บทที่ 283 – เตรียมตัว (1)
[นี่มันบ้ามาก]
มิสทิคได้ส่งเสียงออกมาอย่างจริงจัง
[นายท่านจำเป็นที่จะไปบุกพวกนั้นอีกแล้วงั้นหรอ?]ผนึกของโลกจะหายไปเมื่อโลกนี้ได้กลายเป็นโลกระดับสูง ยังไงก็ตามยูอิลฮานมีคลาสรองนักท่องมิติอยู่ หากเขาใช้งานสกิลจ้าวมิติ เขาก็จะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนอื่นๆเข้ามาในโลกเขาได้ แต่ว่าเขาก็ต้องเตรียมตัวไว้สำหรับการที่สกิลใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน
และเพราะแบบนี้ทำให้เขาคิดว่าเขาไม่น่าจะตกไปอยู่ในความขัดแย้งในอนาคตอันใกล้นี้…
“แต่ว่าถ้าฉันอยากจะหยุดเจ้าพวกบ้านั่นให้ได้ ฉันคิดว่าฉันจะต้องแกร่งขึ้น แกร่งให้มากกว่านี้”ในท้ายที่สุดอ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ทำได้แค่กระตุ้นพลังงานภายในตัวเขาเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าไปสู่ระดับพลังที่สูงกว่านี้ได้แล้ว ไม่สิ บางทีอาจจะแค่ความเร็วมันลดลงจนช้ามากก็ได้ หากว่าเขาแช่แบบนี้ไว้ซักพันปีหรือสองพันปีเขาก็อาจจะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้
“ฉันต้องการตัวอย่างเพิ่มมากกว่านี้”นี่เป็นเวลากว่าสิบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับทูตสวรรค์ที่สังกัดกองทัพสวรรค์เลย ยูอิลฮานกับคนอื่นๆไปตระเวนไปรวบรวมผู้คนจากโลกต่างๆมากมาย ทั้งยังรับมนุษยชาติจากโลกที่ล่มสลายมาด้วย แต่ว่าจากเวลามากมายที่ผ่านไปนี้ทั้งกลุ่มของยูอิลฮานและกลุ่มของคังมิเรย์ ไม่มีใครเลยที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของทูตสวรรค์หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตชั้นสูงฝ่ายอื่นๆ
ยังไงก็ตามจู่ๆเฮเรียน่าก็พูดในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงออกมา
[นั่นมันก็เป็นความผิดของที่รักนั่นแหละ]รอยยิ้มพึงพอใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฮเรียน่า แม้ว่ารอยยิ้มนี้ของเธอจะดูชั่วร้ายมากๆ แต่ว่าตัวเขาเองกลับชินไปซะแล้ว
“ถ้างั้นเราก็คงต้องไปที่ฐานทัพของกองทัพจรัสแสงงั้นสินะ?”เฮเรียน่าได้ตอบกลับมาทันที
[การไปเยือนโลกที่มีหัวหน้าปกครองอยู่มันต่างกับการไปโลกระดับสูงอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยที่สุดการที่ที่รักจะไปที่นั่นที่รักก็จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเสียก่อน ฉันชอบการทำลายและการฆ่าฟันนะ แต่ว่าการที่รักไม่ตายมันจะดีกว่า หากเรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นฉันก็คงต้องตายตามที่รักไป]จนถึงตอนนี้ยูอิลฮานได้ประเมินฐานทัพของกองกำลังแต่ล่ะฝ่ายต่ำเกินไป แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ถึงที่กองทัพสวรรค์จะไม่เป็นไรก็ตาม… หืมม?
“…พอมาคิดดูแล้ว ฉันไม่เห็นเคยรู้สึกถึงตัวตนที่เหนือกว่าคลาส 7 ในตอนที่อยู่ในสวรรค์เลยนะ มันเป็นเพราะฉันสัมผัสถึงพระเจ้าไม่ได้งั้นหรอ?”เลียร่าได้ปฏิเสธในคำพูดของเฮเรียน่าอย่างสลดใจเพราะบางอย่าง ตัวเธอเองก็สงสัยเช่นเดียวกัน จากนั้นยูอิลฮานก็นำข้อมูลเหล่านี้มาสรุปในเรื่องที่เขาไม่ควรจะทำ
“ถ้าฐานทัพหลักมันไม่ดี ถ้างั้นเราก็ตั้งเป้าไปที่สาขาย่อยแล้วกัน”น้ำเสียงของเฮเรียน่าได้เริ่มไม่สงบเมื่อเธอได้ตอบกลับมา ยูอิลฮานได้กลัวเล็กน้อยที่ตัวเธอดูจะชอบผลลัพธ์แบบนี้ และถามเธออย่างระมัดระวัง
“ถ้างั้นไม่ใช่ว่าถ้าเรารออยู่เฉยๆพวกนั้นก็จะอ่อนแอกันไปเองหรอกนะ? แถมพวกนั้นก็คงจะเลิกสนใจโลกของฉันด้วยนี่”ยูอิลฮานได้เงียบลงไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกงงเอามากๆ จนถึงตอนนี้เขาได้เมินเรื่องราวเบื้องหลังของโลกมาตลอด แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“เล่ามาหน่อยสิเฮเรียน่า”
ในท้ายที่สุดเขาก็ได้ถามออกมา
“อะไรกันในโลกนี้ที่ทำให้สารเลวพวกนั้นสนใจ”เฮเรียน่าได้มองไปรอบๆก่อนที่จะพูดออกมา ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกเดือนครึ่งก่อนที่บาเรียจากนาฬิการทรายแห่งกาลเวลาจะหายไปเป็นครั้งที่ 11 คนอื่นๆทั้งหมดต่างก็ตั้งใจกับการฝึกหรือล่ามอนสเตอร์ คนที่อยู่รอบตัวยูอิลฮานในตอนนี้มีก็แค่เฮเรียน่า คิมเยซอล คังมิเรย์ นายูนา และเลียร่า
[ฉันอยากจะพูดกับที่รักเพียงลำพัง เพราะงั้นทุกๆคนช่วยออกไปก่อนได้ไหม?]เลียร่าได้ปฏิเสธออกมาโดยไม่คิดเลย แต่ว่ายูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมา
“ฉันก็แค่จะฟังเรื่องเล่าจากเธอเพราะงั้นไม่ต้องห่วง”คิมเยซอลได้หยักหน้าและบอกให้คนอื่นๆกลับไป เหล่าสาวๆที่นำโดยเลียร่าได้ประท้วงกันออกมา แต่แล้วพวกเธอก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ต่อหน้าการโบกมือให้ถอยอย่างอ่อนโยนของคิมเยซอล
[ถ้างั้น…]
เฮเรียน่าได้มองตรวจดูรอบๆอีกสองสามครั้ง ก่อนที่จะสร้างบาเรียบางๆขึ้นมาและเริ่มพูดกับยูอิลฮาน
[คำพยากรณ์นั้นมาจากสวนอาทิตย์อัสดง ที่รักคงจะเคยได้ยินมาแล้วสินะว่าหัวหน้าของสวนอาทิตย์อัสดงมีพลังในการพยากรณ์อยู่]หลังจากได้มองไปที่เลียร่าที่อยู่นอกบาเรีย ยูอิลฮานก็ได้หยักหน้าออกมา เขาเคยได้ยินมาจากเลียร่าในตอนสงครามที่ดาเรียแล้ว
[นั่นเป็นเหตุผลทำให้ทุกๆคนกังวลกับการเคลื่อนไหวของสวนอาทิตย์อัสดง แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปซักพัก ผู้นำก็ได้เริ่มสนใจที่โลกของที่รักซึ่งมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่โลกใบนี้ยังไม่เคยเผชิญกับมหาภัยพิบัติเลยด้วยซ้ำไป]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี