สรุปเนื้อหา ตอนที่ 336 – Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี โดย Internet
บท ตอนที่ 336 ของ Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ครั้งหนึ่งเขาเคยได้เรียนรู้เรื่องจักรวาล
ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ต่างๆที่โคจรรอบๆดวงอาทิตย์ รวมไปถึงโลกเองก็เป็นแค่หนึ่งในดาวเคราะห์ไม่กี่แห่ง นี่ก็เป็นแค่กาแล็กซี่ที่ล้อมรอบระบบสุริยะเท่านั้น จักรวาลนั้นเต็มไปด้วยกาแล็กซี่มากมาย ในตอนที่ได้เรียนรูเรื่องนี้ยูอิลฮานรู้สึกยังไงงั้นหรอ?
เขารู้สึกกลัว กลัวมากๆ เขากลัวว่าความโดดเดี่ยวของเขาที่มีอยู่แล้วจะมากยิ่งขึ้นและเมื่อเทียบกับจักรวาลนี้แล้วตัวเขาด้อยค่ายิ่งกว่าฝุ่นของจักรวาลเสียอีก
จากนั้นเขาก็ได้ถูกทิ้งเอาไว้ที่เอิร์ธเพียงลำพัง ได้เจอกับเลียร่า ได้รู้ถึงความจริงเกี่ยวกับโลกอื่นๆ มุมมองของเขาได้ถูกขยายขึ้นและในที่สุดเขาก็ได้เห็นโลกในมุมมองใหม่…
…และในตอนนี้เขาก็สามารถที่จะสร้างทั้งโลกด้วยตัวเองได้แล้ว
เขาไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้เขาสามารถจะควบคุมทุกๆอย่างได้แล้ว เพราะงั้นเขาจึงไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีก
“หากว่าฉันกลัวเรื่องการบิดเบือนชั้นบรรยากาศเพราะขนาดของดาวเคราะห์หรือการเปลื่ยนแปลงของแรงโน้มถ่วงสุริยะ ถ้างั้นฉันก็คงไม่เริ่มมันตั้งแต่แรกแล้ว โลกได้เปลื่ยนแปลงไปมากตามสิ่งที่เห็นและมุมมองที่มองมา”
พอมาคิดดูแล้วนี่มันน่าขำดีนะ ยูอิลฮานได้มองลงไปที่โลกทั้งสองใบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา โลกทั้งสองใบเป็นดาวเคราะห์แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ไม่ใช่ดาวเคราะห์
บางทีเขาอาจจะสามารถมองขึ้นไปและเห็นเพดานของจักรวาลหรือมองลงไปเห็นพื้นของจักรวาลก็ได้ ยูอิลฮานได้ยื่นมือออกไปเพื่อเชื่อมต่อกับโลกทั้งสองใบและหัวเราะออกมา แล้วหากว่าเขาไม่สามารถหรือสามารถจะเข้าถึงมันได้ล่ะ? จักรวาลจะถูกนิยามขึ้นใหม่ตามการรับรู้ของเขา
[ฉันจะย้ำอีกครั้วว่าโลกทั้งสองใบจะเท่าเทียมกัน กลายมาเป็นระดับเดียวกัน สอดประสานกลายเป็นหนึ่งเดียว]
หากว่าในตอนแรกเขาได้มุ่งหน้าไปที่เอิร์ธแทนที่จะเป็นดาเรย์ล่ะ? แน่นอนว่าต่อให้เป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกๆอย่างจะจบ
เอิร์ธก็จะก้าวขึ้นมาเป็นโลกระดับสูงในทันที และเขาก็จะตื่นตระหนกจากการมาของคนบนโลกที่กระทันหัน แต่่ว่าเขาก็จะหาวิธีที่จะต่อสู้กับศัตรูในขณะที่ปกป้องทุกๆคนโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ มันจะไม่มีมังกรใหม่ในดราก้อนเนส มีศัตรูจำนวนมากบุกเข้ามาที่โลก และมีคนมากมายที่เขาต้องปกป้อง เพราะงั้นในเวลานั้นเขาก็คงจะลำบากแน่ แต่ไม่ว่าจะยังไงนั่นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่าเช่นเดียว
มันไม่มีเลือดผิดเลือกถูกอยู่แต่แรกแล้ว มันเป็นเรื่องโง่ที่จะคิดว่าตัวเลือดที่ถูกจะทำให้ทุกๆอย่างต่างออกไป ไม่ว่าเขาจะเลือกในเส้นทานไหนต่างก็มีผลลัพธ์ที่ต่างกันมากมายเกิดขึ้นมาตามความพยายามของเขา
เพราะงั้นการรู้ล่วงหน้า คำพยากรณ์หรืออะไรพวกนี้ทั้งหมดต่างก็ไร้ค่า หากว่าเขาต้องการถ้างั้นเขาก็สามารถจะทำให้มันเป็นจริงได้ และหากว่าเขาต้องการเขาก็สามารถป้องกันมันได้ เขาก็แค่ไม่ต้องทำตามคำพยากรณ์เท่านั้นเอง ทุกๆอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเท่านั้น
ไม่สิ นั่นมันไม่ถูก
ทุกๆอย่างจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของยูอิลฮาน และคนที่อยู่เคียงข้างเขา สิ่งที่พวกเขาทุกๆคนได้ตัดสินใจร่วมกัน
[ฉันจะย้ำอีกครั้ง โลกทั้งสองใบจะเท่าเทียมกัน จะไม่มีการเสียสมดุล เผชิญหน้ากันและมอบทราย น้ำ ท้องฟ้า มานา และทุกๆอย่างที่มีอยู่ให้แก่กัน]
ในตอนนี้ยูอิลฮานคือผู้สร้างที่ยืนหยัดอยู่เหนือปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วน โลกทั้งสองใบได้เริ่มผสานเข้าด้วยกันอย่างง่ายดายตามคำสั่งของเขา ในตอนนี้ขนาดของโลกทั้งสองใบต่างก็เกิดสมดุลที่แท้จริงของกันและกัน ในที่สุด ‘การหลอมรวมวิวัฒนาการ’ ของโลกทั้งสองใบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
[สกิลทำอาหารสามารถวิวัฒนาการได้]
ในตอนนี้เองได้มีข้อความที่เขาคาดไม่ถึงโผล่ขึ้นมา ยูอิลฮานได้ลืมเรื่องสมดุลของโลกทั้งสองใบไปครู่หนึ่งและจ้องไปที่ข้อความโดยไม่รูตัว
เดี๋ยวสิ ทำไมพอมาในตอนนี้สกิลทำอาหารถึงมาวิวัฒนาการได้ล่ะ? การทำอาหารมันไม่น่าจะมีระดับสูงแล้วนี่?
เดี๋ยวสิ สามารถจะสร้างสกิลใหม่ขึ้นมาได้ด้วยสกิลที่ต่างกันสองสกิลนี่? พอเขามาคิดดูแล้วได้มีความคิดแล่นเข้ามาในหัวเขา เขานึกไปถึงในตอนที่เขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าดราก้อนเนส
ต่อนั้นเขาทำยังไงล่ะ? เขาได้ใช้ความสามารถในการสร้างสร้างตัวเองขึ้นมา และสร้างสกิลใหม่ด้วยการผสมสกิลอื่นๆเข้าด้วยกันนี่
ใช่แล้ว นั่นแหละ! หากไม่ใช่การสร้างแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก? ใช่แล้ว เขามีความสามารถในการสร้างสกิลได้ตามต้องการอยู่แล้ว! เขาได้เผลอผูกมัดตัวเองด้วยกฏการวิวัฒนาการสกิลแบบดั้งเดิมของ ‘บันทึกนภา’ และหลงลืมรากฐานของตัวเองไป!
โง่เง่าจริงๆเลย โง่อะไรแบบนี้! มันมีวิธีที่รวดเร็วและง่ายมากกว่านี้อยู่ แต่เขากลับเรียกมาในทางอ้อมที่ยาวนานเพราะเขาไม่ได้รู้ตัวว่าเขาทำมันได้
‘แต่ก็ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี่มันจะไร้ค่า’
ทุกๆขั้นตอนต่างมีค่าในตัวเองและถูกบันทึกเอาไว้ เขาได้เข้าใจคังมิเรย์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ได้เจอกับนายูนาที่แท้จริง และได้สัมผัสถึงความภักดีและความจริงใจของทุกๆคนที่นี่
การที่ทำให้เขาได้เข้าใจก็เพราะพวกเขาทุกๆคนด้วยเช่นกัน ใช่แล้ว นี่มันยังไม่สายเกินไป จริงๆแล้วนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดต่างหาก
[กำลังใช้ความสามารถในการสร้างของคุณหลอมรวมสกิลทั้งหมดของคุณให้เป็นหนึ่งและสร้างสกิลใหม่ขึ้น]
ข้อความได้ปรากฏขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเศษเสี้ยงอารมณ์ใดๆภายในข้อความ แต่ยูอิลฮานรู้สึกเหมือนกับว่าบันทึกนภากำลังเยาะเย้ยเขาอยู่
มันได้แสดงข้อความให้เขาได้เห็นในตอนที่ยูอิลฮานรู้ตัวทั้งๆที่มันรู้ว่าเขาสามารถจะทำแบบนี้ได้ตั้งนานแล้ว แน่นอนว่ามันก็แค่กำลังบอกเขาถึงสิ่งที่เขามองเห็นได้ แต่ว่าเขาก็ไม่ชอบมันเอามากๆ
[สกิลที่ไม่อาจบันทึกได้ การสร้าง กำลังทำงาน]โลกขนาดใหญ่ที่งดงามและน่าดึงดูดใจได้ปรากฏขึ้นมาในที่ที่อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้หายไป ยูอิลฮานได้พูดประโยคสุดเท่ออกมา
“เอิร์ธคือสีน้ำเงิน และนี่คือพระเจ้า”
[เอิร์ธได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว]“ฟู่ววว หลังจากทำเรื่องบ้าๆทั้งมดนี้เลเวลเพิ่มขึ้นมาแค่เลเวลเดียวเอง การจะเชี่ยวชาญมันคงจะเป็นเส้นทางที่ยาวนานและยากลำบาก”
ถึงแม้ว่าเขาจะบ่นกับข้อความที่ปรากฏขึ้นมาแต่ริมฝีปากของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ จากนั้นเขาก็ได้ลดระดับความสูงลงมาและยืนอยู่บนเมือง
เมืองนี้ยังคงลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ได้หลอมรวมเข้ากับเอิร์ธ และหลังจากที่คนอื่นๆได้ลืมตาขึ้นมาต่างก็ตกตะลึงกับสภาพในปัจจุบันของโลก
“ว้าว นี่คือโลกของเราจริงๆ!”คังมิเรย์ได้ถามออกมาด้วยสายตาที่มั่นใจ ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาและหยักหน้า
“แน่นอนสิ ทุกๆอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว”ยูอิลฮานได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ในจุดๆนี้ทุกๆอย่างได้เป็นไปตามที่เขาวางแผนไว้แล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคิดว่าหากเขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการมันคงจะดีที่สุด
“ถ้างั้นฉันควรที่จะทำในสิ่งที่ฉันจะทำตั้งแต่แรกแล้ว”มันไม่มีทางที่คิมเยซอลจะรู้ได้ถึงการเปลื่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยูอิลฮานได้อย่างสมบูรณ์ แต่ว่าเธอก็ดูจะสังเกตได้ถึงการเปลื่ยนแปลงโดยพื้นฐานในตัวเขา คำพูดที่ใจเย็นของเธอได้ทำให้ยูอิลฮานสดชื่น เขาได้ขยิบตาพูดออกมา
“นาฬิกาทรายแห่งกาลเวลา”ในตอนนี้ที่นี่เนี้ยนะ!? ในระหว่างที่ทุกๆคนกำลังงุนงงกันอยู่ ยูอิลฮานก็ได้พูดออกมาด้วยตาเป็นประกาย
“ในตอนเราเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเราสามารถที่จะทำให้เวลาไหลช้าลงได้ แต่ในตอนนี้เขาแกร่งขึ้นและสามารถจะใช้อาร์ติแฟคได้ดียิ่งขึ้นแล้ว แถมยังมีเจตจำนงผู้พิทักษ์ เอิร์ธที่ได้กลายมาสมบูรณ์แบบแล้วด้วย เพราะงั้นเราจะชะลอการไหลของเวลาได้มากแค่ไหนกันล่ะ! นี่มันน่าสนุกสุดๆไปเลยถูกไหม ลองคิดกันดูสิ”นายูนาได้พูดออกมา เลียร่าได้ถอนหายใจและเอามือก่ายหน้าผาก
“หัวใจของฉันไม่เคยหยุดเต้นเลยนับตั้งแต่ที่ฉันได้เจอเข้ากับยูอิลฮาน… ในทางที่แย่ล่ะนะ!”น้ำเสียงของยูอิลฮานนั้นจริงจังจนน่าแปลกใจ เฮเรียน่าก็ได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
“มันหมายความว่าเราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้มากพอที่จะปลอดภัยแทนที่จะไปทำอะไรเสี่ยงๆแล้วก็ต้องมาเสียใจที่หลังสินะที่รัก”ยูอิลฮานได้หยิบเอานาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาออกมาและจับมันเอาไว้ เอิร์ธได้ตอบสนองกลับมาและเริ่มเรืองแสง ตามปกติแล้วในตอนนี้เขาสามารถจะสร้างบาเรียที่ครอบคลุมได้ทั่วทั้งโลกและยังมีพื้นที่เหลืออีกได้แล้ว
เอิร์ธได้ตอบกับมา
[ฉันพร้อมแล้ว]บาเรียได้ทำงานแล้ว
นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นกาลเวลาขึ้นมา นี่คือช่วงเวลาที่กาลเวลาหยุดลงยาวนานที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี