หญิงสาวในชุดฟอร์มโรงงานแต่งตัวทะมัดทะแมง หุ่นปราดเปรียวสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะพายกระเป๋าผ้า มืออีกข้างถือปิ่นโต หลังจากเลิกทำโอที เธอรีบสาวเท้าก้าวเดินออกมาจากแผนกทันที เพื่อตรงไปยังรถรับส่งพนักงานคนคุ้นเคย โดยมีชมพู่เดินตามหลังเพื่อนไปติดๆ เธอจะขับรถจักรยานยนต์มาแค่วันที่ต้องแวะตลาด เธอยังค้างคาใจเรื่องที่ใบบุญถูกท่านประธานเรียกให้ไปพบ
“บอกมาสักทีได้ไหมอ่ะ ฉันอยากรู้จะแย่แล้ว เธอจะอมพะนำไว้ทำไมเนี่ย” เสียงของชมพู่พูดตัดพ้อออกมา พร้อมกับทำหน้างอนเพื่อนรักของเธอ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เล่าให้ฟัง วันนี้เมื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปกลับบ้านกัน” ใบบุญพูดออกมาพร้อมกับหยุดเดิน แล้วยิ้มบางๆ ส่งไปให้เพื่อน ก่อนจะดันหลังชมพู่ให้ขึ้นรถตู้ที่จอดรอ
“เราคงไม่สำคัญ เธอเลยไม่อยากเล่าให้ฟัง” นั่นไงน้ำเสียงประชดประกันก็มา จนทำให้ใบบุญถึงกับถอนหายใจออกมา
“เฮ้ย! อะไรกัน งอนตุ๊บป่องเชียว บอกให้ก็ได้เอาหูมา” ใบบัวได้กระซิบลงไปที่ข้างใบหูของชมพู่ เพราะเธอไม่อยากให้พนักงานคนอื่นได้ยิน เดี๋ยวจะกลายเป็นขี้ปากอย่างไม่รู้ตัว
“ฮะ! จริงดิ เธอจะถูกย้ายไปทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยท่านประธานจริงเหรอ” ใบบุญรีบเอามือขึ้นไปปิดปากชมพู่เอาไว้แทบไม่ทัน จนทุกคนมองมาที่เธอ เมื่อได้ยินคำว่าท่านประธาน
“ฉันบอกว่าอย่าเอ็ดไปไงเล่า ขึ้นรถได้แล้ว”
“ขอโทษนะ เรื่องจริงเหรอ ที่ว่าท่านประธาน....” ก่อนขึ้นรถชมพู่ได้เอ่ยถามออกไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ด้วยประโยคท้ายที่ค้างเอาไว้ พร้อมกับหน้าตาของเธอที่เต็มไปด้วยคำถาม
“แต่ฉันก็ได้ปฏิเสธเขาไปแล้ว” พอนั่งอยู่บนรถคนทั้งสองกระซิบกันด้วยน้ำเสียงที่เบา
“โอกาสทองเลยนะนั่น เธอทิ้งไปได้ไงอ่ะ ใบบุญ!” ชมพู่ลากเสียงสูง เมื่อเธอรู้สึกเสียดายแทนเพื่อน
“ฉันมีเหตุผลของฉัน ที่ไม่อยากไปทำงานตึกนั้น” พูดจบใบบุญก็ได้เบือนหน้าหันไปมองวิวข้างทาง เพราะเธอไม่อยากให้ชมพู่เซ้าซี้ให้มากความ ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตาตอนนี้ใบหน้าของชายหนุ่ม ซึ่งเป็นบุคคลที่ทำให้เธอหลาบจำไม่ลืมเลือน คอยย้ำเตือนให้เธอไม่กล้าไว้ใจผู้ชาย เขาทำให้เธอจำฝังใจ เมื่อความใสซื่อไร้เดียงสาถูกตีค่าเป็นเงินตรา ซึ่งข้อเสนอของเขากลายเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเธอ
“ถึงสักที ขอบคุณนะคะ” ใบบุญเดินลงมาจากรถกับชมพู่ พร้อมพนักงานอีกสองสามคน ก่อนจะเดินเข้าไปในซอยลึก แม้จะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ แต่พวกเธอก็ไม่ค่อยได้ใช้บริการ นอกจากวันไหนที่ฝนตก
“ชมพู่ เธอว่ารถคันนั้นแปลกไหม ทำไมขับช้าจัง ฉันเห็นเขาจอดข้างทาง แล้วขับเคลื่อนอย่างช้าๆ พวกโรคจิตหรือเปล่า” ใบบุญเอามืออีกข้างคล้องแขนชมพู่เอาไว้ แล้วพูดกระซิบออกไปเบาๆ เมื่อหญิงสาวมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนจับจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา
“อ้าว! พี่ มาแล้วเหรอหวัดดีครับ” ใบโพธิ์พูดพร้อมกับยกมือขึ้นไว้กล่าวทักทายพี่สาวของเขาออกไป จนทำให้เพื่อนๆ ของเขา รีบยกมือขึ้นไหว้ใบบุญเช่นกัน
“ใบโพธิ์ ตามพี่เข้ามาในบ้านหน่อยสิ” ใบบุญหันไปพูดกับน้องชายเสียงแข็ง เธอไม่ชอบใจกับการที่ใบโพธิ์นั่งดื่มเสียงดังไม่เกรงใจเพื่อนบ้าน แล้วยังสูบบุหรี่ควันโขมงไปหมด ซึ่งหญิงสาวไม่ต้องการให้ใบพลูพบเจอกับสภาพแวดล้อมแบบนี้
“ป้าครับผมขอถามอะไรหน่อยสิ” ตะวันที่ซุ่มอยู่ข้างรั้วรีบเอ่ยถามผู้หญิงที่ดูมีอายุ ซึ่งได้เดินผ่านมาพอดี เมื่อเขาอยากรู้ว่าผู้ชายกลุ่มนั้นเป็นใคร หรืออาจจะเป็นสามีของใบบุญ
“มีอะไรพ่อหนุ่มป้ารีบ เป็นขโมยหรือเปล่า ทำไมไม่คุ้นหน้าเลย” เวลานี้ดูเหมือนป้าจะเริ่มกลัวตะวัน เขาทำหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนจะควักแบงก์สีเทาออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับป้าไป
“ผมแค่อยากรู้เรื่องของคุณใบบุญ ผู้ชายพวกนั้นเป็นใครเหรอครับ” ดูเหมือนว่าป้าจะไม่รีรอรีบหยิบธนบัตรจากมือของตะวันใส่ยัดใส่กระเป๋าเสื้อทันที จากนั้นมนุษย์ป้าก็เล่าออกมาเป็นฉากจนแทบลืมหายใจ เพราะเรื่องของชาวบ้านคืองานอดิเรกของนาง
“ขอบคุณมากนะครับป้าสำหรับข้อมูลทั้งหมด” ตะวันถึงกับยิ้มร้าย เมื่อเขาได้ยินเรื่องเล่าจากป้า ก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพบุตรในคราบซาตาน