เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส นิยาย บท 295

สรุปบท ตอนที่ 295-296: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 295-296 – เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส โดย Internet

บท ตอนที่ 295-296 ของ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส ในหมวดนิยายดราม่า เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

大姐大 บทที่ 295 การพูดคุยกันระหว่างจ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงยามดีก

ในเวลากลางคืน จู่ๆเจี่ยนอีหลิงก็ตื่นขึ้นมากลางครันจากความฝัน

มันเป็นความฝันนั้นอีกครั้ง นี่นับเป็นครั้งที่สามที่เธอฝันถึงความฝันเดิม

เจี่ยนอีหลิงเปิดประตูห้องสไตล์ญี่ปุ่นและมองไปที่ลานที่ตกแต่งไปด้วยสไตล์ญี่ปุ่น

ลานบ้านหรฺูหรามาก แสงจันทร์ตกกระทบไปทั่วทั้งลานกว้างในยามนั้น ทำให้ทั่วทั้งลานล้วนสว่างไสว

ที่ลานบ้านนั้น เจี่ยนอีหลิงเห็นจ๋ายหวินเชิ่งที่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่หลับด้วยเช่นกัน

เจี่ยนอีหลิงเดินเข้าไป

เมื่อเห็นเจี่ยนอีหลิงที่สวมชุดกิโมโนเดินออกมา จ๋ายหวินเชิ่งก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ทำไมไม่นอน” จ๋ายหวินเชิ่งถามเจี่ยนอีหลิง

“นายบอกไม่ให้ฉันเรียนรู้จากกระต่าย แต่นายกลับเรียนรู้จากมันเสียเอง” เจี่ยนอีหลิงบ่นจ๋ายหวินเชิ่งเสียงเบาถึงสไตล์การทำสิ่งต่างๆของจ๋ายหวินเชิ่ง “ผ่อนปรนกับตนเองแต่เข้มงวดกับคนอื่น”

อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

จ๋ายหวินเชิ่งหัวเราะเบาๆ “เธอไม่รู้เหรอว่า หมาป่าทุกตัวจะออกมาตอนกลางคืน”

“ฉันไม่เคยเห็นหมาป่าที่อ่อนแอขนาดนี้มาก่อน” เจี่ยนอีหลิงพูดตามความจริง

“เธอบอกว่านายท่านอ่อนแอ” มีแววอันตรายวาบวับในดวงตาของจ๋ายหวินเชิ่ง

“อือ” เจี่ยนอีหลิงไม่แปลกใจกับท่าทางเช่นนี้ของเขา

จ๋ายหวินเชิ่งพบว่าตัวเขาไม่สามารถโต้เถียงกับสาวน้อยที่จริงจังคนนี้ได้

ก็ได้ หมาป่าที่อ่อนแอก็เป็นหมาป่าที่อ่อนแอ

เจี่ยนอีหลิงถามจ๋ายหวินเชิ่ง “ทำไมนายไม่นอน”

สายตาของจ๋ายหวินเชิ่งก้มหน้ามองบนลานบ้าน “พ่อแม่ของฉันเคยมาที่นี่”

คำตอบนี้เกินความคาดหมายของเจี่ยนอีหลิง

ดูเหมือนว่าจ๋ายหวินเชิ่งที่มาที่วิลล่าน้ำพุร้อนแห่งนี้พร้อมกับพวกเขา กลับมีความหมายเช่นนี้ซ่อนอยู่

เจี่ยนอีหลิงมองไปที่จ๋ายหวินเชิ่งในแสงจันทร์ ดูเหมือนจะเห็นความเหงาและความเปล่าเปลี่ยวจะซุกซ่อนอยู่ในดวงตาเขาอย่างบางเบา

“อย่าเสียใจ” เจี่ยนอีหลิงไม่เคยปลอบคน

จ๋ายหวินเชิ่งหัวเราะเยาะ “เธอห่วงใยนายท่านงั้นเหรอ”

หลังจากที่จ๋ายหวินเชิ่งถาม เขาก็เดาว่าเจี่ยนอีหลิงคงจะตอบว่าไม่ ผู้หญิงคนนี้ซื่อสัตย์มาโดยตลอด คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แม้ว่าเธอจะอ่อนแอเธอก็ยังพูดตรงๆ ไม่เคยโกหกเขา เพื่อปลอบใจเขาว่าเธอเป็นห่วงเป็นใยเขา

“อื้อ”

ที่สร้างความประหลาดใจให้กับจ๋ายหวินเชิ่ง เจี่ยนอีหลิงให้คำตอบที่เป็นบวก

จ๋ายหวินเชิ่งหันหน้าไปทางเจี่ยนอีหลิงทันที

แสงจันทร์ตกกระทบบนใบหน้าที่ขาวและอ่อนโยน สามารถมองเห็นสีหน้าของเธอรวมถึงดวงตาเธอได้อย่างชัดเจน

คำตอบที่ยืนยันชัดเจนนี้ ได้โยนหินก้อนเล็กๆไปบนทะเลสาบหัวใจของจ๋ายหวินเชิ่ง

จ๋ายหวินเชิ่งอยู่มาสิบเก้าปี และได้ยินคำพูดที่แสดงความห่วงใยและปลอบโยนเขามามากมายนับไม่ถ้วน

มีเพียงเสียงนี้เท่านั้นที่ง่ายที่สุด ตรงที่สุด แต่ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความจริงใจที่สุด

มีคนมากมายที่ห่วงใยเขาเพราะเขาเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลจ๋าย

และมีคนอีกมากมายที่ห่วงใยเขาเพราะพวกเขากลัวว่าความตายของเขาจะนำความหายนะมาให้พวกเขา

ในสายตาของคนเหล่านั้นเขาไม่ใช่จ๋ายหวินเชิ่ง เขาเป็นแค่ระเบิดเวลาที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

และมีเพียงเจี่ยนอีหลิงเท่านั้นที่ห่วงใยเขาอย่างง่ายๆบริสุทธิ์

“สาวน้อย รู้ไหมว่าถ้าไม่กลับห้องไปนอนตอนนี้ เธอจะกลายเป็นกระต่ายไปแล้วจริงๆ”

เจี่ยนอีหลิงมองจ๋ายหวินเชิ่งอย่างสงสัย

เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าประโยคนี้ของเขาหมายความว่าอะไร

“กลับไปเร็วเข้า” จ๋ายหวินเชิ่งเร่งเจี่ยนอีหลิง

“ถ้างั้นนายก็กลับเร็วๆเหมือนกันนะ” เจี่ยนอีหลิงกล่าว

จากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่ห้องของเธอเองจริงๆ

จ๋ายหวินเชิ่งดูเจี่ยนอีหลิงเข้าไปในห้องและดูเธอปิดประตู

จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ที่ลานกว้างต่ออีกเป็นเวลานาน

หูเจียวเจียวหันมาถามเจี่ยนอีหลิง “อีหลิง เธอเล่นเกมนี้ไหม”

“เล่น”

“เธอเคยกลัวภาพสยองขวัญกับเอฟเฟกต์เสียงในนั้นบ้างไหม”

“ไม่”

“คิดว่าเกมนี้มันซาดิสก์มากไหม เป็นการทารุณมากเลยตอนที่ตาย แถมยังไม่รู้ว่าตายยังไงด้วย”

“รับได้”

“วู้ อีหลิง เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งจริงๆ”

นักเรียนชายข้างๆ ได้ยินการสนทนาระหว่างหูเจียวเจียวกับเจี่ยนอีหลิง จึงเข้ามาพูดติดตลกว่า “หูเจียวเจียว จิตใจที่แข็งแกร่งของคนที่อยู่โต๊ะเดียวกันไม่มีประโยชน์ในเกมนี้ และการที่จะเล่นได้ดีนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องกล้าหาญ”

“อย่างน้อยก็ดีกว่าฉัน” หูเจียวเจียวตอบ

“ทำได้ดีกว่าเธอเท่านั้นแหละ” นักเรียนชายหัวเราะ

เพื่อนร่วมชั้นชายคนอื่นๆหลายคนได้ยินแล้วก็หัวเราะและพูดว่า “หรือไม่พวกเธอเรียกเราว่าพี่ชายเล็ก แล้วเราจะพาเธอสองคนไปด้วย เมื่อตอนที่เรามีเวลาว่างในวันหยุดสุดสัปดาห์”

“ใช่ แค่นั้นแหละ เพียงแค่เรียกเราว่าพี่ชายเล็กก็พอ”

เด็กผู้ชายแสยะยิ้มและมองไปที่หูเจียวเจียวและเจี่ยนอีหลิง

พวกเธอสองคนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่สุดในชั้นเรียน

โดยเฉพาะเจี่ยนอีหลิง ไม่เพียงแต่ดูน่ารัก แต่ยังมีเสียงที่นุ่มนวลและไพเราะอีกด้วย

ถูกเรียกว่า “พี่ชายคนเล็ก” ย่อมรู้สึกดีอย่างมาก

ในอดีต เจี่ยนอีหลิงเคยดุร้ายและเอาแต่ใจ พวกเขาไม่กล้าล้อเล่นเจี่ยนอีหลิงแบบนี้

แต่เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาได้เริ่มเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเจี่ยนอีหลิง และพวกเขาก็มีความกล้าที่จะทำให้เล่นสนุกกับเธอ

“ไม่หรอก เราจะทำคะแนนด้วยตัวเอง ถ้าฉันถูกทำร้ายก็จะยอมถูกทำร้าย บางทีฉันก็อาจจะชินกับมัน” หูเจียวเจียวยังนับถือศาสนาพุทธมาก

“ทำคะแนนด้วยตัวเองนะเหรอ พวกเธอสองคนเหรอ คงจะดีไม่น้อยถ้าพวกเธอไม่เสียคะแนน แค่เรียกพวกเราว่าพี่ชายคนเล็ก อย่าตระหนี่ไปเลย พวกเราหลายคนเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว ง่ายที่จะพาระดับบรอนซ์ไปด้วย เพียงครึ่งวันเธอก็จะขึ้นไปเป็นระดับทองหรือแม้แต่ทองคำขาวได้เลยนะ”

หูเจียวเจียวเริ่มเอียงเอนไปอยู่บ้างกับคำพูดของพวกเขา เธอหันหน้าไปมองเจี่ยนอีหลิง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส