Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี นิยาย บท 2

สรุปบท ตอนพิเศษที่ 2: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี

สรุปเนื้อหา ตอนพิเศษที่ 2 – Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี โดย Internet

บท ตอนพิเศษที่ 2 ของ Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี – ตอนพิเศษที่ 2
ตอนพิเศษที่ 2 – ความรักของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาช่างเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างที่คิดเลย

“ฟู่”

ในช่วงทุกวันนี้สทิคเป็นกังวลอย่างมาก หลังจากที่ยูอิลฮานได้เข้าเป็นพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องปวดหัวจากการจัดการดูแลโลกอีกต่อไป ในตอนนี้งานของเธอได้ลดน้อยลงมามากจนทำให้เธอได้มีเวลาคิดสิ่งต่างๆมากมาย

ทำไมเธอถึงได้เกิดมา เป้าหมายชีวิตของเธอคืออะไร เธอเป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความคิดมากมากทำให้เธอไม่อาจจะไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสงบสุข

[ท่านเอิร์ธ ฉันเกิดมาทำไมกัน?]
[เธอได้เกิดขึ้นมาเพื่อเป้าหมายในการฆ่ายูอิลฮานที่ทำให้โลกล่มสลายลง ไม่มีเป้าหมายอื่นหรือแรงจูงใจอื่นอีกแล้ว]

นี่คือคำตอบของเอิร์ธ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดกับคนอื่นมากนักนอกจากช่วยยูอิลฮานกับคิมเยซอล เขาก็รู้สึกสนิทกับมิสทิคเล็กๆน้อยๆ เพราะมิสทิคเดิมทีมาจากเขา และเมื่อเธอเป็นกังวลแบบนี้เขาก็ไม่อาจจะปล่อยเธอทิ้งไว้ได้

“ถ้าอย่างนั้นท่านก็สร้างฉันขึ้นมาโดยไม่คิดถึงอนาคตเลย”
[ฉันมีอยู่หนึ่งเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ว่าฉันไม่ได้หวังอะไรจากเธอหลังจากที่เธอจะทำหน้าที่สำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม ในตอนนี้ทุกๆอย่างได้ถูกจัดการแล้ว เธอก็แค่ต้องใช้ชีวิตไปตามที่เธอเห็นสมควร]
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าชีวิตคืออะไร”

อย่างที่เอิร์ธได้ตอบกลับมา เธอเกิดขึ้นมาแค่เพื่อฆ่ายูอิลฮาน เธอได้ถูกยูอิลฮานฆ่าไปโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากนั้นเธอก็ถูกยูอิลฮานชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ แต่ว่าเธอก็มีแต่ช่วยสนับสนุนให้กับชีวิตของยูอิลฮาน เธอไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีกเลย เพราะงั้นบางทีแล้วในด้านการใช้ชีวิตเธอก็เหมือนกับเด็กทารก

[ไม่มีใครรู้หรอกว่าชีวิตเกี่ยวกับอะไร ต่อให้เธอจะไปถามนายท่านยูอิลฮาน เธอก็จะไม่ได้คำตอบที่มีประโยชน์กลับมาอยู่ดี]
“ตอนนี้ฉันเข้าไปหานายท่านไม่ได้เลย นายท่านยังคงเป็นห่วงฉัน แม้ว่าตัวเขาจะปฏิเสธก็ตาม เขารักในทุกๆสิ่งที่เขาสร้างหลังจากกลายเป็นพระเจ้า พวกตรงๆแล้วมันอึดอัดน่ะ”
[เธอกลัวว่าเธอจะตกหลุมรักเขา?]
“ฉันไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร แล้วก็…”

เมื่อเป็นเรื่องความรักได้มีคนๆหนึ่งเข้ามาในความคิดเธอ ในตอนแรกเธอก็แค่เพลิดเพลินไปกับการพูดคุยกับเขาเนื่องจากทั้งคู่มีสถานการณ์คล้ายๆกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์เธอก็เปลื่ยนไปเป็นบางสิ่งที่คล้ายเดิม แต่ก็ต่างจากเดิม

“มันเหมือนกับว่า… หัวใจฉันจะเต้นแรงในทุกๆทีที่เห็นเขาและฉันจะรู้สึกรำคาญเขาโดยไร้เหตุผล ฉันรู้ว่านี่มันไม่ปกติเลย ทำไมกันล่ะ? พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน นี่มันกระทันหันเกินไป”
[นี่เธอกำลังพูดอะไรอยู่]

เอิร์ธได้เยาะเย้ยเธอออกมา

[ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ เธอกำลังจะหาคำอธิบายจากโลกใบนี้งั้นหรอ? พวกเราได้แต่ยอมรับมัน พวกเราได้แต่อยู่กับปัจจุบัน พวกเราก็ต้องก้าวต่อไป…. และนี่แหละคือชีวิต]

เธอไม่รู้ว่าเธอเกิดมาทำไม เธอไม่รู้ว่าเธอจะไปที่ไหร่ เพราะงั้นเธอก็แค่ไปในที่ที่เธออยากจะไปและทำในสิ่งที่เธออยากจะทำ มันคงจะน่าอายหากว่าเธอไม่รู้ถึงสิ่งที่เราจะบอก

[เหตุผลที่เธอเป็นแบบนี้มันก็เพราะงูนั่นใช่ไหมล่ะ? หยุดปฏิเสธความรู้สึกตัวเองและหลบหนีมันได้แล้ว ก็แค่ยอมรับอย่างที่เป็นก็พอแล้ว]
“ถ้าท่านเอิร์ธเป็นฉัน…”
[ฉันไม่ใช่เธอ]

เอิร์ธได้พูขัดคำถามออกมาอย่างไร้ปราณี จากนั้นก็พูดเสริมขึ้นมา

[ฉันไม่สามารถจะช่วยอะไรเธอได้ เพราะงั้นทำไมไม่ลองไปถามคนที่คล้ายๆกับเธอในเรื่องนี้กันล่ะ?]
“…จริงด้วย โอเค ฉันจะไปถามพวกเธอ”

มิสทิคได้ยื่นขึ้น เธอได้กดหมวกฟางที่ยูอิลฮานมอบให้กับเธอมาและออกไปหาคนที่น่าจะช่วยเธอได้

***

“อืมม นี่เป็นคำถามที่ยากมาก”

ผู้ถูกถามคาริน่า สมิธสันได้ส่งเสียงออกมา เด็กหนุ่มรูปหล่อได้จับนิ้วของมิสทิคเอาไว้ด้วยแขนเล็กๆของเขา

“อุแง๊!”
“เธอรู้เรื่องความรักไหมนิค?”
“ลูกเราไม่ได้รู้เรื่องอะไรแบบนั้นหรอกนะ”

คาริน่าได้ลูบผมของนิคและเริ่มพูดออกมา

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวมากเลยนะ เธอจะไม่เป็นไรหรอมิสทิค?”
“แน่สิ ฉันอยากจะได้ข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”
“ถ้างั้นก็… ที่จริงในตอนแรกที่ฉันได้เจอกับชายคนนั้น ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่หน้าด้านที่สุดในชีวิตเลย”

มิเชล สมิธสันคือชายที่เต็มไปด้วยความดื้นด้านและความโลภ เขาเห็นแต่ตัวเอง กลุ่มของเขา ประเทศของเขา และเป้าหมายของคนอื่นๆนอกจากของเขาคือสิ่งที่ผิด

“ยังไงก็ตามเมื่อเวลาได้ผ่านไปและสภาพแวดล้อมก็ได้เริ่มเปลื่ยนแปลงเขา ในตอนแรกพวกเราก็แค่เป็นพันธมิตรกันเพราะว่ามีศัตรูเหมือนกัน เขายังคงหยิ่งยโสอยู่ แต่ในมุมๆหนึ่งเขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ เดิมทีเขาเป็นคนที่หัวรั้นมากๆแม้แต่กับพวกเดียวกันเอง แต่ในเวลาต่อมาเขาได้เริ่มที่จะสนใจคนอื่นมากขึ้น”

ถึงจะน่าหงุดหงิด แต่คาริน่าคิดว่าจุดเปลื่ยนของเขาก็น่าจะเป็นในตอนที่เขาได้เริ่มหลงรักคังมิเรย์ เมื่อได้มีคนนอกเข้ามาอยู่ในสายตาเขาทำให้เขาเริ่มสนใจคนนอกมากยิ่งขึ้น

“เนื่องจากเขาอยากที่จะเห็นคนนอก เขาก็เลยยอมรับในตัวเองที่อยู่ในสายตาคนอื่นทำให้เขาได้เริ่มถ่อมตัวขึ้นมาเล็กน้อย ฉันคิดว่าฉันคือคนที่ได้เห็นการเปลื่ยนแปลงนี้อย่างใกล้ชิด ฉันคิดว่าเขาเป็นไอโง่แท้ๆเลยล่ะ แต่ว่ามันก็น่าผิดหวังในตัวฉันเองเหมือนกันเนื่องจากฉันก็รู้สึกตัวว่าฉันนั้นคล้ายกันกับเขา แต่ฉันก็ภาคภูมิใจนะที่ได้เห็นเขาเติบโตขึ้น… และพอเป็นแบบนี้ ฉันก็ตกอยู่ในวงจรของการเฝ้ามองแตเขาและคิดถึงแค่เรื่องของเขา”
“อืมมม”

เมื่อได้ยินเรื่องของเธอ มิสทิคได้เริ่มเปรียบเทียบสถานการณ์ของตัวเองกับของคาริน่า คาริน่าได้ยิ้มออกมาและพูดเรื่องราวของเธอให้จบ

“ฉันได้เห็นตัวเองในตัวเขา และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกกับเขามากขึ้นตามที่ฉันได้เห็นการเปลื่ยนแปลงของเขา มิสทิคเธอก็เหมือนกันใช่ไหม?”
“ฉะ ฉัน”

เมื่อคิดไปถึงโอโรจิส เธอก็รู้สึกขกลุกในใจ โอโรจิกับมิสทิคได้ประสบกับการเปลื่ยนแปลงมากมายในระหว่างยอยู่กับยูอิลฮาน พวกเขาต่างล้อเลียนกันและกัน บางครั้งก็พึ่่งพากันและกัน… และในระหว่างนั้นมิสทิคก็รู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกใหม่แตกหน่อขึ้นมา

“ขอบคุณสำหรับคำตอบนะ ฉัคิดว่านี่เป็นแหล่งอ้างอิงที่ดีเลย”
“มิสทิค”
“ว่าไง?”
“เมื่อมีโอกาสนะ…”

คาริน่าได้เอามือปิดหูนิคไว้และกระซิบกับมิสทิค หลังจากได้ยินเรื่องนี้หน้ามิสทิคก็เปลื่ยนเป็นสีแดง

“โอเคนะ?”
“ดะ ได้เลย”

มิสทิคได้เดินออกไปด้วยท่าทางที่เหมือนกับหุ่นย์กระป๋อง คาริน่าได้หัวเราะออกมาทันทีที่เห็นเธอเดินจากไปและก้มลงมาลูบหัวนิค เขาดูคล้ายกันกับมิเชลและไม่อาจจะน่ารักไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

หนึ่งในคนที่มิสทิคไปหาอีกคนนั่นก็คือยูเรียล น่าบังเอิญที่เธอกำลังอยู่กับกาเบรียล

“คิมเยซอลอยู่ไหนล่ะ?”
“เธอไปหาอิลฮานพร้อมข่าวใหญ่สองเรื่องน่ะ”
“ข่าวใหญ่?”

เมื่อมิสทิคได้แสดงความสงสัยออกมา กาเบรียลก็หยักหน้าพูดออกมา

“อิลฮานจะมีน้อง”
“น้อง?”
“อิลฮานจะมีน้องอีกคนหนึ่ง…”
“…”

มิสทิคได้หรี่ตามองไปที่กาเบรียล ยูเรียลที่อยู่ข้างได้ลูบที่หน้าท้องของเธออย่างพึงพอใจ

“นายมันแย่มาก…”
“เธอกำลังเข้าใจผิดมิสทิค พวกเราเพิ่งจะแต่งงานกันมาเมื่อเร็วๆนี้เอง”

คิมเยซอลได้มีงานแต่งไปแล้ว แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็กลังมีงานแต่งอีกอย่างหนึ่งพร้อมๆกันกับยูเรียลด้วย เธออยากที่จะใส่ชุดแต่งงานอะไรแบบนั้น

แน่นอนว่ากาเบรียลก็ไม่ได้มีสิทธิ์ค้านอะไรอยู่แล้ว และยูเรียลก็พึงพอใจที่ได้ยืนเคียงข้างเขา

“ยูเรียล”

มิสทิคได้นึกในใจว่ากาเบรียลคือชายที่มีศักยภาพเหมือนยูอิลฮาน และเมินเขาไปก่อนจะหันไปมองยูเรียล

“ทำไมเธอถึงได้ตกหลุมรักคนๆนี้?”
“การจะตกหลุมรักใครต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?”

นี่คือคำตอบของยูเรียล เธอได้ยิ้มออกมาอย่างงดงาม

“ฉันก็แค่ชอบเขามาก ชอบตอนที่เขาเล่นมุกกับฉันบนสวรรค์ ตอนที่เขารู้สึกเจ็บปวดจากอนาคตที่ได้เห็น ตอนที่เขาต้องถอนหายใจออกมาเพราะความขัดแย้งด้านความคิดของลูซิเอลกับมิคาเอล และในตอนที่เขาเฝ้าดูแลคนอื่นๆ…”
“อย่ามาชมกันต่อหน้าสิยูเรียล”

“ฉันได้พูดอยู่เสมอ ความรักไม่ใช่สิ่งที่น่าอายเลย มันคือพรที่ทรงคุณค่า เจิดจ้าและงดงาม ความรักได้เกิดขึ้นมาโดยที่ฉันไม่รู้เลยและเมื่อฉันรู้ตัว ฉันก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจความรักแล้ว แน่นอนว่าก็มีคนหลีกหนีไปจากอารมณ์นี้ได้ แต่ว่าฉันก็อยากที่จะรักเขาต่อไปและในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นความจริง”
“นับหมื่นๆปีน่ะหรอ?”
“ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวเลยที่ฉันจะหยุดรักเขา แต่ว่านะ… ใช่แล้ว ต่อให้ความรู้สึกฉันจะเปลื่ยนไป ฉันก็ไม่เสียใจไปกับช่วงเวลานั้นอยู่ดี การเฝ้ารอคอยเขาไม่เคยเลยที่ฉันจะไม่มีความสุข”
“…”
“ไม่ต้องกลัวมิสทิค”

“ความรู้สึกของเธอมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องซ่อนไว้ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องเผยมันออกมา อย่ากลัวเรื่องในอนาคตสิ อย่าเสียศรัทธาในตัวเองและยอมรับสิ่งที่เธอเป็น แค่นี้กพอแล้ว”
“ยอมรับในตัวเอง…”

“ขอบใจนะที่ช่วย ตอนนี้ฉันจะไปแล้ว โอ้ แล้วก็ยินดีด้วยนะที่ท้อง”
“ตอนนี้ฉันอยากจะมีลูกสาว แค่ลูกชายคนเดียวก็เกินพอแล้ว”
“ฉันอยากได้ลูกชายกาเบรียล ลูกชายที่ยอดเยี่ยมเหมือนคุณ”
“อ๊าา ฉันไม่ต้องการอิลฮานอีกคน!”

“โอ้ มิสทิค”
“คังฮาจิน”
“นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เราเจอกัน แต่ว่าเธอก็ยังดูประหม่าอยู่ดี”

“นายไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลยจนจบ”
“ใช่แล้ว ฉันได้หาวิธีที่จะไปถึงสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้ว แต่ว่าฉันไม่มีพรสวรรค์ใดๆในการทำแบบนั้น”

“แม้ว่านี่จะไม่ได้อยู่ในความเห็นของเรา แต่ว่าชื่อเสียงนายก็เกือบจะเทียบได้กับนายท่านเลยนี่?”
“อีกไม่นานฉันก็จะแต่งงานแล้วเหมือนกัน พ่ออยากจะให้ฉันแต่งงานกับชาวเกาหลี แต่ว่ามันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันต้องการเนี้ยสิ”

“แน่นอนว่านี่คือการแต่งงานทางการเมือง นี่ต้องไม่ใช่แค่การแต่งงานธรรมดาๆเท่านั้นแน่”
“นาย… รักนายูนาไม่ใช่หรอ?”
“ใช่แล้ว”

“เจ็บใจไหม?”
“เจ็บสิ ยังไงก็ตามในตอนที่ฉันรู้ตัวมันก็สายเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว เพราะแบบนั้นฉันถึงได้จัดการกับความรู้สึกตัวเองไงล่ะ นี่เป้นสิ่งที่บางคนก็ทำได้ง่ายๆในขณะที่บางคนก็ทำมันได้ยาก แต่โชคดีที่ดูเหมือนว่าฉันจะเคยทำมันมาเมื่อนานมาแล้ว”

“ฉันคิดว่าฉันมีโอกาสที่ได้เธอมา ยังไงก็ตามฉันทำตัวเหลาะแหละและยิ่งยโส ในท้ายที่สุดก็ต้องเสียเธอไป ไม่สิมันไม่เกี่ยวกับเรื่องอะไรพวกนั้นเลย ฉันเป็นชายเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดกับยูนา แต่ว่านายูนาน่าจะคิดกับฉันในฐานะพี่ชายมาแต่แรกแล้ว”
“อืมม….”

“มิสทิค”
“ว่าไง?”
“เมื่อไหร่ที่เธอคิดว่ามันถึงเวลาได้พุ่งชนเข้าไปเลยนะ การทำแบบนี้จะทำให้เธอไม่ต้องมาคิดย้อนเสียใจทีหลังแบบฉัน”

“ก่อนที่มันจะสายเกินไป ไม่ว่าใครจะคิดอะไรยังไง เธอจะต้องมุ่งตรงไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอและเธอจะได้รับคำตอบที่เหมาะสมกลับมาเอง ต่อให้ปลายทางจะเป็นความพ่ายแพ้แต่ในท้ายที่สุดมันก็จะดีขึ้นเอง”

มิสทิคได้ยอมรับคำแนะนำของเขา

“โอเค… แล้วก็นะนายูนาน่าจะไม่ได้ชอบนายแม้แต่นิดเลย! เพราะงั้นนายก็ไม่ต้องเสียใจนะ!”
“ฉันรู้แล้วน่ายัยโง่” ฉันก็แค่อยากจะโม้ซักหน่อยเท่านั้นเอง”

คังฮาจินได้ส่งเสียงหึขึ้นพร้อมหันหน้าไปทางอื่น มิสทิคที่ได้รับคำตอบมาแล้วได้วิ่งออกไปอย่างไม่ลังเล ที่ที่เธอมุ่งไปคือเมืองลอยฟ้าที่ในตอนนี้ไม่ลอยฟ้าแล้ว ที่ที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเด็กๆที่สูญเสียครอบครัวไป

“ตรงนั้น เร็วเข้า!”
“ครับอาจารย์ใหญ่”

โอโรจิได้เฝ้าคอยดูแลเด็กๆในที่แห่งนี้ เขารับหน้าที่ในการให้การศึกษาและฝึกฝนเด็กๆร่วมกันคนอื่นๆ และได้เริ่มถูกเด็กๆเรียกว่า ‘อาจารย์ใหญ่’

“โอโรจิ!”
“หืม?”

โอโรจิได้สังเกตเห็นมิสทิคและหันไปมองด้วยสีหน้ารำคาญ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของมิสทิคสีหน้าเขายิ่งดูรำคาญมากขึ้นกว่าเดิม

“โอโรจิ!!!!!”

มิสทิคได้โยนหมวกฟางของเธอออกไป การทำงานของโลกได้หยุดลงชั่วคราว แต่เธอก็เชื่อว่าในระหว่างนั้นยูอิลฮานจะจัดการแทนเธอเอง เธอได้ส่งพลังเวทย์ทั้งหมดไปที่ขาและทีบตัวออกไป

“ยัยบ้า เด็กๆทนคลื่นมานาไม่ไหว….!!!?”

จากนั้นเธอก็กระแทกโอโรจิจนล้มลงกับพื้นโดยไม่ยอมหยุดลงทำให้ปากของเธอกระแทกเข้ากับปากโอโรจิ นี่คือวิธีที่คาริน่าได้สอนเธอมา! เธอได้ดูดวิญญาณโอโรจิออกมาด้วยจูบที่รุนแดงไร้ซึ่งเทคนิคหรือเวลาให้หายใจ หลังจากการจูบที่ยาวนานผ่านไปแล้วเธอก็ตะโกนออกมา

“ฉันรักนาย!”
“นะ นี่ ยัยผู้หญิงบ้า จู่ๆนี่เธอมาพูดบ้า… อ๊ะ!?”
“กรี๊ดดด!”
“กำลังจูบกันล่ะ! อาจารย์ใหญ่กำลังถูกจูบ!”

ความวุ่นวายของเด็กๆได้เกิดขึ้นมา ไม่ใช่แค่เด็กที่กำลังฝึกเท่านั้น แต่กระทั่งเด็กที่อยู่ภายในบ้านก็ยังวิ่งออกมาดู โอโรจิได้พยายามที่จะหยุดเอาไว้แต่ว่ามิสทิคได้ใช้พลังเวทย์ของเธอจัดการเขาจนไม่อาจจะทำอะไรได้เลย

“มาแต่งงานกันเถอะ!”
“ทีล่ะขั้นตอนสิ! จะกระทันหันก็มีขีดจำกัด…!”
“มาแต่งงานกัน!”
“กรี๊ดดดดดดด!”
“เจ๋งจัง!”

โอโรจิได้พยายามใช้พลังเวทย์หลบหนีไปจากมิสทิค แต่มิสทิคก็ได้จับตามองเป้าหมายไว้แล้วและเธอจะไม่ยอมถอยง่ายๆอีกด้วย

“ห้ามหนีไปไหนนะ ตอบฉันมาเจ้างู”
“นี่เธอไปกินบ้าอะไรมา….”

เมื่อเห็นเธอมองเขาด้วยสีหน้าตั้งใจทำให้เขาต้องเกาหัวออกมา ถึงเขาจะรู้เรื่องนี้ก่อนอยู่แล้วก็ตามที แต่เธอคือคนที่ไม่อาจจะอ่านอารมณ์ออกได้เลย

“โอโรจิได้ไหม?”
“…ฟู่”

ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้เกลียดเธอ ความรักเป็นอารมณ์ที่แปลก บางทีต่อให้เป็นพระเจ้าก็อธิบายมันออกมาไม่ได้ ใช่แล้ว พระเจ้านั่นคือยูอลฮานนี่ โอโรจิได้จัดลำดับความคิดแล้วพูดออกมา

“ฉันไม่อยากแต่ง”
“อะไรนะ!?”

มิสทิคได้แสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมาราวกับเธอถูกทำลายล้างทั้งประเทศ โอโรจิได้พูดเสริมขึ้น

“ฉันยังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่ารัก เพราะงั้น… ทำไมเราไม่เริ่มจากการเดทก่อนล่ะ”
“…เจ้าบ้า! บ้าที่สุด!”

มิสทิคได้สะอื้นออกมาและเข้าโจมตีโอโรจิอีกครั้งหนึ่ง โอโรจิที่แทบจะรับเธอไม่ไหวก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาจากรอบๆและถอนหายใจออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี