกิดความเลื่อมใสอย่างไม่คาดคิดขึ้นอีกด้วย
พ่อบ้านเซี่ยมองนัยน์ตา แล้วยิ้มปลื้มใจ “คุณชายของพวกเราอายุน้อยรูปงาม แต่มีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุม มีเงินมีอำนาจมีความสามารถ คุณเอี๋ยนคุณไม่อยากที่จะมีบั้นปลายกับผู้ชายแบบนี้หน่อยเหรอครับ?”
“ไม่อยากค่ะ” เห็นแก่การกุศลที่เขาทำ เธอไม่อยากจะเกลียดเขาอีก แต่ก็ไม่อยากรักเขา เพราะว่าเธอมีคนที่รักอยู่แล้ว
พ่อบ้านเซี่ยถอนหายใจยาว เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนโง่หรือเปล่าเนี่ย คุณชายเป็นคนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมขนาดนี้ ทำไมถึงสู้ผู้บัญชาการสวี่เจียนไม่ได้?
“คุณเอี๋ยน มาตรฐานที่คุณตั้งไว้สำหรับคนรักคืออะไรครับ?” พ่อบ้านเซี่ยสวมบทนักข่าวซุบซิบ ถามฉอดๆไม่หยุดเพื่อเจ้านายของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น