บทที่ 275 – ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (1)
กองกำลังพันธมิตรแนวหน้าไม่ใช่ว่าทุกคนจะยินดีกลับมาที่โลก โดยเฉพาะพวกคนที่รู้ถึงศักยภาพถึงสิ่งมีชีชีวิตชั้นสูงดี พวกเขาไม่ชอบการที่จะต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อทำให้โลกลับมาเป็นปกติ
‘ฉันไม่คิดว่าการใช้ชีวิตแบบนี้มันแย่นะ’
นี่… เป็นคำพูดมาจากหนึ่งในสมาชิกของพันธมิตรแนวหน้าที่เขาไม่รู้จักชื่อ เขาคนนั้นได้หยักไหล่และพูดออกมา
“ฉันไม่เห็นรู้สึกว่าฉันจำเป็นต้องเอาชีวีตไปเสี่ยงเลยนี่ โอ้ ฉันไม่ได้จะว่าว่านายเป็นคนโง่หรอกนะ แล้วก็ไม่ได้คิดว่านี่เป็นเรื่องไร้ความหวังนะ แต่ยังไงก็ตาม… มันมีหลายๆอย่างได้เปลื่ยนแปลงไปแล้ว การที่จะทำให้ทุกๆอย่างกลับไปเหมือนเดิมมันก็ดี แต่ฉันไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้น”ใช่แล้ว ยูอิลฮานก็คิดว่าจะต้องมีคนพูดแบบนี้… แต่ว่าเขาก็ได้ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“นายคิดว่าแบบนั้นมันดีแล้วจริงๆน่ะหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดของยูอิลฮาน เขาคนนี้ก็ได้เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าหนีและตอบกลับมาเบาๆ
“ดูสิ ฉันไม่ได้แกร่งแบบนายนะ… เพราะแบบนั้นฉันไม่เคยคิดถึงการสู้กับทูตสวรรค์เลย ถ้าฉันมีพลังที่มหาศาลแบบนาย ฉันก็จะทำเท่แบบนายเหมือนกันนั่นแหละ แต่ว่าฉันไม่ใช่ไงล่ะ จะดูถูกฉันยังไงก็ได้นะ… แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่รวมถึงฉันก็มีสิ่งที่เรียกว่าขีดจำกัดในความกล้ากับพรสวรรค์เหมือนกัน”ยูอิลฮานได้ล้มเลิกที่จะชักจูงต่อ เขาได้เลือกปล่อยคนพวกนี้เอาไว้และเปิดใช้สกิลข้ามมิติกลับไปสู่โลก
ยูอิลฮานเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาจากใบหน้าเลย แต่ว่าโอโรจิที่แชร์อารมณ์ที่ซับซ้อนกันนิดๆได้พูดกับยูอิลฮานที่ไม่ปกติเอามากๆในสายตาของเขา
[นายท่านคงไม่ลืมหรอกนะว่านายท่านนั่นเป็นกรณีที่พิเศษ? ปฏิกิริยาของคนพวกนี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากๆ จริงๆแล้วพวกคนที่แปลกน่ะคือคนที่ตามนายท่านโดยไม่ลังเลต่างหาก]แม้ว่าเขาจะไม่อยากนับช่วงเวลาพันปีที่เขาถูกถึงบนโลกว่าเป็นโชคดี แต่ว่าหากไม่ใช่แบบนั้นเขาก็คงอาจจะมาถึงในจุดๆนี้ไม่ได้ เพราะแบบนี้มันก็เลยกวนใจเขาอยู่
ยังไงก็ตามโอโรจิก็ดูจะไม่ชอบในคำตอบของเขาและถอนหายใจออกมา
[ข้าจะไม่พูดอะไรหากว่านายท่านอยากจะบอกว่านั่นคือโชค แต่ว่านายท่านไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองเลย ข้าคิดว่านายท่านควรจะมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้นะ]การคุยกับโอโรจิได้ทำให้ยูอิลฮานถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ครั้งหนึ่งเขาเคยสู้เอาชีวิตกับโอโรจิ แต่แล้วนี่มันน่าตลกมาที่พวกเขามาคุยกันอย่างจริงใจในตอนนี้
ทุกๆคนต่างก็เปลื่ยนแปลงไปไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม นี่คือสิ่งที่ทุกๆชีวิตต้องเจอและยูอิลฮานก็ไม่เว้น เขาไม่อาจจะจำความรู้สึกในตอนที่เขาโดดเดี่ยวได้แล้ว
ถ้าเขารู้แบบนี้ บางทีเขาก็น่าจะปฏิบัติกับเลียร่าที่อยู่กับเขาในระหว่างพันปีต่างไปจากเดิมนิดๆนะ นี่มันคือสิ่งที่เขารู้สึกเสียใจเรื่องหนึ่งเลย
แต่ว่าชั่งเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน
“โอโรจิ แล้วนายไม่อยากได้ร่างกายหรอ?”ยูอิลฮานคิดว่าหากเขาใช้ร่างของอิชจาร์มาก็น่าจะได้รับผลลัพธ์ที่น่าสนใจออกมา แต่ว่าเพื่อที่จะทำแบบนั้นเขาจะต้องยกระดับพลังของโอโรจิขึ้นอีกนิด สำหรับตอนนี้มันยังเป็นไปไม่ได้
[ดูแล้วนี่คนไม่ใช่ความปราณีที่มีต่อข้า แต่เป็นเพราะนายท่านต้องการจะทำอะไรแปลกๆอีกแล้วสินะ]ในจุดนี้สกิลข้ามมิติได้ถูกใช้งานและพาพวกเขากลับมาที่โลกอีกครั้งหนึ่ง วงเวทย์ก็ได้เริ่มส่งผลกับยูอิลฮานและพรรคพวกของเขาในทันที หากว่าเขาพาคนอื่นกลับมาด้วย ยูอิลฮานก็จะลดความเร็วของป้อมปราการลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แต่น่าเสียดายที่คราวนี้เขาไม่ได้พาคนอื่นมาด้วยเลย
“ถ้างั้นเราควรจะไปโลกต่อไปเลยใช่ไหม?”ยูอิลฮานได้ตรวจดูนาฬิการทรายแห่งกาลเวลา เนื่องจากว่าเขาได้ไปโลกต่างๆมาโดยที่ไม่ใช่โลกของเขาทำให้ระยะเวลาของนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาได้ลดลงโดยที่ไม่ได้รับผลของเวลาที่ช้าลง และจากที่เห็นดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาอีก 4 วันเขาถึงจะใช้มันได้อีกครั้งหนึ่ง
“ดีล่ะ ในระหว่างนี้ผมคิดว่าผมน่าจะได้โลกอื่นได้อีกประมาณ 30 ที่”ยูอิลฮานได้ดันหน้าของเฮเรียน่าถอยไปหลังจากที่เธอได้ตอกกลับเอิลต้าและเข้ามาหาเขา จากนั้นเขาก็ดูว่าเจตจำนงผู้พิทักษ์ยังคงอยู่ดีไหม และยังไปดูอาร์ติแฟคนับล้านที่กระจายอยู่ทั่วโลก ก่อนที่จะข้ามมิติไปสู่อีกที่หมายหนึ่ง
ในโลกต่อมาที่เขามาเป็นโลกที่อยู่ในหายนะ
“ให้ตายสิ นี่ดูแย่กว่าที่กุนเดียอีก”ยูอิลฮานได้ลงไปในที่ที่มีอารยธรรมที่ถูกเผาข้างล่างและเปิดใช้สกิลบันทึก หลังจากที่เขาได้รับข้อมูลมาช้าๆ เขาก็ยักไหล่และส่ายหัวออกมา
“ไม่มีคนของโลกฉันเหลือรอดอยู่ที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว แล้วก็พวกกิลด์ที่แข็งแกร่งก็ด้วย…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี