การได้เห็นเลียร่าที่โผล่ออกมาพร้อมปีกมังกรได้ทำให้ทั้งกลุ่มพูดไม่ออกกันแล้ว ในท้ายที่สุดพวกเธอก็ได้รู้แล้วว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้เป็นกองกำลังที่มีชื่อว่าดราก้อนเนส และเข้าใจถึงศักยภาพของเขาในฐานะหัวหน้ากองกำลัง แน่นอนว่าคนที่ตกใจที่สุดเลยก็คือเจ้าตัวอย่างเลียร่านั่นเอง
“ฉันรู้สึกได้ถึงสายเลือดมังกรที่ไหลเวียนในตัวฉัน นอกไปจากนี้… ฉันยังได้พลังกลับมาแล้วจริงๆ ไม่สินี่มันมากยิ่งกว่าเก่าอีกด้วย”
เลียร่าได้พึมพัมกับตัวเองอย่างสับสนและดีดนิ้วขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลภายในร่างของเธอ พลังที่แกร่งยิ่งกว่าในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงซะอีก นี่มันทำให้เธอพอใจมากๆ
ไม่ใช่แค่นั้นในตอนนี้เธอยังได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานของมังกร เธอได้มีความงามที่ทำให้คนมองต้องใจเต้นแรง ในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงนั้น เธอไม่อาจจะดึงเอาพลังพรจากเทพแห่งความรักออกมาใช้ได้ง่ายๆ แต่นับตั้งแต่ที่เธอได้สูญเสียฐานะทูตสวรรค์ไปได้ทำให้เธอมีแค่พรเท่นั้นที่เหลืออยู่ พรและสายเลือดมังกรในร่างของเธอประสานกันจนทำให้เธอได้รับพลังของเธอกลับคืนมา
ดวงตาสีแดงของเธอได้กลายเป็นกระจ่างใสและลึกซึ้งยิ่งขึ้น สีผมขาวอมชมพูของเธอได้เปล่งประกายจางๆออกมา ผมสีบลอนด์ที่เงางามอยู่แล้วของเธอได้มีไรผมสีแดงผสมเข้ามาและพริ้วไสวไปตามานาราวกับมีชีวิต ตัวเธอในตอนนี้เหมือนกับ… เทพธิดา
ยูอิลฮานได้ถามเธอออกมาอย่างเป็นห่วง
“เลียร่ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มีตรงไหนไม่สบายหรือ…”หลังจากนั้นเธอก็ได้พุ่งเข้ามาจูบยูอิลฮานในทันที ปีกมังกรบนหลังของเธอที่มาแทนทีปีกทูตสวรรค์กระพืบไปมาทำให้เธอดูน่ารักเล็กๆ เฮเรียน่าที่เห็นแบบนี้ได้ตอบกลับมาอย่างหดหูใจ
[ปีกมังกรมันไม่น่าจะเกี่ยวกับพลังนะแต่ว่าทำไมเลียร่าถึงมีปีกคู่นั้นล่ะ?]จริงแล้วค่าประสบการณ์ที่เลียร่าได้รับมาในตอนที่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ก็ส่งผลให้เธอพัฒนาขึ้นมาเช่นกันและในตอนนี้เลเวลของเธอก็ได้ก้าวข้ามเลเวลเดิมของเธอตอนเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงไปไกลแล้ว ตอนเธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงเธอมีเลเวลอยู่ที่ 430 ปลายๆ แต่ว่าในตอนนี้เมื่อเธอได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานะมังกร เลเวลในปัจจุบันของเธอคือ 483 มันได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าสนามรบที่เธอได้เผชิญในระหว่างอยู่กับยูอิลฮานมันยากลำบากมากแค่ไหน
“สกิลทั้งหมดของฉันได้เปลื่ยนแปลงไปแล้วก็วิวัฒนาการด้วย นอกไปจากนี้… ฉันคิดว่าฉันสามารถเปลื่ยนร่างไปเป็นมังกรได้ด้วยล่ะ”หลังจากมองไปที่การต่อสู้ด้านนอกดวงตาของเลียร่าก็เป็นประกายขึ้นมา เธออยากที่จะทดสอบพลังใหม่งั้นสินะ ยูอิลฮานได้หยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม
“อย่าใช้พลังฆ่าพวกนั้นมากเกินไปล่ะ พวกข้างนอกยังต้องพัฒนาอีกมาก”เธอได้กางปีกบินออกไปข้างนอกบาเรียทันที ตัวเธอในตอนนี้ได้อยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์แล้ว นี่มันเหมือนกับการวาปมากกว่าบินไปซะอีก
[มะ มังกร!]แม้ว่าเธอจะกลายมาเป็นมังกรไปแล้ว แต่การตั้งชื่อของเธอก็ยังแยเหมือนอย่างเคย! ยังไงก็ตามคลื่นกระแทกขนาดยักษ์ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยพลังเพลิงก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ทุกๆคนลืมเรื่องชื่อนั่นไปได้ลย
เมื่อคลื่นกระแทกได้กระจายไปที่สนามรบจากหอกของเธอ มอนสเตอร์นับแสนก็ได้กลายเป็นชิ้นๆ
[ก๊าซซซซซซซซ!]ทั้งมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตีและมังกรต่างก็ไม่อาจจะซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้ ส่วนคนที่อยู่ด้านในก็ไม่ต่างกัน
“ฉันพอว่าอย่ามากเกินไปไงล่ะ ให้ตายสิ…!”แม้ว่าเอิลต้าจะกำลังวิเคราะห์ในตัวเลียร่าอยู่ แต่สายตาของเธอได้จ้องตรงมาที่ยูอิลฮาน สายตาเธอเป็นประกายออกมาราวกับจะถามว่า ‘ใครเป็นคนต่อไป?’ ‘เป็นฉันใช่ไหม?’ เป็นฉันสินะ? ได้โปรดเป็นฉันเถอะนะ! ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมากับสีหน้าแบบนี้ของเธอและกระดิกนิ้วขึ้น
“ยินด้วยนะเอิลต้า การก้าวไปสู่คลาส 6 นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอสินะ?”
***
คังมิเรย์กำลังเดินอยู่ภายในหุบเหวมืด ที่นี่มันลึกและเต็มไปด้วยม่านหมอกความมืด เธอไม่รู้เลยว่าเธอกำลังยืนอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่ามันมีกี่ชั้น ไม่รู้แม้แต่ว่ามันมีเพดานหรือป่าว ที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอไม่รู้เลย ที่แห่งนี้มันมีอยู่จริงๆด้วยงั้นหรอ?
“ทำไม… ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ก่อนหน้านี้เธอกำลังสู้อยู่ ช่วยคนอื่นๆเพื่อโจมตีโลกที่กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงปกครองอยู่ตามคำขอของยูอิลฮาน…
คังมิเรย์ได้ทำภารกิจนี้ของเธออย่างสุดความสามารถไปพร้อมๆกับทุกๆคนเพื่อที่จะตอบแทนยูอิลฮาน… และให้เขาสนใจตัวเธอมากขึ้น แถมนี่กำลังเป็นไปด้วยดีด้วย
“อ่า นั่นมัน”
เธอจำได้แล้ว ตอนนั้นเธอกำลังสู้กับพวกกองกำลังสิ่งมีวิตชั้นสูงอย่างราบรื่นร่วมกับโอโรจิในร่างอิชจาร์ เฮเรีน่าที่เป็นคลาส 7 ที่ไม่สมบูรณ์ และอดีตทูตสวรรค์อย่างเลียร่ากับเอิลต้า เธอได้อยู่ร่วมกับพรรคพวกที่ไม่อาจจะใช้สามัญสำนึกปกติมาคิดได้
แต่แล้วทุกๆอย่างก็มีปัญหาขึ้นมาเมื่อพวกเธอได้มาเจอเขากับสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่เหมือนกับทูตสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้นมา
พวกมันมีความสามารถในการต้านทานมานาที่สูงมากๆและมีกระทั่งบาเรียพิเศษที่ใช้ปิดกั้นการใช้งานมานาในพื้นที่ระดับหนึ่ง
พวกเธอทุกคนได้ต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นอย่างยากลำบาก ยังไงก็ตามเมื่อพวกเธอได้ยกเลิกการปิดกั้นการใช้มานาได้ชั่วคราวจากการช่วยของเฮเรียน่า คังมิเรย์ก็ได้ใช้โอกาสนี้สร้าประตูมิติขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อจัดการฆ่าเจ้าตัวแปลกๆที่โผล่ขึ้นมา เธอไม่น่าจะทำแบบนั้นได้เลย แต่แล้วเธอทำมันได้ยังไงกัน? คำถามนี้ได้วนเวียนอยู่ภายในจิตใจของเธอ
“เพราะงั้นฉันก็เลยตายแล้วสินะ?”
มันเป็นเพราะว่าเธอโลภมาก มันเป็นเพราะว่าเธอได้ทำอะไรที่เกิดกำลังงั้นหรอ?
เธอคนเดิมเป็นคนที่จะต้องหนีไปในทันทีที่เจอในสิ่งที่เธอได้ตัดสินแล้วว่ามันอันตราย แต่ว่าปัญหาคือเธอไม่กล้าทำมันเพราะเธอไม่อยากทำให้ยูอิลฮาเสียใจงั้นหรอ? เพราะงั้นเธอก็เลยตายแล้วตกมาอยู่ในมิติที่ว่างเปล่านี้?
“ถ้ามาคิดดูแล้ว นี่มันเริ่มต้นจากที่ลานปาส”
ถ้าเป็นตัวเธอในอดีต เธอก็แค่จะรอคอยไปจนกว่าที่มันจะเป็นไปได้ที่จะกลับไปสู่โลกอื่นครั้งและตั้งใจไปกับการพัฒนาความสามารถของเธอเอง เธอจะทำในสิ่งที่มันเป็นไปได้เท่านั้นและเชื่อว่านั่นมันดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเธอ
ยังไงก็ตามเธอไม่ยอมทำแบบนั้น เธอได้เริ่มวิจัยเรื่องเวทย์มิติที่ไม่ใช่ด้านที่เธอเชี่ยวชาญเลยสักนิด ทำไมกัน? เพื่อที่จะช่วยคนบนโลกงั้นหรอ? เพื่อไปหาพี่น้องเธองั้นหรอ? เพื่อไปหานายูนาหรือสมาชิกในครอบครัวงั้นหรอ?
ไม่เลย นั่นมันเพราะเธออยากจะไปเจอยูอิลฮาน เธออยากจะเจอเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ พูดตรงๆเลยก็คือเธอไม่ได้คิดถึงคนอื่นนอกไปจากเขาเลย เธอรู้สึกเหมือนกับเธอจะบ้าเพราะเธออยากจะเจอยูอิลฮาน ในตอนนั้นเธอก็ได้รู้ตัวเองแล้วว่าหัวใจเธอได้พองโตโดยที่ไม่คิดถึงใครอื่นนอกจากเขาอีกแล้ว ต่อให้นายูนาจะเสียใจเพราะเรื่องนี้ แต่มันก็คือเรื่องจริง เธอไม่อาจจะทำอะไรได้
เพราะแบบนั้นในท้ายที่สุดเธอก็เลยได้กลายมาเป็นจอมเวทย์มิติที่ได้รับพรจากเทพแห่งเวทมนต์ และได้เจอกับเขาคนนั้นอีกครั้ง
“อิลฮาน…”
เธอได้ยอมแพ้กับการเก็บซ่อนความรู้สึกไปแล้ว มีคนมากมายที่อยู่เคียงข้างเขาและคนเหล่านั้นก็งดงามยิ่งกว่าเธออีก คนที่รักเขามากยิ่งกว่าเธอ เธอคิดว่ามันอาจจะมีหวังอยู่กับชายที่ขโมยหัวใจเธอไป แต่ใช่แล้วในความเป็นจริงเธอรู้สึกหมดหนทางและอึดอัดใจ
แต่ต่อให้แบบนั้นเธอก็ไม่อยากจะทำให้ยูอิลฮานลำบากใจ เนื่องจากว่าเขาเป็นคนที่ดีแบบนั้น เธอก็ไม่อยากจะให้เขาต้องลำบากใจที่จะมาปฏิเสธเธอ
เขาเป็นคนใจดีแบบนี้เสมอไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งจนไม่ต้องสนใจสิ่งใดก็ได้!
เธอได้บอกกับตัวเองว่าแค่ยืนข้างๆเขาเธอก็พอใจแล้ว และเธอก็จะเดินเคียงข้างเขาตลอดไป ถึงแม้บางครั้งมันอาจจะทำให้ยูอิลฮานอึดอัดเพราะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้ก็ตาม…
เธอมีความสุขแล้ว เธอยินดีกับมัน ถึงมันจะเจ็บปวดแต่ก็อบอุ่นใจ
“แต่ตอนนี้สุดท้ายฉันก็กำลังตายแล้ว”
ในตอนนี้เธอจะไม่มีวันได้เจอกับเขาอีก นี่มันเป็นเรื่องเศร้ามากจนเธออยากจะทรุดตัวลงร้องไห้ซะเดี๋ยวนี้
[เธอได้ครอบครองในพลังที่น่าทึ่ง เธอได้บุกเบิกในดินแดนต้องห้ามด้วยตัวของเธอเอง ความสามารถนี้ของเธอนับได้เลยว่าคือบันทึกใหม่อย่างแท้จริง]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี