หลังจากได้รับการรักษาบาดแผล วันวิวาห์ก็ถูกส่งตัวมาพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วย
จอมพลยืนมองอยู่ข้างๆ
หญิงสาวกำลังให้น้ำเกลือ ครึ่งหนึ่งของใบหน้าเล็กถูกคลุมไว้ด้วยผ้าก๊อซพันแผล ส่วนอีกครึ่งซีดเซียวไร้เส้นเลือดฝาด เธอนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ราวกับตุ๊กตาไร้ชีวิต
ความโกรธที่เพิ่งถูกระงับไว้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
มือทั้งสองข้างของจอมพลกำหมัดแน่น กัดฟันตำหนิขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ทำให้ตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากอีกครั้งต่อกี่ครั้ง โง่เง่าจนหมดหนทางเยียวยา ไม่รู้หรือไงว่าต้องอยู่ให้ห่างจากคนต่ำช้าพวกนั้น”
ร่างบางที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงผู้ป่วย คิ้วสวยพลันขมวดเข้าหากัน
“อย่า… อย่า… ช่วยด้วย… ช่วยฉันด้วย…”
เธอเพ้อละเมอออกมา มือทั้งสองข้างปัดป่ายไปในอากาศ แจกันเล็กๆ ถูกมือเธอที่แกว่งไปมาสะเปะสะปะกระแทกล้มลง
ฝันร้าย?
จอมพลขมวดคิ้ว แล้วก้าวไปข้างหน้า กุมมือทั้งสองข้างของเธอไว้ในฝ่ามือใหญ่ “ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว ผมอยู่นี่”
ไม่รู้ว่าจากน้ำเสียงอ่อนโยนที่เปล่งออกมา หรือจากความอบอุ่นของฝ่ามือที่มอบความรู้สึกปลอดภัยแก่วันวิวาห์ เธอจึงค่อยๆ สงบลง
มือทั้งสองข้างเลิกปัดป่ายสะเปะสะปะ
แล้วเริ่มสะอื้นขึ้นมาเบาๆ
น้ำตาใสดั่งไข่มุก กลิ้งลงมาจากดวงตาทีละหยุด และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ …
ความเกลียดชังของจอมพลที่อยู่ลึกลงไปปะทุขึ้นมาพร้อมความรู้สึกต่างๆ นานา ที่ประดังประเดเข้ามา
เขาเช็ดน้ำตาของเธอด้วยอุ้งมือ น้ำเสียงพลันอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว “พอแล้ว คุณรอดแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้อีก”
วันวิวาห์จับมือจอมพลเอาไว้ เธอดูหวาดกลัวเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสิ้นไร้หนทาง “ทำไมถึงทิ้งฉัน… ตอนยังเด็กพวกคุณยังใจดีกับฉันอยู่เลย… หรือเพราะว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันไม่ใช่พวกคุณงั้นเหรอ แต่ฉันก็ไม่เคยทำให้พวกคุณขายขี้หน้าใครสักหน่อย พ่อ… แม่… ทำไม… ทำไม…”
ไม่มีเหตุผล เพราะเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเสมอไป
จอมพลรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาเมื่อเห็นเธอร้องไห้ ชายหนุ่มทำเสียงให้อ่อนโยนลงอย่างช่วยไม่ได้เพื่อปลอบโยน “ไม่มีอะไรให้ต้องร้องไห้ ไม่มีพวกเขา ก็ยังมีผม จากนี้ไปผมจะปกป้องคุณ ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณได้อีก”
ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าให้เธอ เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นค่อยๆ โน้มตัวลงจุมพิตที่ริมฝีปากหญิงสาวอย่างแผ่วเบา
อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมบนริมฝีปาก ร่างบางเลียริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว พลางดึงเสื้อเขาไว้แล้วค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา…
โมโมะยืนใบหน้าเขินอายอยู่หน้าประตู
จอมพลคนนี้เป็นพวกชอบฉวยโอกาส ใช้สถานการณ์อันตรายเพื่อทำเรื่องล่อแหลมเพื่อนเธอสินะ!
แต่ก็เร้าใจชะมัด!
โมโมะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยความตื่นเต้น กดบันทึกภาพฉากตรงหน้าเอาไว้
กวินทร์ที่กำลังเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี
เขาเอื้อมมือไปลากคอเสื้อหญิงสาวออกมาจากห้องผู้ป่วย
ทั้งคู่กำลังจ้องตากันเขม็งอยู่ที่โถงทางเดิน
กวินทร์ชี้ไปยังโทรศัพท์มือถือของเธอ “ถ่ายอะไร”
โมโมะกะพริบตาปริบๆ แล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ “เปล่า แค่กำลังจะเข้าไปข้างใน แล้วบังเอิญเห็นจอมพลกำลังปลอบใจวิวาห์เพื่อนฉันอยู่ รู้สึกตื้นตันใจ ก็เลยอยากถ่ายเก็บไว้ รอให้วิวาห์ฟื้นขึ้นมาจะได้เอาให้เธอดู”
กวินทร์ลูบคางตัวเองไปมา พลางครุ่นคิด เอาให้พี่สะใภ้ดู… งั้นก็ถ่ายไปแล้วน่ะสิ
โมโมะกระตุกเสื้อกาวน์ของกวินทร์เบาๆ “คุณชายกวินทร์ สืบได้ว่าใครเป็นคนทำ”
“วาเลนไทน์” กวินทร์ไม่ปิดบัง
“ยัยดอกบัวขาว[ ตอแหล ไม่จริงใจ ร้ายเงียบ
]นี่!” โมโมะกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น “ไม่สั่งสอนเป็นบทเรียนให้หล่อนสักหน่อยเหรอ หล่อนไม่รู้หรือไงว่าทำไมดอกบัวถึงมีสีแดง!”
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำไปด้วยความโกรธ เพราะคาดไม่ถึงว่าจะเป็นหล่อน
แววตาของกวินทร์ลุกโชนขึ้นมาด้วยความสนใจ “คุณจะทำอะไร”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลหรอก รบกวนคุณและคุณพลแค่เรื่องดูแลวิวาห์ก็พอ”
“คุณเป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำอะไรได้ คุณความโหดเหี้ยมกว่าวาเลนไทน์ไหม หรือว่าความสัมพันธ์หนักแน่นยิ่งกว่าพวกเราหรือเปล่า”
กวินทร์พูดขัดความคิดเธอ แล้วเตือนขึ้นว่า “ช่วงนี้อย่าเพิ่งเอาตัวเองเข้าไปยุ่งวุ่นวาย เรื่องนี้พี่พลออกคำสั่งโดยตรง อัยการยังไม่กล้าเข้ามายุ่ง ทั้งที่มีประโยชน์และฝีมือมากกว่าคุณหลายเท่า”
จริงสิ ทำไมเธอคิดไม่ถึงจุดนี้นะ!
โมโมะกลอกตาไปมา สีหน้าท่าทีที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา หยั่งเชิงถามว่า “คุณพลร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ คุณชายกวินทร์ คุณพลคนนี้เขาเป็นใครกันแน่ ฟังจากที่คุณพูดมา ดูเหมือนว่าเขาจะมีอำนาจมากกว่าคุณอีกนะ”
กวินทร์หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกคุณไม่รู้จริงๆ เหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ