เมื่อก่อนยูอิลฮานก็เคยได้สร้างกับดักแห่งการทำลายมาหลายต่อหลายอัน เขากระทั่งปรับแต่งพวกมันตามแนวทางของเขาอีกด้วยซ้ำไป
แน่นอนเรื่องพวกนั้นได้ทำให้ทูตสวรรค์ต้องตกตะลึง แต่ว่าสำหรับยูอิลฮานในตอนนี้เขาอายเกินที่จะพูดว่ากับดักแห่งการทำลายที่เขาสร้างขึ้นพวกนั้นเป็นฝีมือของเขา
‘ไม่ใช่แค่เพื่อจะเอาชนะพระเจ้าเท่านั้น ฉันจะต้องสร้างดันเจี้ยนขึ้นมา… ป้องกันการแทรแซงจากภายนอกพร้อมทั้งดักจับมอนสเตอร์ทุกๆตัวที่เข้ามาได้อย่างอิสระ’
พอคิดดูแล้วนี่มันดูน่าสนใจจริงๆ ในตอนแรกที่เขาได้สร้างดันเจี้ยน เขาก็แค่ทำมันขึ้นเพื่อความปลอดภัยกับชีวิตตัวเองก็เท่านั้น แต่ว่ามาในตอนนี้เขากำลังจะทำมันตามใจตัวเองในฐานะที่เป็นหัวหน้ากองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนที่ห้า
“ฟู่… ดีมาก”
ส่วนหนึ่งของค้อนที่ตีลงไปบนทั่งได้แยกออกมาจากค้อนและกลายมาเป็นของเหลวถูกดูดเข้าไปภายในเตาหลอม และกลายเป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่ผสมเข้ากับโลหะภายในเตาหลอมนั่น ริมฝีปากของยูอิลฮานได้โค้งขึ้นมาเป็นรอยยิ้มเล็กๆ
“ใช่แลว อย่าปฏิเสธมานา แกต้องเหนือกว่ามานาและเก็บมานาเอาไว้”
โลหะผสมที่เกิดจากอัตราส่วนจำนวนมากภายในเตาหลอมได้เปลื่ยนไปมาระหว่างความเป็นของแข็ง ของเหลว และแก๊ซอย่างอิสระ
เนื่องจากมันได้เกิดขึ้นมาจากโลหะจำนวนนับไม่ถ้วนและรวมไปถึงสิ่งที่ไม่ใช่โลหะด้วย จึงทำให้ยากที่จะเรียกมันว่า ‘โลหะผสม’ แต่ถึงแบบนั้นมันก็คือโลหะอย่างแน่นอน จากประสบการณ์๕วามรู้ของยูอิลฮานที่ได้จัดการกับโลหะมาจำนวนนับไม่ถ้วนได้ทำให้เขามั่นใจ
“ก่อนหน้านี้ฉันเปลื่ยนแปลงได้แค่เฉพาะสิ่งที่มีอยู่แล้วเท่านั้น”
ภายในที่ทำงานนี้ได้เต็มไปด้วยเสียงดังของค้อนที่กระทบกับโลหะดังสะท้อนออกมานับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่ายูอิลฮานเขาจะไม่ได้สะบัดแขนเลยสักนิด แต่ว่าเสียงก็ไม่ได้หยุดลง นี่มันเพราะว่าโลหะผสมได้ปรับเปลื่ยนรูปร่างและถูกบีบอัดลงไปในทุกๆครั้งที่ทำเสียงออกมา ทุกๆครั้งที่ค้อนตกลงไปกระทบความหนาแน่นของมานาภายในโลหะได้มากยิ่งขึ้น
“ยังไงก็ตามตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว”
สกิลประกาศิตได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว สกิลนี้คือสกิลที่จะทำให้เขาสลักความตั้งใจของเขาลงไปเป็นความจริงของโลกได้ ‘นี่ไม่ใช่คำสั่งเด็ดขา’ หรือ ‘สกิลพลังคำพูด’ อย่างที่ได้เห็นจากนิยายแฟนตาซีเก่าๆ สกิลนี่มันลึกซึ้งและล้ำลึกกว่านั้นมาก คนที่จะเข้าใจมันได้มีเพียงแค่ผู้ที่มีสายตาที่มองผ่านโลกและเห็นในทุกๆสิ่งเท่านั้น
“แกจะฟื้นตัวและกลืนกิน”
โลหะผสมได้ปล่อยแสงแสบตาออกมาและเริ่มเผาไหม้ เพลิงนิรันดร์ที่หายใจและเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวกับยูอิลฮานได้ส่งเจตจำนงและมานาเข้าไปในโลหะผสมเพื่อเปลื่ยนแปลงมัน
[ย่ะห์]
เมื่อได้รับมานาไปโลหะผสมได้ขยับไปมาขณะที่อยู่กลางอากาศและเริ่มกลายเป็นจังหวะที่รุนแรงยิ่งขึ้น เปลื่ยนรูปร่างไปมากมายหลายต่อหลายครั้ง ในเวลาเดียวกันนี้ชั้นภายในของมันก็ถูกแบ่งออกเป็นร้อย พัน หมื่น แสนและแม้กระทั่งล้านชั้นโดยที่ในแต่ล่ะชั้นก็มีวงเวทย์ถูกสลักเอาไว้
“แกจะต้องดึงดูดและกักขัง”
ถัดจากชั้นของโลหะได้มีอีกชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาพร้อมๆกับที่เขาพูด มันกำลังถูกเติมเต็มฟังก์ชั่นการทำงานของมันในฐานะอาร์ติแฟคที่สร้างดันเจี้ยน
ด้วยความรู้ที่กว้างขวาง ประสบการณ์และมานาของยูอิลฮานได้ทำให้ขั้นตอนการสลักพลังลงไปเสร็จลงในเวลาไม่นาน
“แกจะต้องขัดขวางและควบคุม”
นี่คือประกาศิตสุดท้ายของเขาแล้ว คมมีดลับที่เขาได้ลับคมเอาไว้เพื่อที่จะจัดการพระเจ้า เนื่องจากฟังก์ชั่นที่ละเอียดอ่อนที่สุดและทรงพลังที่สุดของมันได้ทำให้การเปลื่ยนแปลงเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ไม่ว่าจะยังไงในท้ายที่สุดมันก็จะสำเร็จอย่างแน่นอน
วัตถุดิบที่ขาดไปได้ถูกเตาหลอมเสริมเข้ามา ส่วนวัตถุดิบส่วนเกินก็ถูกส่งกลับคืนเช่นกัน โลหะผสมได้หมุนวนอยู่กลางอากาศและในท้ายที่สุดก็แข็งตัวลง แต่ในทางกลับกันแสงที่มันปล่อยออกมาได้น่าพิศวงยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม และหลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีมันก็ไม่มีการเปลื่ยนแปลงอีกต่อไปแล้วทำให้เพลิงนิรันดร์ได้แยกตัวออกมาจากการสร้าง
[กับดักแห่งการฟื้นคืนเสร็จสมบูรณ์]อิชจาร์ไม่อาจจะทนเงียบได้อีกต่อไป
[นี่มันถูกสร้างแทบจะในทันทีเลย]ยูอิลฮานได้ยิ้มอย่างพอใจออกมาและเอาอาร์ติแฟคที่สมบูรณ์แล้วมาวางลงบนฝ่ามือ ยังไงก็ตามหลังจากได้เห็นโลหะผสมในรูปร่างลูกบาศก์มิสทิคก็ถามออกมา
[นายท่าน นี่รวมการเอนชานท์วิญญาณเข้าไปด้วยแล้วหรอ? แต่ทำไมฉันถึงได้ไม่รู้สึกถึงจิตวิญญาณจากมันเลยล่ะ?]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี