บทที่ 290 – เตรียมตัว (8)
[ถ้านั่นเป็นเทวทูตจริง คนๆนั้นคงไม่ต้องซ่อนตัวหรอกน่า]การมีปากเสียงกันระหว่างคนทรยศกับทูตสวรรค์ที่อยู่ในโลกใบนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ยูอิลฮานพบว่านี่มันเป็นฉากที่ดูน่าสนใจมากเพราะว่าตัวเราเป็นคนที่รู้ว่าใครทรยศบ้าง
“ทำไมถึงมีคนทรยศมากขนาดนี้….?”ยูอิลฮานได้หยักไหล่ตอบกลับคำพูดที่ดูสิ้นหวังของเลียร่า และในท้ายที่สุดทูตสวรรค์ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว
[ทุกๆอย่างมันจะชัดเจนเมื่อฉันตาย ดูนะ ฉันไม่ใช่คนทรยศ! หากว่าฉันตายเพราะการลอบโจมตี คนที่ทำแบบนั้นก็จะต้องเป็นศัตรูของสวรรค์แน่!”
เลือดสีขาวได้กระจายออกไปทั่ว นี่เป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ใช่คนทรยศ! ทูตสวรรค์คนอื่นๆที่มองมาที่เขาต่างก็ทำร้ายตัวเองตามกันทั้งนั้น เลือดสีขาวได้สาดกระจายออกไปจนทั่ว นี่มันแย่กว่าหนังตลกดาษดื่นอีกนะ สีหน้าของเลียร่าได้สดใสขึ้นมา
“ดีจังเลย คนที่แสดงเลือดของพวกเขาออกมาน่าจะไม่ใช่ศัตรู…”เป็นธรรมดาที่เลือดของคนทรยศจะเป็นสีเทา ยังไงก็ตามหากเป็นแบบนั้นมันไม่ใช่ว่าคนทรยศทุกๆคนก็คงจะถูกเจอตัวไปนานแล้วหรอกหรอ? ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างการบาดเจ็บในระหว่างทำภารกิจบางอย่างก็ได้ กองทัพจรัสแสงกับคนทรยศไม่ใช่คนโง่ พวกเขาทุกคนต่างก็มีเวทย์ที่จะปลอมแปลงบันทึกของพวกเขา
“พวกนั้นมันกล้าที่จะหลอกฉันงั้นหรอ”หัวของคนทรยศที่กำลังภาคภูมิใจกับเลือดสีขาวของเขา จู่ๆก็ระเบิดออกมา และเลือดสีเทาได้กระจายออกไปจนทั่ว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทูตสวรรค์ทุกๆคนในโลกนี้ต่างก็ตัวแข็งทื่อ
[ทูตสวรรค์… ตกเป็นเป้าหมายจริงๆงั้นหรอ? แล้วบันทึกของคนพวกเราก็จะถูกเปลื่ยนแปลงไปในตอนตายงั้นหรอ?]ความกังขาได้กระจายไปสู่ทูตสวรรค์ทุกๆคน สำหรับคนที่ไม่ได้ทรยศพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเวทย์ที่ปลอมแปลงบันทึกตัวเองได้ เพราะแบบนี้พวกเขาก็เลยตื่นตระหนกไปด้วย ยังไงก็ตามสีหน้าของเลียร่าที่เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
“อิลฮาน ถ้าเป็นแบบนี้…”ยูอิลฮานได้ยิ้มขึ้นและสร้างหอกขึ้นมาแปดอันในคราวเดียว จากนั้นก็ขว้างออกไปด้วยสกิลแม่นยำสัมบูรณ์
หัวของคนทรยศแปดหัวได้ระเบิดออกไปพร้อมๆกันทันที แน่นอนว่าคนเหล่านั้นก็ยังเป็นคนที่กรีดแขนตัวเองพิสูจน์ความบริสุทธิ์อีกด้วย
[ถ ถอย! นี่ต้องเป็นแผนของกองทัพจรัสแสงที่คิดจะโจมตีกองทัพสวรรค์เราแน่!]สถานการณ์ในตอนนี้ได้เปลื่ยนแปลงไปเป็นเอื้อประโยชน์ให้กับเหล่าคนทรยศ นี่คือสิ่งที่คนทรยศตั้งใจกันเอาไว้อยู่แล้ว และนี่ก็คือสิ่งที่เลียร่าเป็นกังวล แต่ไม่ว่ายังไงยูอิลฮานก็ยังคงยิ้มอยู่
“มาลองดูกันดีกว่า”
ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานอีกสกิลหนึ่ง ในตอนนี้เองการเชื่อมต่อที่มองไม่เห็นระหว่างโลกได้ถูกตัดขาดไปทันที ทูตสวรรค์ที่รู้ถึงเรื่องนี้ก็รู้ตัวแล้วว่ามันสายเกินไป
[…เอ๊ะ!?][สกิลจ้าวมิติได้เพิ่มเลเวลเป็น 78]
[เป็นไปได้ยังไงกัน! เหล่าท่านผู้สูงส่งได้ลงมาที่โลกใบนี้งั้นหรอ!?]ทูตสวรรค์ทุกๆคนต่างก็ตกตะลึง แน่นอนว่าคนทรยศได้อยู่ในสภาพที่แย่กว่ากัน และยูอิลฮานก็ได้ทำการฆ่าไปทีล่ะคนเช่นเดิม เลียร่าที่เห็นฉากนี้ก็ได้แต่ตกตะลึงเช่นกัน
“พระเจ้า… อิลฮาน นี่นาย นายฆ่าไปมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ…?”ยิ่งสกิลจ้าวมิติและสกิลบันทึกของเขาได้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งเขาทำเรื่องอะไรในเโลกที่ไปมากเท่าไหร่ เวลาที่จะใช้สกิลของเขาก็จะลดลงไปด้วย ในตอนนี้ยูอิลฮานได้ฆ่าคนทรยศในโลกระดับสูงไปมากมาย ในตอนนี้ยูอิลฮานสามารถที่จะห้ามไม่ให้ทูตสวรรค์คลาส 6 เข้าออกโลกใบนี้ได้ด้วยพลังของตนเองได้แล้ว
[สกิลจ้าวมิติได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 79]
“หืมม การฝึกฝนจะทำให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”คนที่ร้องออกมาว่าตัวเองบริสุทธิ์ต่างก็ได้เริ่มตกตายลงไป ศพของเหล่าคนที่ตายได้ถูกนำเอามาเก็บไว้ภายในช่องเก็บของของยูอิลฮาน ทูตสวรรค์ไม่อาจจะทำอะไรได้อีกแล้ว พวกเขาทั้งหนีไม่ได้ หายูอิลฮานก็ไม่เจอ รายงานไปหาพวกระดับสูงก็ไม่ได้ รวมไปถึงแยกตัวคนทรยศก็ไม่ได้ด้วย! พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว
[ถะ ถ้างั้นเราทุกคนก็จะตายกันไปหมดทั้งแบบนี้งั้นหรอ?]ทูตสวรรค์บางคนได้เริ่มแสดงนิสัยแย่ๆออกมา และพวกเขาได้ยอมแพ้ไปรวมตัวกันในจุดๆหนึ่ง แน่นอนว่าทูตสวรรค์ที่กำลังมองอยู่ก็รู้ได้ในทันที
[อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้คือ!]เมื่อคนทรยศได้เผยตัวตนออกมาและกำลังพยายามจะกลายไปเป็นเทวดาตกสวรรค์ หอกของยูอิลฮานที่ปาออกมาด้วยสกิลหอกสะบั้นจักรลายผสานกับหอกไร้วิถีจนเกิดเป็นการโจมตีกระจายออกไปในทุกๆที่ที่คนทรยศอยู่ในทันที
[ทั้งหมดนั้นเป็นคนทรยศหมดเลย…]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี