ภาชิระเมาเละเทะ หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาวันวิวาห์ไม่หยุด เมื่อโทรไม่ติด เขาก็เที่ยวไปตามหาเธอยังสถานที่ต่าง ๆ
เขาบุกเข้าไปในห้องวาดภาพของโมโมะ“โม คุณรู้ว่าวิวาห์อยู่ไหนไหม?บอกให้เธอมาพบผมหน่อย”
“ภาชิระ สมองโดนประตูหนีบหรือไง ตอนนี้วาเลนไทน์คือคู่หมั้นคุณ คุณไม่ไปหาคู่หมั้นแล้วมาหาวิวาห์ทำไม?”
“ผมรักเธอ ที่ผมทำไปก็เพื่ออนาคตของพวกเรา ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจ?”
“คิก”
โมโมะโกรธจนหัวเราะออกมา“สันดานเลว ๆ อย่างคุณ ก็มีแต่วิวาห์เท่านั้นแหละที่ชอบคุณ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ไปมาหาสู่กับคุณ ฉวยโอกาสตอนที่ฉันยังไม่แผลงฤทธิ์เดช รีบไสหัวไป”
ภาชิระเดินไปเรื่อยในห้องวาดภาพ“ถ้าคุณไม่ให้วิวาห์มาหาผม ผมก็จะไม่ไป”
เขายืนไม่มั่นคง จึงไปโดนภาพวาดที่พิงอยู่บนผนัง
โมโมะตกใจจนหัวใจเต้นเร็วไม่หยุด“คุณยืนดี ๆ หน่อย อย่าไปแตะ ฉันพึ่งจะวาดภาพนั่นเสร็จเอง อย่าจับซี้ซั้ว มันยังไม่แห้ง......ฉันช่วยคุณโทรก็ได้”
โมโมะโดนบีบบังคับจนไร้หนทาง ได้แต่โอนอ่อนผ่านตาม
เธอเปิดลำโพงที่มือถือ
“วิวาห์ วันนี้ไม่รู้ว่าภาชิระเป็นบ้าอะไรมาโวยวายในห้องวาดภาพของฉัน บอกว่าอยากเจอหน้าเธออ่ะ”
เสียงของวันวิวาห์เย็นชาและหนักแน่นมาก“ไม่พบ โม ฉันกับเขาไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ถ้าเขาโวยวายต่อไป เธอก็แจ้งความเลย ให้ตำรวจพาเขาออกไป”
กล่าวจบก็ตัดสายโดยไม่รักษาน้ำใจ
ภาชิระทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา“เธอไม่มีความรู้สึกกับผมสักนิดเลยหรือ?”
โมโมะยิ้มเย้ยหยัน“ภาชิระ ดูสารรูปตัวเองหน่อย? เพราะวิวาห์เป็นคนใจอ่อน จึงปล่อยให้คุณรังแก ถ้าเป็นคนอื่นคงสับคุณเป็นหมื่นชิ้นแล้ว ไสหัวไป”
ภาชิระเงียบงันเนิ่นนาน ยืนขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ“เรื่องวันนี้ผมขอโทษด้วย ขอให้คุณช่วยบอกวิวาห์ให้ผมหน่อย ผมผิดต่อเธอ วันหลังผมจะหาวิธีชดเชยเอง”
“ช่างเถอะ เธอไม่ต้องการ ตอนนี้เธอมีสามี มีครอบครัวแล้ว เธอมีความสุขมาก การที่คุณไม่ปรากฏตัวคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรัเธอแล้ว”
ภาชิระเงยหน้ากะทันหัน“เธอแต่งงานแล้วเหรอ?”
“ผัวะ”
โมโมะตบปากตัวเองที่พูดพล่อย ๆ
แม่งเอ้ย สมองเธอเลอะเลือนจริง ๆ
ภาชิระนึกถึงตอนอยู่ในโรงแรม เห็นกวินทร์ออกหน้าปกป้องวันวิวาห์
เขาใช่ไหมที่ให้เธอทอดทิ้งผู้ชายของตัวเอง?
กวินทร์มีทั้งชาติตระกูล ฐานะและตำแหน่งสูงกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าจริง ๆ
เขาจากไปด้วยใบหน้ามัวหมอง
……
ในห้องทำงาน
โมโมะอ่านผลรายงานการขายสินค้าใหม่พลันร้องเสียงหลง“โอ้โห แค่เวลาสั้น ๆ กำไรครีมลบเลือนรอยแผลก็ถึงสองล้านกว่าแล้วเหรอ?ที่รัก ไม่สู้ฉวยโอกาสตอนกำลังรุ่ง รีบหาเงินลงทุนมาขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้นเถอะ?”
วันวิวาห์ส่ายหัว“ยังไม่ถึงเวลา ถ้าสินค้าใหม่นี้ผลิตในโสธรณาลัยกรุ๊ป กำลังต้องอยู่ที่หลักร้อยล้านแน่ แต่ตอนนี้พวกเราพึ่งจดทะเบียนเป็นแบรนด์ใหม่ จึงมีขีดจำกัด ถึงแม้จะหานักลงทุนได้ แต่พวกเราก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ฉันคิดจะว่าสร้างชื่อเสียงของตัวเองก่อน หลายปีมานี้ ฉันผลักดัน ‘เชลน่าคอสเมติกส์’กับ‘โซน่าคอสเมติกส์’จนโด่งดัง ทว่าลูกค้ารู้จักเพียงชื่อแบรนด์และตัวสินค้าเท่านั้น มีคนรู้จักวันวิวาห์อย่างฉันไม่เยอะหรอก”
เธอเอ่ยแผนการตัวเองอย่างหนักแน่น“โม ฉันอยากเข้าร่วมการแข่งขันก่อน ถ้าฉันคว้าชัยชนะในครั้งนี้ได้ พวกเราค่อยไปหาบริษัทใหญ่ ๆ พึ่งวัตถุดิบของบริษัทใหญ่พึ่งผลักดันสินค้าตัวใหม่นี้ ถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะด้านชื่อเสียงหรือกำไร ล้วนดีกว่าพวกเราสู้กันเองนะ และสามารถชนะได้เร็วและเป็นที่รู้จักกว่าด้วย”
เพราะบริษัทใหม่เล็กและอ่อนแอเกินไป
ธุรกิจด้านนี้ ชื่อเสียงคือปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนสินค้าให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น
โมโมะพูดสนับสนุน“เธอมีความรู้ดีกว่าฉัน ขอแค่เธอคิดดีแล้ว งั้นก็ไม่ได้กังวล ฉันจะสนับสนุนเธอเอง”
วันวิวาห์สวมกอดเพื่อนรักอย่างซาบซึ้งกินใจ“โม ขอบใจนะ”
ผละออก เธอยิ้มอย่างผ่อนคลาย“แต่ตอนนี้เธอต้องไปหานักสะกดจิตเป็นเพื่อนฉันก่อน”
วันวิวาห์เคยบอกโมโมะแล้วว่าอยากสะกดจิตเพื่อฟื้นฟูความทรงจำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ