Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี นิยาย บท 313

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี – ตอนที่ 313
บทที่ 313 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (5)[คุณได้วิเคราะห์ถึงส่วนหนึ่งของเร็กน่า]
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 43]“เยี่ยม ฉันได้ชื่อมาแล้ว”
[ท่านกำลังตบหน้าของทุกๆคนที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุตัวตน]
“แน่นอนสิ ก็ฉันคนนี้คือคนที่จะทำลายเรื่องพวกนั้นให้หมดไป”

ถึงแม้ว่านี่จะฟังดูเท่ แต่ว่าจริงๆแล้วยูอิลฮานก็แค่ใช้สกิลสรรสร้างของเขาอย่างดื้อด้าน เขาได้ทำการรวบรวมบันทึกที่เหลือจากการพังทลายของ ‘เร็กน่า’ ตามที่พระเจ้าต้องการให้เป็นแบบนี้หากเป็นคนอื่นด้วยเศษซากที่พังลงแบบนี้คงจะทำอะไรไม่ได้ แต่ว่าตัวเขายังได้ทำกระบวนเดียวกันนี้ซ้ำไปอีกสามสี่ครั้งจนในที่สุดสกิลสรรสร้างของเขาก็ทำงานป้องกันไม่ให้มันพังลงแต่ฟื้นฟูมันขึ้นมา นี่คือความสามารถที่น่ากลัวจริงๆ

ในกระบวนการนี้ได้มีทูตสวรรค์แปลกๆเสียไปถึงห้าตัว หลังจากนั้นส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ถูกนำมาวิเคราะห์ แยกส่วนออกแล้วก็สร้างใหม่กลับมาดังเดิมอีกครั้ง เพราะแบบนี้ก็เลยเป็นธรรมดาที่สกิลประกาศิตของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาถึงเลเวล 52

“สกิลนี่พัฒนาง่ายจังเลยเนอะ”
[หากว่าเหล่าคนที่ฝึกฝนมาเป็นหมื่นๆปีมาได้ยินคงจะโกรธจนตายแน่]
“นั่นก็ไม่ได้กเยวกับฉันนี่ ยังไงก็ตามเร็กน่า…”

ยูอิลฮานได้ได้พึมออกมาอย่างไม่สนใจและคิดถึงชื่อของทูตสวรรค์แปลกๆ

‘เร็กน่า(Legna)’ – ‘ทูตสวรรค์(Angel)’ นี่มันเขียนสลับกันนี่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาของโลกเขาหรือภาษาสวรรค์ก็เหมือนๆกัน

“จากสิ่งที่ฉันได้รู้ถึงรูปแบบการพูดที่เขาได้คุยกับมิเรย์และการตั้งชื่อที่ชัดเจนนี้ ฉันรู้สึกว่าคนๆนี้คือบอสตัวปลอม และบอสตัวจริงยังหลบอยู่หลังม่านอยู่…”
[หลักฐานยืนยันการตัดสินใจของท่านมันอ่อนเอามากๆเลยนะ แต่ว่ามันก็ดูเข้าท่าแปลกๆ…]
“ชิ นายนี่มันไม่รู้อะไรเลยอิชจาร์”

ในเกมหรือนิยาย ตัวเองมักจะเป็นคนที่แข็งแกร่งหรือแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วเสมอๆ ยังไงก็ตามหากว่ามันไม่มีอันตรายมันก็จะไม่น่าสนใจเพราะความทรงพลังของตัวเอก เพราะงั้นคนแต่งก็มักที่จะใส่ตัวละครที่ตัวเอกไม่รู้จักลงไปเป็นองค์ประกอบใหม่และใช้องค์ประกอบนี้ทำให้เกิดเรื่องที่น่าประหลาดใจขึ้นมา

เพราะแบบนั้นคนอ่านหรือผู้เล่นก็จะได้เผชิญกับความตื่นตกใจ และตัวเอกก็จะถูกโจมตีครั้งใหญ่ขึ้นทำให้ต้องตามไปแก้แค้นให้กับความสูญเสียที่เขาได้เจอ – นี่แหละคือแนวทางมาตราฐานมากๆ แต่ถึงแบบนั้นหากไม่คิดอะไรมันก็สนุกดี

“ยังไงก็ตามเรื่องน่าตกใจแบบนั้นในชีวิตจริงมันเป็นอะไรที่น่ารำคาญสุดๆไปเลย เพราะงั้นเขาไม่ควรที่จะประมาทนะ พวกเราจะต้องเตรียมตัวรับมือกับอะไรก็ตามที่จะเข้ามาไว้ตลอดเวลา”
[ถึงนี่จะไม่ใช่สิ่งที่ตัวฉัน มังกรแห่งความสิ้นหวังควรจะพูด แต่ว่านะนายท่านนี้มีชีวิตที่ยากลำบากจริงๆ]

หลังจากทำการวิเคราะห์เร็กน่าเสร็จแล้ว ยูอิลฮานก็ได้เรียงเร็กน่าที่ได้กลับไปเป็นก้อนไว้เป็นแถว

หากว่าก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นการวิเคราะห์ในโครงสร้างทางกายภาพและส่วนประกอบของพวกมัน ถ้างั้นในตอนนี้เขาจะต้องเตรียมตัวรับมือเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าพระเจ้ามีเจ้าพวกนี้อยู่แค่ไหน แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะต้องเตรียมวิธีรับมือเอาไว้อยู่ดี

“สำหรับเจ้าพวกนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้มันในตอนนี้ ฉันจะต้องกู้คืนวงเวทย์ที่ถูกทำลายไปด้วย แต่ว่ามันยังไม่มีแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อน”

ยูอิลฮานได้เข้าใจถึงพื้นฐานของแหล่งพลังนั้นแล้วด้วยเช่นกัน แต่นี่แหละที่เป็นปัญหา

“เราะจเรียกแหล่งพลังงานนี่ว่าอะไรดีล่ะ? ถ้าฉันเผาวิญญาณจะเกิดพลังงานแบบเดียวกันขึ้นหรือป่าวนะ?”
[ฉันคิดว่าหากนายท่านแยกองค์ประกอบที่ควบคุมในด้านอารมณ์ออกไปจากวิญญาณก็น่าจะคล้ายกันนะ!]
“จริงด้วย ถูกเลย เพลิงนิรันดร์ของเราฉลาดมาก อันที่จริงชื่อเธอก็ยาวไปหน่อยนะ เพราะงั้นนับจากนี้ฉันจะเรียกเธอว่าเรย์แล้วกันนะ”
[ได้เลย! ฮู่เร่!]

เรย์ก็ยังดีใจถึงแม้ว่าเขาจะตั้งชื่อให้เธอเพราะว่าชื่อเดิมยาวเกินไปก็แค่นั้น หากว่าทุกๆคนเป็นแบบเธอมันก็คงจะไม่เกิดสงครามขึ้นสินะ… พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วยูอิลฮานก็หันไปมองพวกเร็กน่าที่เหลืออยู่

“เผาไหม้วิญญาณมาเป็นเชื้อเพลิงสินะ… โกเล็มที่เคลื่อนไหวตามการทำลายชีวิตสินะ นี่มันบ้าเอามากๆเลย หรือบางทีที่พระเจ้าคิดจะลบทุกๆโลกก็เพื่อรวมพลังมาขับเคลื่อนโกเล็มพวกนี้ด้วยสินะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยแหะ ได้ทั้งทำลายโลกแล้วก็เพิ่มจำนวนโกเล็มด้วย”
[จากที่นายท่านพูดมานั่นมันเหมาะกับ ‘บทบาทตัวโกง’ สุดๆไปเลยนะ]
“วิญญาณ วิญญาณ…”

ในองค์ประกอบพื้นฐานของยูอิลฮานก็มีพลังของยมทูตที่เป็นจ้าวแห่งวิญญาณอยู่ พอมาคิดดูแล้วเขาน่าจะทำอะไรในขอบเขตของพระเจ้าได้ในตอนที่มีคลาสนี้ แต่แน่นอนว่าต่อให้เป็นตอนนี้ที่เขากลายมาเป็นหัวหน้าดราก้อนเนส เขาก็ยังคงมีพลังนั้นอยู่กับตัว

“บางที…”

พระเจ้าได้ไปถึงระดับที่สามารถจะสร้างพลังจากวิญญาณได้ เพราะงั้นหากว่ายูอิลฮานก้าวข้ามไปอีกขั้น ก้าวเข้าไปในพลังแห่งวิญญาณ

“แต่ว่าเจ้าตัวพวกนี้ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่เมินเฉยต่อมานาไปจนหมด พวกมันก็แค่เพิ่มพลังให้กับคุณสมบัติของวัตถุดิบเพื่อที่จะยับยั้งและหยุดมานา”

นี่มันไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้อง มันเป็นเส้นทางที่ผิดที่่จะนำไปสู่ความตายและความบิดเบี้ยว ยูอิลฮานไม่คิดจะใช้พลังแบบนี้เลยซักนิดเดียวต่อให้เขาจะมีโอกาสก็ตาม

“ดีล่ะ ถ้างั้นก็เหลืออยู่แค่อีกวิธีเดียว”

ยูอิลฮานได้ยกมือขึ้นมาตวัด เศษเสี้ยงเพลิงนิรันดร์จำนวนหลายเส้นได้ออกมาจากมือของเขาและเผาร่างเร็กน่าทิ้งไป

[จะไม่เป็นไรหรอ?]
“ใช่สิ ฉันได้วัตถุดิบมามากพอแล้ว แล้วก็สกิลประกาศิตก็พัฒนาขึ้นมามากด้วย”
[แยกออกมาซะ! จงบริสุทธิ์! ย่าาาห์!]

หลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมงร่างของเร็กน่าก็ถูกทำลายกลายมาเป็นโลหะกับแร่สิบชนิด เขาได้สร้างร่างกายของมันกับวงเวทย์ขึ้นมาใหม่ก็แค่เพื่อที่จะทำลายมันอีกครั้งงั้นหรอ? อิชจาร์ได้แค่อุทานออกมา ยูอิลฮานได้ประกาศอย่างมั่นใจทันที

“ฉันจะเดินในทางที่ต่างออกไป”
[ทางที่นายท่านเลือกไปจะเป็นเส้นทางที่ถูกหรอ?]
“ไม่หรอก แต่ว่ามันเป็นทางแห่งชัยชนะ ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ฉันก็แค่ต้องชนะ นั่นแหละคือทางของฉัน!”
[…]

นี่มันดูไม่ต่างไปจากสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำเลยนี่นา? ในใจอิชจาร์อย่างจะโต้กลับไปแบบนี้ แต่ว่าเขาไม่กล้าบอกที่จะพูดออกไป ยูอิลฮานได้เก็บของทั้งหมดลงไปในช่องเก็บของและฮัมเพลงไปมา

“ฉันยังมีงานต้องทำอีกตั้งเยอะ ดูเหมือนฉันจะยุ่งแล้วสิ”
[ท่านเป็นคนบ้างานจริงๆ…]

หลังจากผ่านไป 32 ชั่วโมงแล้วยูอิลฮานก็ได้ยกเลิกสกิลประจักษ์แจ้ง ในจุดๆนี้มังกรและสายพันธ์มังกรต่างๆต่างก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นมาอย่างมากจากการฆ่ามอนสเตอร์ต่างๆ และตอนนี้พวกเขาก็สามารถจะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่เหลือได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากสกิลแล้ว

[ที่รักมีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ?]
[อิลฮาน? นายจะไปทำอะไรที่ไหนอีกแล้วสินะ?]

เลียร่ากับเฮเรียน่าที่รู้สึกได้ว่าสกิลหายไปได้ส่งข้อความมาหาเขาทันที การส่งข้อความแบบนี้มีขึ้นมาหลังจากพวกเขาได้รวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ยูอิลฮานได้ส่งข้อความไปให้ทุกๆคน

[ฉันมีบางอย่างที่จะต้องเตรียมการอยู่เพราะงั้นตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าจะไปทำงานน่ะ ฝากช่วยดูแลสายพันธ์มังกรเก็บกวาดโลกด้วยนะ ในจุดนี้ฉันน่าจะเตรียมมันพอครอบคลุมโลกได้]
[ที่พูดถึงนี่กับดักแห่งการทำลายงั้นหรอ?]

เอิลต้าได้ถามออกมา ยังไงก็ตามน่าเสียดายที่ยูอิลฮานปฏิเสธในคำพูดนี้ของเธอ

[พวกนี้คือกับดักแห่งการทำลาย แต่ในเวลาเดียวกันก็ไม่ใช่]
[…นี่นายกวนฉันอีกแล้วงั้นหรอ? ถ้างั้นแล้วมันคืออะไรล่ะ]
[อืมม ชื่อมันสินะ… อ่อใช่แล้ว]

[น่าจะเป็นกับดักแห่งการฟื้นคืนล่ะมั้ง]
[ฟังดูไม่ดีเลยนะ]
[มั่นใจได้เลว่าเธอคิดไปเอง]
[อะไรล่ะนั่น!]

[นายท่าน ท่านกำลังจะกลับไปยุ่งมากๆอีกแล้วงั้นหรอ?]
“ใช่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่แค่ฉันนะ เธอก็จะต้องมีงานเหมือนกัน”
[แค่นี้ฉันก็มีงานมากพออยู่แล้วนะ]

“ฉันจะทำร่างกายให้เธอ”
[ฉันกำลังรอคำนี้อยู่เลยนายท่าน!]

[มีอะไรจะให้ฉันช่วยงั้นหรอนายท่าน? พูดมาได้เลยนะ! ฉันพร้อมอยู่ตลอดแหละ!]
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวพอถึงเวลาฉันจะบอกเอง เตรียมตัวเอาไว้เถอะนะ”
[หา? อ่า ได้สิ…?]

“เรย์”
[ได้เลย นายท่าน!]

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี