วันวิวาห์กลับขึ้นมาบนรถ จอมพลอยู่ด้านในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชา ภายในรถให้ความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
อารมณ์ของวันวิวาห์ก็รู้สึกแย่มากเช่นกัน ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว : “เรื่องการรับซื้อโสธรณาลัยกรุ๊ป ฉันยอมแล้วนะคะ”
จอมพลหันมามองด้วยความแปลกใจ สีหน้าท่าทางไม่เย็นชาและไม่นิ่งเกินไป : “ทำไมจู่ๆก็คิดได้แล้วล่ะครับ?”
มือที่วางอยู่บนขากำหมัดแน่น : “ก่อนคุณปู่จะเสียชีวิต ฉันเคยรับปากท่านเอาไว้ว่าจะรักษาโสธรณาลัยกรุ๊ปเอาไว้ให้ได้ ฉันเพียงแค่ควบคุมโสธรณาลัยกรุ๊ปเอาไว้ในมือตัวเองได้ถึงจะวางใจ”
“พี่ชายของคุณเห็นด้วยแล้วหรือ?”
“ฉันจะหาโอกาสพูดกับเขาค่ะ.....”
พูดถึงตรงนี้แล้ว จู่ๆวันวิวาห์ก็รู้สึกอึ้งไป หันกลับมามองชายหนุ่มที่เย็นชาทางด้านข้าง : “คุณเห็นพี่ชายฉันแล้ว?”
ชายหนุ่มส่งเสียงออกมาทางจมูกแล้วหันกลับไปมองทางด้านหน้า
วันวิวาห์เปลี่ยนความคิดไป ดึงแขนของเขาแล้วศีรษะเล็กๆก็พิงอยู่ตรงไหล่กว้างและแข็งแรงของเขา : “สองสามปีมานี้พี่ชายฉันอยู่ที่หน่วยกำลังทหารตลอด เรื่องธุรกิจภายในบ้านเขาไม่สนใจ ช่วงนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาก เขาก็เป็นกังวลมาก กลับไปที่หน่วยกำลังทหารก็ไม่สามารถสบายใจได้เหมือนกัน รู้ว่าฉันเอาโสธรณาลัยกรุ๊ปมาดูแลเอาไว้ เขาเองก็จะได้รู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง”
ในใจเดิมทีที่ไม่สบายใจอยู่แล้วก็ยิ่งอัดแน่นอย่างไม่มีที่ระบายออก
แต่รับรู้ถึงความเชื่อใจที่แอบอิงมาของหญิงสาวตัวน้อย ก็ข่มความไม่พอใจเหล่านั้นกลับไป
“อืม” เขาตอบรับอย่างเย็นชา
วันวิวาห์กระตุกมุมปากขึ้นเบาๆ แล้วโน้มเข้าไปจูบลงบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม : “จอมพล ขอบคุณนะคะ ต่อไปฉันจะตอบแทนคุณอย่างแน่นอน”
ความหนักหน่วงบนใบหน้าที่เย็นชาของชายหนุ่มหายไปมากแล้ว
ทั้งสองคนกลับถึงบ้าน
หนูกะทิก็ถือจานใบหนึ่งที่มีฝาครอบออกมาจากห้องครัว
“มาทางนี้ค่ะ”
เด็กน้อยโบกมือให้กับวันวิวาห์ราวกับเป็นผู้ใหญ่
วันวิวาห์เดินไป :“ว่ายังไงคะหนูน้อย?”
“เซอร์ไพรส์ค่ะ”
เด็กน้อยเปิดฝาออกอย่างหน่ายๆ : “ถึงแม้ว่าจะดูหยาบๆไปหน่อย แต่ก็พอถูไถไปได้นะคะ”
เป็นเค้กก้อนเล็กๆที่ทำขึ้นมาเองก้อนหนึ่ง
มีฝีมือและละเอียดสวยงามมาก ด้านบนมีตัวอักษรบิดๆเบี้ยวๆอยู่หนึ่งบรรทัด : ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
คำนี้วันวิวาห์เห็นแล้วดวงตาก็มีความคลุมเครือขึ้นมาทันที
หนูกะทิพูดเสริมขึ้นมาอย่างงอนๆ: “ตอนแรกหนูจะไม่ทำ แต่คุณน้าลากให้หนูมาทำ”
เธอเหวี่ยงหม้อไปให้กับป้าสม
ป้าสมยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่ได้เอ่ยพูดออกมา
ตอนที่วันวิวาห์ได้รับบาดเจ็บ จอมพลส่งหนูกะทิไปที่บ้านของคุณอา
จนกระทั่งวันวิวาห์ออกจากโรงพยาบาล ถึงได้รับเธอกลับมา
หลังจากกลับมาแล้วเห็นวันวิวาห์ได้รับบาดเจ็บและเธอถูกทุกคนปิดบังเอาไว้ และยังโมโหมากกับเรื่องนี้ด้วย
เวลานี้เห็นเจ้าตัวเล็กมาเปลืองสมองเตรียมเซอร์ไพรส์แล้ว วันวิวาห์รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
“จุ๊บ!”
ก้มตัวลงแล้วจุ๊บลงบนใบหน้าของเด็กผู้หญิงตัวน้อยไปหนึ่งที
“ขอบคุณนะหนูน้อย ฉันชอบมากเลย”
ใบหน้าเล็กๆที่ดูสงสัยของหนูกะทิแดงขึ้นมา แล้วเช็ดหน้าตัวเองอย่างไม่ชอบ : “ไม่สะอาดเลยนะคะ?”
เห็นแผลที่ดูอัปลักษณ์บนใบหน้าของวันวิวาห์แล้ว เด็กน้อยก็ดึงเธอให้นั่งยองๆลง
เธอประคองใบหน้าของวันวิวาห์เอาไว้ ทำปากมุ่ยแล้วเป่าลมไปบนใบหน้าด้านข้างที่ได้รับบาดเจ็บ
“ลมหายใจของนางฟ้ามีเวทย์มนตร์ ใบหน้าจะหายเร็วขึ้น และสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วยค่ะ ไม่ต้องรู้สึกซาบซึ้งมากเกินไปนะคะ”
วันวิวาห์นั้นรู้สึกซาบซึ้ง เกือบจะน้ำตาไหลออกมาอยู่ต่อหน้าเด็กน้อยแล้ว : “ทำไมถึงได้มีหนูน้อยที่อบอุ่นรู้ใจแบบนี้กันนะ บอกมานะว่าหนูเป็นนางฟ้าตัวน้อยที่พระเจ้าส่งมาใช่ไหม?”
มุมปากของเด็กน้อยยกขึ้น ดวงตาเป็นประกาย แต่กลับตั้งใจทำหน้านิ่ง : “หนูเป็นนางฟ้าตัวน้อย ไม่ใช่ใครส่งมาซักหน่อย!”
วันวิวาห์กะพริบตา บีบน้ำตาให้ย้อนกลับขึ้นไป : “อืม ขอบคุณนางฟ้าตัวน้อยนะคะ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วจริงๆด้วย”
เด็กน้อยยกคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง มุมปากโค้งขึ้นอย่างข่มเอาไว้ไม่ได้อีก
จอมพลพิงประตูห้องอาหารมองดูทั้งสองคนโต้ตอบกัน มุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ