หลังเลิกงานหญิงสาวทั้งเดินเดินออกมาจากโรงงานพร้อมกัน แต่ทว่าพวกเธอต้องหยุดเดิน เมื่อเสียงของหัวหน้าใหญ่เรียกใบบุญออกมาดัง จนผู้คนแถมนั้นมองมาที่เธอเป็นตาเดียว ก่อนที่พวกหล่อนจะซุบซิบนินทรา เรื่องที่ใบบุญมีหัวหน้าใหญ่เข้ามาพัวพัน ทั้งที่เขานั้นก็มีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งหล่อนทำงานเป็นเลขาให้กับท่านประธาน แต่ความเจ้าชู้ของเพชรภูมิ เวลาเห็นสาวสวยเขาก็หวังที่จะหาเศษหาเลยจากพวกเธอจนติดเป็นนิสัย
“ใบบุญกลับยังไง ให้ผมไปส่งไหม พอดีว่าวันนี้ผมอยากมีเพื่อนไปนั่งรถเล่น” ชายหนุ่มหน้าตาดี มีรถหรูขับ เขาคงกำลังคิดว่าใบบุญเป็นผู้หญิงนิยมวัตถุ ซึ่งความเป็นจริงหญิงสาวไม่เคยมีความปรารถนาที่จะใช้เต้าไต่ ไปสู่ตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือมีสถานะเป็นผู้หญิงของหัวหน้างานอย่างเพชรภูมิ
“พอดีว่าฉันนัดกับเพื่อนเอาไว้ค่ะ”
“ดีเลยเดี๋ยวผมไปส่ง” ถ้าเป็นคนอื่นคงดีใจจนเนื้อเต้น แต่นี่คือใบบุญผู้ซึ่งไม่ยินดียินร้ายกับชายใด จนดูเหมือนกับว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงที่ไร้หัวใจ หญิงสาวพยายามข่มใจเอาไว้ เพราะไม่อยากก่นด่าเพชรภูมิออกไปแรงๆ เนื่องจากเขามีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าใหญ่ของเธอ
“ขอบคุณมากนะคะคุณเพชรภูมิ พอดีว่าฉันกับเพื่อนตั้งใจจะไปซื้อของที่ตลาด ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ” เพชรภูมิพูดพลางฉุดแขนใบบุญเอาไว้ จนเธอต้องรีบขยับตัวออกห่างอย่างไว เพราะไม่อยากให้ใครๆ เข้าใจเธอผิด
“จะไปตลาดใช่ไหม เดี๋ยวผมไปส่ง” ชายหนุ่มยังคงคะยั้นคะยอไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ยังไงใบบุญก็ไม่มีทางไปกับเขา
“หัวหน้าค่ะ อย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจมากไปกว่านี้เลย ฉันไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของใคร ขอตัวนะคะ” คราวนี้ใบบุญพูดพร้อมกับฉุดแขนชมพู่ให้เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนที่เธอจะตกเป็นขี้ปากเพื่อนร่วมงานมากไปกว่านี้ ทั้งสองตรงไปที่โรงรถจักรยานยนต์ สำหรับที่มีไว้พนักงาน ก่อนที่ใบบุญจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เสน่ห์แรงเหมือนกันนะเนี่ย อิจฉาจัง ถ้าเป็นฉันนะจะขึ้นรถไปกับหัวหน้าอย่างไม่ลังเลเลย” ชมพู่พูดออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย เมื่อเพชรภูมิคือชายในฝันของสาวๆ ทั้งโรงงาน แต่คงต้องยกเว้นใบบุญไว้หนึ่งคน
“ตื่นๆ ฝันกลางวันรึไง หัวหน้าใหญ่เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ฉันยังไม่อยากตกงาน”
“แค่แฟนไม่ใช่เมียสักหน่อยนี่”
“เฮ้ยชมพู่! คิดแบบนั้นได้ไงอ่ะ ศิลข้อสามท่องให้ขึ้นใจ อย่าไปข้องแวะกับใครที่เขามีเจ้าของ แต่ถึงหัวหน้าใหญ่ไม่มีแฟน ฉันก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวอยู่ดี พนักงายอย่างพวกเรา คงเป็นได้แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวของคนมีตังค์” เมื่อพูดจบประโยคแววตาของใบบุญเศร้าไปถนัด เมื่อเรื่องราวในค่ำคืนนั้นยังคงตามมาหลอกมาหลอนเธออยู่ร่ำไป ป่านนี้ผู้ชายที่สร้างมลทินให้กับเธอ เขาคงมีความสุขกับครอบครัวที่อบอุ่นมีหน้ามีตาในสังคม ผิดกับเธอที่ต้องหาเช้าเช้ากินค่ำ เงินเดือนแทบจะไม่เหลือเก็บ
“จ้าแม่พระ แม่คนดีของสังคม เชิญขึ้นรถได้แล้วค่ะ” แม้ว่าชมพู่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยผิดใจกัน เพราะใบบุญทราบดีว่าเพื่อนของเธอแค่พูดแหย่เธอเล่นเท่านั้น เมื่อรถจักรยานยนต์แล่นเข้ามาถึงตลาดสด พอจอดรดได้ต่างคนก็ต่างซื้อของเข้าบ้านจนเต็มไม้เต็มมือ ก่อนที่บุญใบจะเดินตรงไปหาลุงขายก๋วยเตี๋ยว เพื่อซื้อมื้อเย็นไปให้กับสองสาว ป่านนี้ใบบัวกับใบพลูคงตั้งตารอเธอกลับบ้านเต็มที
“เอาบะหมี่เกี๊ยวกุ้งสองถุงค่ะลุง พิเศษนะคะ” หญิงสาวเดินเข้าไปหาพ่อค้ารถเข็ญ พร้องกับสั่งเมนูโปรดให้กับใบพลู ส่วนใบบัวก็คงชอบเหมือนกัน เพราะเธอซื้ออะไรไปก็เห็นน้องสาวกินหมดทุกอย่าง
“อ้าว! หนูนี่เอง แป๊บหนึ่งนะนั่งรอก่อน” ลุงเจ้าของร้านหันมาตอบ ก่อนจะบอกให้ใบบุญนั่งรอ “ทำไมสั่งแค่สองถุงอ่ะ” ชมพู่เดินเข้ามาหาเพื่อนพร้อมกับถามใบบุญออกไปด้วยความสงสัย เพราะของที่เธอซื้อมานั้นส่วนมากเป็นขนมสำหรับใบพลูมากกว่า
“ฉันไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยว ชอบไข่เจียวเธอก็รู้” ใบบุญตอบเพื่อนกลับไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มร่า ทั้งที่ความเป็นจริงภายในใจของเธอมันกำลังเศร้า เมื่อนึกถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องรัดกุม
“อืม... กินข้าวกับไข่เจียวทุกวันไม่เบื่อรึไง” ชมพู่ทำหน้าเอือมๆ เพราะเธอไม่คิดว่าใบบุญจะชองกินไข่ได้ทุกวี่ทุกวันแบบนี้
“ได้แล้วหนู”
“เท่าไหร่คะลุง”
“พี่ซื้อบะหมี่เกี๊ยวกุ้งมาให้ใบบัวกับใบพลูคนละถุง รีบไปแกะกินสิเดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย” ใบบุญพูดพลางหยิบของสด ผักกับเนื้อไก่เข้าตู้เย็น ก่อนจะหยิบขนมมาวางไว้ที่โต๊ะสำหรับสองสาว จนทำให้ใบพลูยิ้มแป้นให้กับขนมที่วางอยู่ตรงหน้า
“แล้วของพี่ละ กินมาแล้วเหรอ”
“พี่ยังไม่หิว ซื้อไข่มาแล้ว อาบน้ำก่อนเดี๋ยวพี่จะมานั่งกินกับข้าวสวยร้อนๆ” ใบบุญพูดจบก็รีบเดินออกไปทันที เธอไม่ซีเรียสเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว เพราะหญิงสาวอยากโฟกัสเรื่องเรียนของน้องสาวมากกว่า
“ใบพลู เธอกินหมดเหรอ ชามเบ้อเริ่มเชียว” เมื่อพี่สาวเดินออกไป ใบบัวได้ถามใบพลูออกมาทันที เพราะเธอคิดว่ายังไงเด็กหญิงก็กินไม่หมดอยู่ดี
“กินไม่หมดหรอก กินเส้นช่วยหน่อยสิ ห้ามเอาเกี๊ยวนะ”
“รู้แล้วน่า” ใบบัวพูดพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบเส้นจากชามของใบพลูมาใส่ชามของตัวเอง จากนั้นเธอจึงจัดการแกะบะหมี่เกี๊ยวในถุงใส่อีกชาม แล้วแบ่งให้เท่าๆ กัน ก่อนจะใส่เครื่องปรุงแล้วลงมือรับประทาน
“กินอะไรต้องรู้จักแบ่งพี่ใบบุญด้วยเข้าใจไหม เธอไม่สงสารพี่ใบบุญรึไง เขาทำงานคนเดียว เพื่อให้เราสองคนได้กินอิ่มหลับสบาย” ใบบัวพูดกรอกหูใบพลูทุกวันเรื่องสำนึกในบุญคุณ แต่เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ ถ้าไม่อิ่มก็คงไม่รู้จักแบ่งปัน เพราะเธอเคยชินกับการเสียสละของใบบุญ
“โตขึ้นใบพลู จะหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วจะซื้ออะไรอร่อยๆ มาให้พี่ใบบุญกับพี่ใบบัวกินทุกวันเลย” สาวน้อยพูดขึ้นเสียงเจี๊ยวจ๊าว พลางก้มหน้าก้มตากินเกี๊ยวกุ้งในชามด้วยความเอร็ดอร่อย จนใบบัวต้องส่ายศีรษะให้กับคำพูดที่ไร้เดียงสาของเธอ กว่าใบพลูจะโตไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอต้องตรากตรำทำงานหนักแค่ไหน
ใบบุญที่เดินออกมาได้ยิน เธอรู้สึกซึ้งใจในคำพูดของใบบัวไม่น้อย ที่น้องสาวเองก็มีความรัก ความห่วงใยให้พี่สาวอย่างเธอเช่นกัน พอๆ กับที่ใบพลูคุยโวออกมาอย่างน่ามันเขี้ยว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพบุตรในคราบซาตาน