เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนม้วนแขนเสื้อขึ้น ล้างผักกาด หั่นผักกาด ผสมวัตถุดิบให้เท่าๆกัน แล้วใส่ไว้ในไหสีเขียวหยก ทำเสร็จอย่างรวดเร็ว
เธออุ้มไหไปหาพ่อบ้านเซี่ยเพื่อขอยืมตู้ วางเอาไว้แล้วล็อคอย่างดีราวกับของล้ำค่ำ แล้วถึงจะถอนหายใจ ยกแขนที่ขาวดุจหิมะขึ้นมาเช็ดเหงื่อ ผักกาดแห้งถึงแม้ว่าจะไม่คุ้มค่าเงิน แต่ก็เป็นสิ่งที่ลูกชายของตัวเธอเองนั้นชอบ
มื้อกลางวัน เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกินข้าวไปสองถ้วย ผักก็ตักกินไปไม่น้อย
พ่อบ้านเซี่ยดีใจอย่างมาก รายงานเจ้านายอย่างสบายใจ “คุณชาย คุณฉลาดจริงๆ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนชอบกินผักที่ทำให้สดชื่นจริงๆด้วย เธอเลาะหน่อไม้หมดเลย กัดจนเรียบ เสียงเคี้ยวก็ดูน่าอร่อยอย่างมาก”
เซียวเซิ่งหยิบตะเกียบขึ้นมาพึ่งจะได้ทานข้าว พอได้ยินก็รู้สึกว่าอาหารตรงหน้าหมดรสชาติขึ้นมาทันดี พอห่างจากเสียงเคี้ยวของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เหมือนว่าเขาจะทานข้าวไม่ลง
“เอาไปเก็บเถอะ”
“ครับ ท่านประธาน” โอเล่ย์นำกับข้าวที่ยังไม่ได้แตะไปเก็บอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่ขยันขันแข็งก็พักผ่อนสักหน่อย แล้วค่อยไปแต้มละอองเกสรต่อ
แสงอาทิตย์ของฤดูใบไม้ผลิสวยงามเป็นพิเศษ แสงทองอร่ามส่องไปทั่วทุกทิศให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่น ดอกไม้ใบหญ้าโตขึ้นอย่างอุดมสมบูรณ์ แมลงน้อยๆที่มีปีกสีเขียวบินละล่องไปมา
เป็นคนรวยน่ะดี มีเนินเขาที่สวยงามขนาดนี้เป็นของตัวเอง
“พ่อบ้านเซี่ย พ่อบ้านเป็นคนที่สุภาพและมีรสนิยมมากเลยนะ ไม่เพียงแต่จัดการงานในบ้านได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมยังจัดการเขาด้านหลังได้สวยงามขนาดนี้อีก ใครๆต่างก็บอกว่าบ้านไหนมีผู้สูงวัยบ้านนั้นเท่ากับมีของล้ำค่า เป็นอย่างนี้จริงๆสินะคะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนชมจากใจจริง
เด็กสาวคนนี้ปากหวานจริงๆ
พ่อบ้านเซี่ยอารมณ์ดี พู่กันในมือหยุดชะงัก “แต่ว่า ที่ตั้งของเนินเขาลูกนี้ตั้งตามแผนการของคุณชายนะครับ คนที่มีรสนิยมคือคุณชายต่างหาก”
“สัตว์ดุร้ายที่ชอบดอกไม้งั้นเหรอ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองบนอย่างเยาะเย้ย เซียวเซิ่งชายหนุ่มที่ทั้งเย็นชาทั้งชั่วร้ายคนนั้น ปลูกดอกไม้เป็นกับเขาด้วยงั้นเหรอ พ่อบ้านเซี่ยนี่ปิดทองหลังพระให้เจ้านายตัวเองจริงๆ
“ที่ผมพูดคือความจริงนะครับ นายท่านของตระกูลพวกเราไม่ชอบจัดการเรื่องในบ้าน และไม่ค่อยเอาใจใส่คุณนาย คุณนายภายนอกก็สดใส แต่ลึกๆก็ลำบากอยู่ไม่น้อย เพราะงั้นคุณชายถึงไม่อยากเป็นเหมือนกับคุณพ่อของตัวเอง เขาจะทะนุถนอมภรรยาของตัวเอง และจะจัดการเรื่องในบ้านเองทั้งหมด ไม่มีทางให้ภรรยาต้องกังวลใจ”
“แต่ว่า…...” เขายังคงเย็นชากับเอี๋ยนหยู่โรว ไม่ได้เอาใจใส่เธอนี่ จะว่าไปพ่อเป็นแบบนั้น ลูกชายก็คงลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแน่ๆ
“ฮิๆๆ......”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกำลังคิด จู่ๆก็ได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆดังมา สายตาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองตาม......
เห็นแค่เอี๋ยนหยู่โรวแต่งตัวมาในชุดกระโปรงหรูหรา กำลังถือร่มชั้นสูง ทำท่าทางยั่วยวนไม่หยุดหย่อน แล้วให้หงยวี่ถ่ายรูปให้เธอ ทั้งสองเล่นกันอย่างสบายใจ
เห็นว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเดินมาทางนี้ เอี๋ยนหยู่โรวก็เชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งในศักดิ์ศรี เลิกคิ้วใส่เธออย่างเหยียดหยาม แล้วพูดอย่างรังเกียจ “ซวยจริงๆเลย ไม่ว่าไปไหนก็หนีคำว่าต่ำช้าไม่พ้น”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถูกการแต่งหน้าแต่งตัวของเธอทำให้ตกใจ
เอี๋ยนหยู่โรวทำผมทรงญี่ปุ่นกิโมโน แป้งบนใบหน้าทาหนาถึงสองนิ้ว โบ๊ะซะเหมือนกำแพงคนตาย ริมฝีปากแดงสด ร่มคันสีแดง เป็นความแปลกประหลาดที่พูดไม่ออกจริงๆ
จู่ๆเธอก็สงสารเซียวเซิ่งขึ้นมา ชายผู้สง่าสูงส่งขนาดนั้น แต่กลับตาบอด เลือกผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยา น่าสงสารเสียจริง
เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเธอถ่ายติดตัวเธอเอง เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรีบหันกลับไปด้วยความรวดเร็ว หันหลังให้พวกเขากับละอองเกสร
“คุณนายน้อย คุณดูเสี่ยวเหนียนหยูขาดความมั่นใจสิคะ ไม่กล้ามองคุณ เธอต้องอิจฉาคุณมากอย่างแน่นอน!พ่อคนเดียวกัน แต่ชีวิตใครชีวิตมันนะ” หงยวี่เยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม
“แม่แท้ๆของเธอเป็นแม่สื่อ เธอก็ต้องสืบทอดอาชีพจากแม่” เอี๋ยนหยู่โรวบอกอย่างเปิดเผย
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขี้เกียจจะสนใจ ไม่ใช่แค่แม่ของเธอที่เป็นแม่สื่อ ยายของเธอก็เป็นแม่สื่อเหมือนกัน แต่มันก็ดีกว่าเอี๋ยนหยู่โรวสองแม่ลูกที่ไม่เอาการเอางาน เอาแต่พึ่งผู้ชายไปวันๆ
“มิน่าล่ะ แม่สื่อเป็นงานชั้นต่ำ อย่างกับซ่องนางโลม” หงยวี่ใส่ไฟอยู่ด้านข้าง แทงใจดำเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “แต่ว่านะ ก็สะดวกที่จะสวมรอยเป็นเจ้าสาวดี อะฮ่าๆ......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น