เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส นิยาย บท 649

สรุปบท ตอนที่ 649-650: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

ตอนที่ 649-650 – ตอนที่ต้องอ่านของ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

ตอนนี้ของ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายดราม่าทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 649-650 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 649 ห้องหลบหนี 4

ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เธอได้ยินคนเหล่านั้นพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า เธอเป็นตัวประหลาด

และในขณะนั้น เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ว่าเธอทําอะไรผิดไป

พวกเขาบอกเธอว่า ตอนนี้พวกเขากําลังเล่นเกม ดังนั้นเธอต้องเล่นตามกฎ

เจี่ยนอีหลิงในเวลานั้นเข้าใจมาโดยตลอดว่า เธออาจทําอะไรผิดพลาดลงไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว

จํายหวินเชิงจ้องมองไปที่ฝูงชนด้วยสายตาที่เย็นชา ในขณะที่เขากําลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจี่ยนอีหลีงก็เอ่ยคําสัญญากับเหยาโม่ผิงออกมาเสียก่อน

“โอเค พวกเธอเล่นกันได้เลย”

จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็ก้าวไปด้านข้าง และหยุดมีส่วนร่วมในการไขปริศนาในครั้งนี้

คนส่วนใหญ่รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทํา แต่ทว่าเพราะเหยาโม่ผิง พวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจี่ยนอีหลิงก็ถามจํายหวินเพิ่งด้วยเสียงเล็กๆว่า “ฉันทําอะไรพลาดไปงั้นเหรอ?”

“เธอไม่ได้ทํา” จํายหวินเชิงตอบ “เธอกําลังเล่นตามกฎ

เธอไม่เข้าใจวิถีของโลกใบนี้ แต่ทว่าเธอก็ไม่จําเป็นต้องเข้าใจมัน

“บางครั้งพวกเขาบอกว่า ฉันไม่เล่นตามกฎ” เจี่ยนอีหลิงพูดอย่างเงียบๆ

“ปล่อยคนเหล่านั้นไป เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะคิดแบบเดียวกัน เธอไม่ต้องสนใจสิ่งที่พวกเขาพูด

จํายหวินเชิงกล่าวขึ้น ในขณะที่จับมือของเจี่ยนอีหลิงอย่างนุ่มนวล

จากนั้น จํายหวินเซึ่งก็มองเหยาโม่ผิงด้วยสายตาเย็นชา

เนื่องจากเจี่ยนอีหลิงไม่ได้เกี่ยวข้องกับห้องหลบหนีอีกต่อไป จึงทําให้ความคืบหน้าของกลุ่มช้าลงอย่างมาก

ทุกคนเดินไปรอบๆห้องเป็นเวลานาน แต่ทว่าพวกเขาไม่สามารถหาคําตอบที่ถูกต้องสําหรับปริศนาของห้องนี้ได้เลย

“หานหมิงอวี่ เพจเจอร์อยู่ที่ไหน? เราขอให้เจ้าของบอกใบ้หน่อยเถอะ!”

พวกเขาหาคําตอบด้วยตัวเองไม่ได้ เป็นผลให้พวกเขาต้องขอความช่วยเหลือ

และในเวลานี้ พวกเขาอายเกินกว่าจะขอความช่วยเหลือจากเจี่ยนอีหลิง จึงทําได้เพียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านเท่านั้น

แต่ทว่า เมื่อหานหมิงอวนําเพจเจอร์ออกมา เขาจึงรู้ว่าเพจเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้

“เป็นไปไม่ได้? ทําไมมันถึงไม่ทํางานในเวลานี้? อาา เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของร้าน? เขาตรวจสอบของพวกนี้เป็นประจําไม่ใช่เหรอ?”

ทุกคนสามารถยืนยันได้ว่าเพจเจอร์นี้เสียจริงๆ

“แล้วตอนนี้พวกเราจะทํายังไงต่อไป?” ซึ่งเหว่ยถามด้วยความเป็นห่วง

ถ้าเพจเจอร์เสีย แล้วเจ้าของร้านจะช่วยเหลือได้ยังไง?

หากพวกเขาไม่ได้รับคําใบ้ พวกเขาจะออกจากที่นี่ได้ยังไงกัน

“ใครมีโทรศัพท์อยู่บ้าง? โทรไปหาเจ้าของร้านหน่อย” เหยาโม่ผิงแนะนํา

“ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เพราะถ้ามีสัญญาณล่ะก็ เจ้าของร้านจะให้เพจเจอร์แก่เราทําไม” หานหมิงอวตอบ เขาปฏิเสธความคิดนั้นทันที

“ไม่นะ! แล้วเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไง” มีคนเริ่มร้องไห้ออกมา

ความคิดของทุกคนเริ่มเปลี่ยนไปทันที

เดิมที่พวกเขากําลังมีความสุข และสนุกกับการไขปริศนาเป็นอย่างมาก

แต่ทว่า ตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกขังอยู่ที่นี่จริงๆ

จากนั้น สายตาของฝูงชนก็มองไปที่เจี่ยนอหลิงอย่างพร้อมเพรียง

หากไม่มีเพจเจอร์ที่จะช่วยพวกเขาแล้ว แสดงว่าคนเดียวที่สามารถนําพวกเขาออกไปได้ก็คือเจี่ยนอีหลิง

แต่ทว่าทุกคนจําสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยํา และด้วยเหตุนี้ ทําให้ทุกคนค่อนข้างลําบากใจ ที่จะขอความช่วยเหลือจากเจี่ยนอีหลิง

และคนที่อึดอัดที่สุดก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหยาโม่ผิง

เมื่อได้ยินแบบนี้จํายหวินเชิงกล่าวว่า “อืม…ไม่เป็นไร พวกเรามานอนรอที่นี่กันสักคืน และในตอนเช้าเจ้าของร้านน่าจะเข้ามาหาเราเอง”

คําพูดของจํายหวินเชิง ไม่ได้ช่วยคลายความกังวลของทุกคนแม้แต่น้อย ในทางกลับกันทําให้ทุกคนเริ่มตระหนักได้ว่า การขอให้เจี่ยนอีหลิงไขปริศนาในห้องนี้นั้น สําหรับพวกเขามีความสําคัญมากเพียงใด

ไม่มีใครอยากอยู่ที่นี่ จนถึงเช้าของวันพรุ่งนี้

สถานที่นี้เต็มไปด้วยฝุ่น ไม่มีแม้แต่ที่นั่งที่เหมาะสม แล้วพวกเขาจะสามารถใช้เวลาทั้งคืนในที่แห่งนี้ได้ยังไง?

คงจะไม่เป็นไร ถ้าพวกเขาพยายามไขปริศนาตลอดทั้งคืน

แต่ทว่า ในตอนนี้พวกเขาเป็นกลุ่มแมลงวันหัวขาด ซึ่งมันน่าเจ็บปวดมากที่ได้อยู่ในห้องนี้

จากนั้นทุกคนก็มองไปรอบๆ ภายในห้องนี้มีกลิ่นอายของความหวาดกลัวที่น่าขนลุก ที่อยู่ภายใต้ของอาคารโรงงานที่ถูกทิ้งร้าง

ในตอนนั้น พวกเขาได้ใช้เวลาไปมากมายในการค้นหาทางออก แต่ทว่าเจี่ยนอีหลิงกลับใช้เวลาเพียงแค่สามนาทีเพื่อออกจากห้องนี้

ราวกับว่าเธอมีสคริปต์อยู่ในมือ

ทันทีที่เจี่ยนอีหลิงเริ่มแก้ปัญหา ทั้งกลุ่มก็ไขปริศนาได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาทุกคนได้หนีออกจากอาคารโรงงานร้าง และพวกเขาก็กลับมาที่ร้านอีกครั้ง

เจ้าของร้านตาเดียวมีสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นกลุ่มนี้ออกมา

คนเหล่านี้ สามารถแก้ปัญหาห้องหลบหนีได้จริงงั้นหรือ?

และพวกเขาก็ไม่ได้ขอคําแนะนําจากเขาสักครั้งเดียว!

นอกจากนี้ ยังใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น!

นี่เป็นครั้งแรก ที่มีคนหนีออกจากห้องที่เขาออกแบบไว้โดยไม่ขอคําใบใดๆ

เจ้าของร้านตาเดียว และผู้ช่วยร้านค้าที่ชาญฉลาดของเขาได้กวาดสายตามองไปยังทุกคน

กลุ่มนี้มักไปที่ห้องหลบหนีอยู่บ่อยครั้ง และก่อนหน้านี้พวกเขาได้ขอคําแนะนําจากเขาไปมากมาย

จากนั้น เจ้าของร้านตาเดียวก็จ้องไปที่เจี่ยนอีหลิง

ซึ่งเจี่ยนอีหลิงเป็นคนเดียวที่ไม่เคยไปที่ห้องหลบหนีมาก่อน และเธอก็เป็นตัวแปรที่แตกต่าง

ดังนั้น เจ้าของร้านตาเดียวจึงเดินไปที่เจี่ยนอีหลิง และพูดว่า “ร้านของเรายินดีมอบบัตรวีไอพีตลอดชีวิต ให้กับผู้เล่นที่สามารถผ่านห้องหลบหนีได้โดยไม่ขอคําใบ้จากเรา เธอสนใจที่จะเล่นต่อไปในอนาคตหรือไม่?

เจี่ยนอีหลิงพยักหน้าเล็กน้อย เพราะเธอยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับร้านนี้อยู่มากมาย

จากนั้น เจ้าของร้านจึงขอให้เจี่ยนอีหลิงลงทะเบียนข้อมูลของเธอ

ดวงตาข้างเดียวของเขา มองไปทางเจี่ยนอีหลิงที่กําลังจดชื่อ และข้อมูลการติดต่อของเธออย่างเงียบๆ

เมื่อเจี่ยนอีหลิงเขียนรายละเอียดเสร็จแล้ว เจ้าของร้านตาเดียวก็จํารายละเอียดเหล่านั้นได้ทั้งหมดเช่นกัน

จากนั้น เจี่ยนอีหลิงได้สอบถามเจ้าของร้านเกี่ยวกับการผลิตหุ่นจําลอง

เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอีหลิงสนใจในการผลิตหุ่นจําลอง เจ้าของร้านจึงเชิญเจี่ยนอีหลิง เข้ามาดูกระบวนการผลิตของพวกเขาได้ในอนาคต

เมื่อได้ยินแบบนี้เจี่ยนอีหลิงก็เห็นด้วยทันที

หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงออกจากร้านไปแล้ว เจ้าของร้านก็โทรไปต่างประเทศ ซึ่งการโทรในครั้งนี้ได้กินเวลาไปประมาณสิบนาที และระหว่างการโทรนั้น เจ้าของร้านได้ให้ข้อมูลการติดต่อของเจี่ยนอีหลิงให้กับอีกฝ่ายด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส