Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี นิยาย บท 299

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี – ตอนที่ 299
บทที่ 299 – ความสำเร็จ (9)

“เวรล่ะ”

ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาด้วยรอยยิ้ม การรู้แจ้งมักจะมาในตอนที่คนๆหนึ่งยอมแพ้เสมอ… การยอมแพ้นี่มันดีจริงๆเลยแหะ

“หืม? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหัวใจไม่สั่นคลอนได้ทำงานแล้ว”
“พ่อครับ ผมก็อยากจะมีสกิลนั้นเหมือนกัน”
“มันดีแล้วล่ะที่ลูกไม่มีสกิลนั้น”

ทวีปจำนวนมากมายได้ถูกขยายขึ้นเป็นสิบเท่าพร้อมๆทั้งภูเขาที่โผล่ขึ้นมาและพังทลายลงไป หุบเขาลึกได้ปรากฏขึ้นจากผืนดิน ทะเลได้แห้งแล้งลงไปในขณะที่บางส่วนมีมากขึ้นจนกลืนผืนดินไป หากเป็นคนปกติได้มาเห็นภาพนี้พวกเขาก็คงไม่อาจจะตั้งสติต่อไปได้อีกแล้ว

ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่กล้าจะปิดใช้งานหัวใจที่ไม่สั่นคลอนเพราะหวาดกลัวผลกระทบภายหลังที่จะตามมา เขาแค่ตัดสินใจปล่อยสกิลนี้เอาไว้

“ยังไงก็ตาม… พวกนายไม่เป็นอะไรนะ?”
“พะ พวกเราไม่เป็นไรครับท่านจักรพรรดิ!”
[บรู๋ววววววว!]

เหล่าเอลฟ์กับหมาป่าที่ตกตะลึงกับการเปลื่ยนแปลงที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาได้ถูกยูอิลฮานช่วยเอาไว้และพวกเขาไม่อาจจะซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ได้

วิธีการช่วยเหลือของยูอิลฮานก็ไม่ปกติเอามากๆเช่นกัน ยูอิลฮานได้ใช้วงเวทย์ที่ถูกร่ายอยู่ทั่วทั้งดาเรย์ทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งยกส่วนขึ้นเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากมหาภัยพิบัติและรวบรวมทุกๆคนมาไว้ที่นี่

“ท่านจักรพรรดิน่าทึ่งมาก”
“ดูสิๆ ท่านจักรพรรดิกำลังเปลื่ยนแปลงโลกล่ะ!”
“โอ้สวยจังเลย… ภายใต้ฝ่ามือท่านจักรพรรดิดาเรย์เรากำลังเบ่งบานขึ้นมา!”

ภายใต้ฝ่ามือท่านจักรพรรดิดาเรย์เรากำลังเบ่งบานขึ้นมา? ในตอนนี้ยูอิลฮานทำได้แค่พยายามจะควบคุมโลกเท่านั้นเองนะ!

มีเรื่องที่โชคดีและน่าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งก็คือวงเวทย์เอลฟ์โบราณนั้นได้ถูกร่ายเอาไว้นอกทวีปดาเรย์และแผ่ขยายข้ามกำแพงไปจนถึงโลกอื่นๆและทวีปของโลกอื่นๆโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆอีกด้วย

มันราวกับว่าวงเวทย์นี้ได้ถูกสร้างเอาไว้ด้วยความคิดที่จะให้มันขยายออกไปตั้งแต่แรกแล้ว

“อย่างน้อยที่สุดพวกเอลฟ์โบราณก็ได้เตรียมตัวไว้สำหรับการวิวัฒนาการโลก”
“พ่อครับ สู้ๆนะครับ”

แน่นอนว่าการที่ยูอิลฮานได้ยกระดับศักยภาพของวงเวทย์ด้วยการอัพเกรดมันก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกันล

และที่สำคัญที่สุดเลยก็น่าจะเป็นการที่ยูอิลฮานได้กลายเป็นจ้าวแห่งโลกใบนี้…

เขาคิดว่า เขาโชคดีในหลายๆด้าน

“โอ้ว โลกกำลังขยายออกไป”
“มอนสเตอร์ก็ยังได้เกิดและตายขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่น”
“อ่า… ในที่สุดท่านจักรพรรดิก็”
“…ได้กลายเป็นพระเจ้า”

ทุกๆสถานที่นอกจากที่ราบสูงที่พวกยูอิลฮานยืนอยู่ได้กำลังเปลื่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง

มอนสเตอร์ที่ไม่อาจจะทนต่อความเข้มข้นของมานาได้ก็ได้แก่ลงอย่างต่อเนื่องจนตายไปเอง และไม่นานก็จะมีมอนสเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้นมาก่อนที่จะตายไปอีกครั้งหนึ่ง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับมอนสเตอร์เท่านั้น แต่ธรรมชาติก็เป็นเช่นเดียวกัน

“สวย…”
“สวยมากๆ”
“แล้วก็… น่ากลัวมาด้วย”

การเกิดและตายคือชะตากรรมที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ และเป็นการเป็นไปที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ แต่ว่าการเป็นไปนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ หากว่ายูอิลฮานไม่ได้แย่เหล่าเอลฟ์กับหมาป่าออกมาก่อน คนพวกนี้ก็คงจะต้องเจอกับชะตากรรมที่คล้ายๆกัน เพราะงั้นการกระทำนี้ของเขาจึงยอดเยี่ยมมาก

“พ่อครับ เมื่อไหร่มันจะจบลงกันครับ?”
“ยังเหลือเวลาอยู่อีกมาก มิล ช่วยไปบอกคนอื่นๆว่าไม่ให้มาที่ดาเรย์ซักพักทีนะ”
“ได้เลยครับ!”

แม้กระทั่งในตอนที่ยูมิลได้อธิบายสถานการณ์ให้คนอื่นๆฟังผ่านเครื่องมือสื่อสาร ยูอิลฮานก็ยังเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวาย ในตอนนี้การรวมกันของโลกได้จบลงแล้ว และเพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็จะต้องจัดการช่วยวงเวทย์เอลฟ์โบราณให้เข้ากันกับโลกใบใหม่ที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสิบกว่าเท่า

[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 23]
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 24]

“ทั้งๆที่ฉันไม่เคยใช้สกิลี้มาก่อนเลเวลมันก็ยังเพิ่มขึ้นรัวๆเลยแหะ…”

สกิลประกาศิตก็คือสกิลที่เป็นการรวมกันของสกิลบันทึกกับสกิลปกครอง นี่คือสกิลที่ยืนยันถึงการยืนในตำแหน่งหัวหน้าของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง

และในตอนนี้ยูอิลฮานกำลังทำการควบคุมวงเวทย์ที่ควบคุมทั้งโลกและทำการดูดเอาบันทึกทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตมาเสริมพลังของมัน เพราะแบบนี้มันก็คล้ายกันกับการใช้สกิลบันทึกกับสกิลปกครองพร้อมๆกัน ทำให้สกิลที่วิวัฒนาการมาจากสกิลเหล่านี้ได้เพิ่มเลเวลขึ้นเช่นกัน

“…เอาล่ะถ้างั้นมาลองดูกัน”

สกิลประกาศิตก็เป็นอย่างที่เขาเพิ่งจะพูดไป มันเป็นสกิลที่จะทำให้เขาไปถึงในระดับพลังของทวยเทพ แต่ว่าในส่วนที่ยากลำบากก็คือมันจะเปิดใช้งานได้แค่ภายในส่วนพื้นที่การปกครองของเขาเท่านั้น

ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ครอบครองสกิล ‘ประจักษ์แจ้ง’ อยู่ และเขาสามารถจะใช้งานมันเพื่อสร้างพื้นที่ของเขาที่ไหนก็ได้ตลอดเวลา บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะพลังของฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ ที่ทำให้เขาได้รับเส้นทางในการวิวัฒนาการเพิ่มเติมขึ้นมามากมาย

มันยังไม่ใช่แค่นั้น ฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ ยังทำให้เขามีอิสระมากๆอีกด้วย อิสระจนมากเกินไป เพราะแบบนี้ทำให้เมื่อยูอิลฮานได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทุกๆคนต่างก็หวาดกลัวยูอิลฮาน

‘ยิ่งคิดถึงมันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้ว่ามันโกงมากแค่ไหน’

ตามปกติแล้วหัวหน้าของแต่ล่ะกองกำลังจะได้รับการเสริมพลังขึ้นอย่างมากในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของพวกเขา ในขณะเดียวกันผู้บุกรุกเข้าไปในโลกผู้อื่นก็จะได้รับบทลงโทษเช่นกัน

เพราะแบบนี้เองทำให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงของแต่ล่ะกองกำลังไม่เคยไปทำสงครามในฐานทัพหลักของฝ่ายอื่น อาจจะพูดได้ว่านี่คือความสามารถในขั้นพัฒนาของสกิลจ้าวมิติที่ยูอิลฮานครอบครองอยู่

ยังไงก็ตามตัวยยูอิลฮานที่มีฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ อยู่ทำให้เมื่อเขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าดราก้อนเนสทำให้เขาสามารถจะเมินเฉยต่อเรื่องบทลงโทษในเรื่องนั้นได้ หรือก็คือยูอิลฮานจะไม่ได้รับการเพิ่มพลังเมื่อเขาอยู่ในโลกของเขาหรือในดาเรย์ แต่ว่าในเวลาเดียวกันเมื่อเขาบุกไปที่สวรรค์หรือโลกเบื้องล่าง เขาก็จะไม่ได้รับบทลงโทษใดๆเช่นกัน

ถ้างั้นแบบนี้ไม่ใช่ว่าในตอนป้องกันจะเสียเปรียบหรอกหรอ?

พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนัก นั่นมันเพราะว่ายูอิลฮานยังมีความสามารถในฐานะนักท่องมิติอยู่ และเขาสามารถจะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆบุกเข้ามาในโลกของเขาได้

“อ่า อ่าาาาา”
“ได้ยังไงกัน…”

[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 26]
[มานาถูกใช้ไปแล้ว 48%]

“พ่อไม่เป็นอะไรนะครับ”
“ไม่เป็นไร มานาของพ่อกำลังฟื้นฟูขึ้นมาอยู่”

[ทำให้มานาของโลกใบนี้สร้างพันธะกับวงเวทย์ขึ้น]
[ทำให้สลารบนโลกถูกเสริมพลังขึ้นจากการดูดมานาเข้าไป]
[แบ่งแยกแผ่นดินและสร้างป่าขึ้น]

“แฮ่กๆ ยากจริงๆเลย”
“พ่อครับ”
“พ่อไม่เป็นไร พ่อคิดว่าตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี