ตอน ตอนที่ 282 จาก Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 282 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 282 – ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (8)
“ทุกๆคนหยุดงานที่ทำแล้วมารวมตัวกันก่อน”
ยูอิลฮานได้ตะโกนออกมา
เมื่อเสียงของเขาได้ดังไปทั่วทั้งบาเรีย เหล่าคนที่แช่อยู่ในอ่างแห่งปาฏิหาริย์ กองทัพมังกรที่กำลังทำการต่อสู้ขนาดใหญ่กันอยู่ ยูมิลที่กำลังฝึกใช้สกิล ทาคากากิ อสึฮะที่เพิ่งจะฆ่าปีศาจ รวมไปถึงเลียร่ากับเฮเรียน่าที่ดูจะสู้กันถึงตายแต่จริงๆแล้วกำลังซ้อมกันอยู่ พวกเขาเหล่านี้ทุกคนได้หยุดสิ่งที่ทำกันในทันที ยูอิลฮานได้อธิบายขึ้นมา
“บาเรียใกล้จะหายไปอล้ว ในตอนที่บาเรียพังลงไป ผลจากเวทย์ชะลอเวลาก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมากเพราะงั้นเตรียมตัวกันให้ดีนะ”ยูอิลฮานได้จัดการเก็บกวาดอุปกรณ์มากมายภายในบาเรียและเก็บอ่างแห่งปาฏิหาริย์กลับมา แม้ว่าในระหว่างช่วงเวลาที่อยู่ในบาเรียเขาจะไปถึงระดับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไม่ได้ แต่ว่าเขาก็ได้เก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆมามากมายทำให้เขาไม่คิดมากในเรื่องนั้น
ต่อให้ไม่นับเขากับยูมิล ก็มีคนบางส่วนร่วมถึงเลียร่ากับเฮเรียน่าที่ได้สอดประสานเข้ากันกับพลังมังกรได้สำเร็จอีกด้วย
“อ่า บาเรีย”ในตอนนี้เอิลต้าที่ไวต่อมานามากที่สุดได้พูดออกมา บาเรียแห่งเวลาที่ดูจะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ได้แตกกระจายแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ที่ใช้เวลาภายในบาเรียนี้มาเป็นเวลาปีครึ่งต่างก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมาหลังจากที่เวลาได้เริ่มเดินต่ออีกครั้งหนึ่ง
“พระเจ้า เวลาข้างนอกผ่านไปพริบตาเดียวเท่านั้นเอง”ถึงยูอิลฮานจะเตือนเอาไว้ก่อนแล้ว แต่เวทย์ชะลอเวลาที่ร่ายไว้บนโลกไม่ใช่สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงได้แค่เพราะรู้ถึงการมีอยู่ของมัน
ในตอนนี้หัวหน้ากิลด์ทั้งสามคนสามารถที่จะเคลื่อนไหวตามปกติได้ภายใต้ผลจากวงเวทย์แล้ว นี่มันก็เพราะการฝึกฝนมาตลอดปีครึ่งของพวกเขา แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ยังคงต้องกัดฟันแน่นฝืนทนกับแรงกดดันที่มหาศาล พวกเขายังถึงขนาดถูกกระตุ้นให้ปล่อยทุกๆอย่างเป็นไปตามการไหลของเวทมนต์!
“ถ้าคนในกิลด์ได้เห็นเราแบบนี้คงจะสับสนกันแน่”ยังไงก็ตามพวกเขาก็รู้ว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโลกแล้ว พวกเขาไม่อาจจะบ่นอะไรกับเรื่องนี้ได้ ยูอิลฮานได้ส่งอาวุธ ‘บางส่วน’ และอุปกรณ์สวมใส่ที่เขาใช้เวลาว่างทำขึ้นมาให้กับทั้งสามคน
“ใช้ของพวกนี้ติดอาวุธให้กับคนในกิลด์ของพวกนั้น ของพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นระดับตำนาน แต่ชั่งเถอะ มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว”เนื่องจากยูอิลฮานได้บอกแนวทางไปแล้ว ทำให้หัวหน้ากิลด์ทั้งสามคนได้แยกกันไปตามที่ของตัวเองอย่างไม่ลังเล
พวกเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะงั้นพวกเขาก็น่าจะทนนกับโลกบ้าๆใบนี้ไปได้ โดยเฉพาะกับคาริน่า มาลาเทสต้ากับมิเชล สมิธสันที่กำลังสนับสนุนกันแล้วกัน ส่วนสำหรับทาคากากิ อสึฮะ… ยูอิลฮานไม่อยากจะคิดถึงเรื่องของเธอในตอนนี้
“เอาล่ะ งั้นเราก็ควรจะทำในสิ่งที่ต้องทำต่องั้นสินะ?”คนที่เรียกยูอิลฮานแน่นอนว่าต้องเป็นโอโรจิ ตอนนี้โอโรจิได้อยู่ภายในร่างกายที่ได้รับการปรับแต่ง ‘เล็กน้อย’ จากซากของอิชจาร์ทำให้ตอนนี้โอโรจิสามารถจะควบคุมร่างกายได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโอโรจิจะอายมากหลังจากที่ได้ออกมาจากบาเรีย
[การที่ข้าต้องเดินไปไหนมาไหนทั้งแบบนี้ในร่างที่น่าอาย…]อิชจาร์ที่อยู่ภายในเกราะร่างกายมนุษย์มังกรได้ตะโกนออกมาราวกับจะสาปแช่งโอโรจิ แต่ว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้สนใจอิชจาร์เลย อิชจาร์ไม่ได้รู้เลยว่าโอโรจิหมายถึงอะไร คำว่า ‘น่าอาย’ ที่โอโรจิหมายถึงนั่นไม่ใช่ร่างกายทางกายภาพ
“ที่นายอายก็เพราะว่านายไม่สามารถจะควบคุมร่างกายได้อย่างเหมาะสมสินะ”แม้ว่าโอโรจิที่ได้ไปไหนมาไหนกับยูอิลฮานมาคลอดหลายปีและได้กินจิตวิญญาณไปมากมาย แต่การจะควบคุมร่างนี้ก็ยังคงยากอยู่ดี
“ทำให้ดีที่สุด ฉันเชื่อในตัวนาย”เขาได้ตรวจสอบสภาพพรรคพวกของเขา และจากนั้นก็ตรวจสภาพของโลก แน่นอนว่าเนื่องจากถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในบาเรียมาปีครึ่งแต่ข้างนอกเวลาเพิ่งจะผ่านไปพริบตาเดียวเท่านั้นทำให้ไม่ได้มีอะไรเปลื่ยนไปมากนัก
จริงๆแล้วการที่หัวหน้ากิลด์ทั้งสามคนได้ฆ่าปีศาจที่เกิดขึ้นมาบนโลกไปในระยะเวลาหนึงกทำให้ความหนาแน่นของมอนสเตอร์เลเวลสูงลดลงไปเช่นกัน แต่แน่นอนว่ามอนสเตอร์พวกนี้ก็จะยังคงปรากฏตัวขึ้นมาใหม่อีกอยู่ดี แต่ไม่ว่ายังไงตอนนี้กมีระบบดูดมานาจากโลกไปไว้ในดาเรย์อยู่ทำให้มันไม่น่าจะมีกรณีที่มีมอนสเตอร์ระบาดล้นโลกอีกต่อไป
“เอาล่ะ ถ้างั้นไปทำงานกันดีกว่า”ยูอิลฮานได้บอกให้ทุกๆคนได้พักผ่อนกันก่อนที่บาเรียจะพังแล้ว เพราะแบบนี้ทำให้ตอนนี้ทุกๆคนต่างก็อยู่ในสภาพปกติกัน เพราะงั้นการจะทำงานต่อในตอนนี้ก็จะไม่เกิดผลเสียอะไร คังมิเรย์ได้สีหน้ามืดมนลงไปทันทีที่ได้ยินคำประกาศให้กลับมาทำงานของยูอิลฮาน
“ถ้างั้นเราต้องแยกกันอีกแล้วสินะ?”คังมิเรย์ได้ปฏิเสธในข้อเสนอของยูอิลฮานอย่างรวดเร็ว นี่มันก็เพราะว่าไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องเป็นผู้นำทีมอีกทีมหนึ่งแน่นอน มันไม่มีทางเลยที่เธอจะได้ไปกับเขาได้ เพราะแบบนี้เธอก็เลยจะไม่ยอมให้โอกาสคนอื่นเช่นกัน! นายูนาได้หรี่ตามองมาที่เธอ แต่ว่าสีหน้าของคังมิเรย์ก็ยังมั่นคงดังเดิม
“ป้อมปราการลอยฟ้าได้ถูกเสริมพลังขึ้นมาแล้วดวย เพราะงั้นเธอก็จะต้องฝึกปรับตัวให้ชินกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันนะยูนา”ปฏิกิริยาของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่ได้ดีกันเลยสักนิดเดียว พวกเขาไม่อยากจะแยกไปจากยูอิลฮาน! นี่คือเรื่องของทางอารมณ์ แต่ว่ายูอิลฮานรู้สึกเหมือนสูญเสียตัวตนของตัวเองและตื่นตระหนกึ้นมา หากตอนนี้เขายังเรียกตัวเองว่าผู้โดดเดี่ยวอีก เขาคงโดนตบปากแน่ๆเลย
“ให้ตายสิ พวกเราทุกคนแกร่งกันขึ้นมาแล้วนะ เพราะงั้นอย่างน้อยฉันจะต้องได้อยู่เคียงข้างอิลฮานไม่ใช่หรอ?”เลียร่าก็ยังบ่นออกมา ไม่ว่าเธอเธอจะอยู่กับเขามานานแค่ไหนก็ตาม แต่ว่านั่นยังไม่พอ ความรักของเธอมันทำให้เธออยากที่จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา
“จนกว่าเราจะได้เจอกันก็อีกสองเดือนจริงๆงั้นหรอ?”หลังจากที่ได้รับคำยืนยันและได้รับการจูบเลียร่าถึงยอมปล่อยยูอิลฮานไป จากนั้นเธอก็ได้กลับไปบนป้อมปราการลอยฟ้าด้วยสายตาของทุกๆคนที่มองมาที่เธอ
เมื่อมิสทิคได้ไปที่โลกอื่นแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่อยู่บนป้อมปราการผู้พิทักษ์ นั่นคือยูอิลฮาน คิมเยซอล เฮเรียน่า และสุดท้ายคือโอโรจิที่อยู่ในร่างอิชจาร์ นี่เป็นองค์ประกอบของสมาชิกที่แปลกมากๆ
“ลูกนี่เนื้อหอมมากเลยน้า”คนพวกนี้คือคนที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกที่มนุษชาติได้หมดหวังไปแล้ว ในทันทีที่พวกเขาได้เจอเข้ากับความหวังใหม่ที่คือยูอิลฮาน พวกเขาก็พยายามจะยื้อยูอิลฮานเอาไว้
“โอ้วววว ท่านผู้ทรงพลัง! เราจะขอติดตามท่าน!”ถ้าเป็นแค่ครั้งสองครั้งยูอิลฮานก็ยอมรับได้ แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นซ้ำๆมาถึงเจ็ดสิบครั้งแล้ว ในที่สุดเขาก็หมดความอดทนแล้ว
“จะให้ฉันต้องบอกพวกนายอีกกี่ครั้งกันว่าที่โลกของฉันมันแย่ยิ่งกว่านี้อีก! หาาา? ต่อให้พวกนายมาที่โลกของฉันทั้งแบบนี้ พวกนายก็จะตายไปโดยที่ไม่ได้กระดิกนิ้วเลยด้วยซ้ำไป!”ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะพูดเรื่องโลกของเขาเกินจริงไปบ้าง แต่ว่าคนที่เสียความหวังในโลกพวกเขาไปแล้วก็ไม่ได้คิดจะถอย และเพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาคนพวกนี้กลับไปที่โลกด้วย
“ให้ตายสิ ทำไมถึงมีโลกที่เจอหายนะมากแบบนี้กันนะ!”ในบรรดาโลกที่ล่มสลาย มีโลกที่น่าทึ่งที่มีเอลฟ์ใช้ชีวิตในฐานะมนุษยชาติอยู่ เอลฟ์ส่วนใหญ่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วว มีก็เพียงแค่ส่วนน้อยมากๆเท่านั้นที่ยังรอดอยู่ แล้วเพราะอะไรบางอย่างดูเหมือนว่าเอลฟ์พวกนี้จะรู้ว่ายูอิลฮานมีสถานะเป็นจักรพรรดิในดาเรย์ทำให้พวกเอลฟ์ที่นี่เกาะติดยูอิลฮานไม่ยอมปล่อย
“หากท่านได้รับความรักจากเอลฟ์นับไม่ถ้วน ท่านจะต้องนำเราได้ดีแน่นอน!”ยิ่งวันเวลาผ่านไปเสียงถอนหายใจของยูอิลฮานก็ยิ่งดังมากขึ้น
“เหลืออีกกี่วันกันนะถึงฉันจะใช้บาเรียนาฬิการทรายแห่งกาลเวลาได้อีก?”ยูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลข้ามมิติอย่างห่อเหี่ยว แต่ว่าเมื่อเขามาถึงจุดหมายเขาก็ได้เอียงหัวออกมา
“ในโลกใบนี้ก็ไม่มีทูตสวรรค์อีกแล้ว”ยูอิลฮานได้คิดขึ้นกับตัวเองว่าอาจจะมีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นกับกองทัพสวรรค์
สงครามที่กำแพงแห่งความโกลาหลเพิ่งจะผ่านไปไม่นานนัก แต่ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจะได้ทำอะไรซักอย่างกันอีกแล้ว นี่มันน่าสงสัยมาก…
“เอาเถอะนะ ฉันก็ไม่สนใจหรอก”วันเวลาได้ผ่านไปเช่นนี้ ตอนนี้ยูอิลฮานกับพรรคพวกของเขาได้เข้าไปฝึกภายในบาเรียของนาฬิการทรายแห่งกาลเวลาเป็นครั้งที่ 10 ไปแล้ว
แต่ถึงแบบนั้นยูอิลฮานก็ยังไม่อาจจะไปถึงขอบเขตสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ เขายังขาดองค์ประกอบสำคัญอยู่
ในท้ายที่สุดแล้วยูอิลฮานก็สรุปได้ว่าเขาจะต้องรวบรวมบันทึกของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงให้มากกว่านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี