“พ่อบ้านเซี่ย เรื่องส่งละอองเกสรของต้นสาลี่......” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองเซี่ยเอ่อร์ด้วยความรู้สึกผิด
ตอนที่เธอหมดสติไป ดอกสาลี่กำลังเบ่งบาน;จนเธอฟื้นขึ้นมา ดอกสาลี่ก็ได้ตกลงมาแล้ว เหลือเพียงแค่หิมะที่อยู่บนกิ่งไม้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้ผ่านไปแล้ว
“คุณไม่ต้องกังวลไปครับ สุขภาพสำคัญกว่า ลุงให้คนอื่นไปทำแทนแล้ว ตอนนี้ดอกไม้ตกลงมา เห็นผลเล็กๆของมันอยู่นะครับ แสดงว่าส่งละอองเกสรสำเร็จ คุณอยากไปดูความสำเร็จของตัวเองไหม?” พ่อบ้านเซี่ยถามด้วยความอ่อนโยน
“ไปค่ะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่สีหน้าซีดอยู่นาน เผยรอยยิ้มออกมา “แต่ครั้งนี้ฉันต้องใส่รองเท้าบูท บนเนินเขามีพืชชนิดหนึ่งที่มีพิษอยู่ค่ะ”
“ฮ่าๆ......ไม่ต้องหรอกครับคุณเอี๋ยน” พ่อบ้านเซี่ยปัดป่ายมืออย่างอ่อนโยน “ด้านหลังเขานอกจากต้นผลไม้ที่เหลือไม่กี่ต้นแล้ว ดอกไม้ใบหญ้าอื่นๆต่างก็ดึงออกหมดแล้วครับ โล่งมาก”
“งั้นก็ไม่สวยแล้วสิคะ อีกอย่างฉันอยากจะเลี้ยงผึ้งด้วยนะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกเสียดาย ไม่รู้เลยสักนิดว่าเซียวเซิ่งโมโหแทนเธอ ตัดดอกไม้ใบหญ้าบนเนินเขาออกไปทั้งหมด กลัวว่าจะมีงูอีก
“ผึ้งเลี้ยงไว้ในสวนดอกไม้ได้ครับ” เธอต้องการดาวบนฟ้า คุณชายก็จะดึงลงมาให้เธอ แค่ผึ้งจะไปยากอะไร?
“ช่างเถอะ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะไปจากที่นี่ในไม่ช้าแล้ว” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก้าวเท้าเดินออกไป พอถึงหน้าประตู ก็เห็นรถสปอร์ตคันสีเงินเข้ามาจอดในเวลาเดียวกัน
หัวใจของเธอสั่นไหวขึ้นมาทันที ไม่ต้องมองก็รู้ว่าใครกลับมา......ศัตรูคู่แค้น
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก้มหน้าแล้วเดินไป บอกตัวเองว่าอย่าเงยหน้าขึ้น แต่เหมือนมีผีผลัก เธอก็ยังคงเงยหน้าขึ้น......ชายหนุ่มในรถนั่งอยู่ด้วยความนิ่งเงียบ ความเจ็บปวดและความรู้สึกที่ลึกซึ้งปรากฏขึ้นในสายตา
ราวกับว่าถูกปืนจ่อที่หน้าอก หัวใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเต้นบ้าคลั่งไม่หยุด
กระจกกันลมที่กั้นไว้อยู่นั้น ทำให้ทั้งสองมองเห็นกัน สบตากัน มีอะไรบางอย่างปะทุอยู่ในเลือด ความเจ็บปวดในอกที่ทั้งสองรับรู้ได้ ทุกครั้งที่สบตา ต่างก็เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงถึงชีวิตขึ้นมา
“พ่อบ้านเซี่ย พวกเราไปกันเถอะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหลบสายตาอย่างลนลาน เสียงมีความสั่นไหวเล็กน้อย
“คุณเอี๋ยน ผมมีงานด่วนที่ต้องจัดการพอดี เดี๋ยวดึกๆผมจะพาคุณไปที่ต้นสาลี่อีกทีนะครับ” พ่อบ้านเซี่ยพูดอย่างรู้สึกผิด หลังจากนั้นก็โค้งคำนับให้คุณชาย เดินผ่านไปด้วยความรวดเร็ว
“เฮ้อ พ่อบ้านเซี่ย......”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนราวกับเป็นสัตว์ตัวน้อยที่ถูกทอดทิ้ง ใบหน้าขมขื่น ในสายตาที่เรียบเฉยของชายหนุ่มที่กำลังดูอยู่นั้น เธอยิ่งทำตัวไม่ถูก จะไปต่อหรือจะกลับ ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี
ปัง!เซียวเซิ่งผลักประตูรถลงมา ขาที่สูงยาวเดินตรงเข้ามา ไม่ได้พูดอะไร แล้วจูงมือเธอเข้าไปในห้องครัว กดเธอลงที่เคาน์เตอร์ครัว
“มองผม”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนค่อยๆเงยหน้าขึ้น ตาทั้งสองราวกับมองตรงไปยังทะเลลึกอันกว้างใหญ่
บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว!เซียวเซิ่งเกือบจมลงไปในทะเลด้วยสายตาที่สวยสดงดงามของเธอ สายตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ!ก้มลง แล้วจุมพิตไปที่หน้าผากของเธอ
อุณหภูมิร้อนที่วิ่งไปมา ทำให้เส้นประสาทของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทั่วทั้งร่างรัดตัวแน่น ไม่กล้าหายใจ
เขาไม่ได้ทำเรื่องร้ายแรงเกินไป แค่หลังจากที่จูบบนหน้าผากเธออยู่นาน ก็ลุกขึ้น “ทำมื้อเช้าให้ผมหน่อย”
“คุณ......อยากกินอะไร?”
“ไม่ใช่ร้านอาหารสักหน่อย ที่จะต้องสั่งอาหาร” ภรรยาทำอะไร ก็กินอันนั้น ไม่เลือกเยอะ
เซียวเซิ่งหมุนตัวออกไป หยิบเอกสารจากกระเป๋าทำงานออกมา ก้มหน้าดูอย่างตั้งใจ ท่าทางบ้างาน นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะ เห็นได้ชัดว่าไม่สอดคล้องกับสไตล์ของเขาเลยสักนิด เพียงแต่เขาอยากเจอเธอ เลยเอาเอกสารกลับมาจัดการที่บ้าน
“แต่ว่า…...ทำไมฉันต้องทำอาหารให้คุณ?” มองร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงนั้น เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็งุ้มปาก ถามอย่างไม่ยินยอม
เธอไม่ใช่คนใช้ของเขาสักหน่อย อีกอย่างเธอชอบผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แบบสวี่เจียน ส่วนเซียวเซิ่งช่วงนี้มักจะใส่แต่เสื้อเชิ้ตสีดำ ทำให้บรรยากาศอึดอัด เธอค่อนข้างจะกลัว
“ถ้ายังมองผมต่อ เดี๋ยวก็คงจะเที่ยงแล้ว”
หลังจากที่พูดจบ ก็จูบประทับไปที่ริมฝีปากของเธอ ทำความสะอาดรอยหวานของน้ำผลไม้ที่อยู่ที่ปากเธอจนเกลี้ยง แล้วจูบไปที่ต้นคอของเธอ ขบกัดเบาๆ และไม่ลืมที่จะทิ้งรอยเอาไว้
“ไม่ ไม่ได้นะ…...” เสียงอ่อนหวานพูดดังออกมา แม้แต่ตัวเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเองก็ตกใจ
“เด็กน้อย คุณรู้หรือเปล่าเนี่ยว่าเสียงของคุณมันน่าฟังมากแค่ไหน หืม?” ขณะที่เซียวเซิ่งพูด ก็ถอดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอไปด้วยแล้วก้มลงจูบ......
“อ๊ะ!” ราวกับถูกสายไฟฟาด เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสั่นระริกขึ้นมาทันที ร่างกายเธออ่อนยวบ ไม่มีแรงเลยสักนิด เป็นอัมพาตอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะต่อต้านเลย เรื่องหลบเลี่ยงก็เช่นกัน เธอถูกจูบซะจนความรู้สึกยุ่งเหยิงไปหมด หายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะ จนเกือบจะหมดสติไป
ร่างของเด็กคนนี้ไวต่อความรู้สึกจริงๆ คงจะไม่เคยผ่านมือชายใดมา ภูมิต้านทานนั้นไม่มีเลยสักนิด
เซียวเซิ่งปล่อยเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนออกขณะที่พูด ไว้ชีวิตเธอ “เพราะงั้น คุณไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงกล้าเรียกผมว่าพี่เขย เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน พรุ่งนี้เช้าผมจะกินเกี๊ยวน้ำ กุ้งผัดหน่อไม้ฝรั่ง ทำสองที่นะ”
อีกที่คงจะให้เอี๋ยนหยู่โรวล่ะมั้ง? ไม่มีใบทะเบียนสมรสแต่เลี้ยงไว้ใกล้ตัว ถ้ารักก็แค่ดึงใบทะเบียนสมรสมาซะสิ ไม่ใช่เหรอ?
“พี่เขย พี่เขย พี่เขย…...” ต้องตะโกนแบบนี้!
เธอต่อต้านแล้วแลบลิ้นใส่เขา เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหนีกลับเข้าไปในห้อง แล้วพิงหลังประตู มือทั้งสองปิดหน้าที่แดงก่ำ นัยน์ตากลอกไปมาด้วยความลนลาน
ดูแล้ว เธอต้องรีบหนีออกจากที่นี่! อีกอย่างต้องป้องกันจากเซียวเซิ่งอย่างเข้มงวด ตอนนี้เขาเหมือนจะเน้นย้ำว่าเธออยู่ในตำแหน่งภรรยา เอะอะก็จูบ หรือว่าตอนกลางคืนเขาก็ต้องการเธอด้วย?
ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
เธอมีสวี่เจียนแล้ว เอี๋ยนต้าฟาก็ชอบสวี่เจียนด้วย ส่วนเซียวเซิ่งช่างเขาเถอะ อันธพาลแห่งเมืองจงโจว ต่อให้เหลือแต่เงิน จะมีความจริงใจอะไรให้?
เอี๋ยนหยู่โรวก็เป็นกรณีตัวอย่างอย่างดีเลยไม่ใช่เหรอ? เริ่มแรกเซียวเซิ่งก็คงรักกันปานจะกลืนกินกับเอี๋ยนหยู่โรว ตอนนี้แม้แต่ใบทะเบียนสมรสก็ยังไม่มีให้เธอ ใจจืดใจดำจริงๆ
เธอห้ามเดินซ้ำรอยของเอี๋ยนหยู่โรว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น